ราคาน้ำมันดิบโลกปรับลดลงอย่างฮวบฮาบ 1.58 ดอลลาร์/บาเรล หลังปริมาณสำรองน้ำมันดิบสหรัฐ งวดเดือน พ.ค.เพิ่มขึ้น 2 แสนบาเรล ขณะที่เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น
วันนี้( 15 พ.ค.) สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า ราคาน้ำมันดิบปรับลดลงอย่างฮวบฮาบ หลังกระทรวงพลังงานสหรัฐ ระบุว่าปริมาณสำรองน้ำมันดิบสหรัฐ สิ้นสุดสัปดาห์ เมื่อวันที่ 9 พ.ค.ที่ผ่านมา เพิ่มขึ้น 200,000 บาร์เรล รวมถึงปัจจัยเทขายทำกำไร นับตั้งแต่ราคาน้ำมันดิบได้ทะยานแตะระดับสถิติเมื่อวานนี้ โดยทะยานแตะ 126.98 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล แม้ว่ามีประเมินกันว่าอุปสงค์ของการต้องการใช้น้ำมันจะลดลงก็ตามโดยในช่วงปิดตลาด
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือน มิ.ย.ร่วงลง 1.58 ดอลลาร์ ปิดที่ 124.22 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากเคลื่อนไหวในช่วง 125.69-123.90 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนมิ.ย.ลดลง 1.96 เซนต์ แตะระดับ 3.1804 ดอลลาร์ต่อแกลลอน และสัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนมิ.ย.ลดลง 8.11 เซนต์ ปิดที่ 3.6178 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนมิ.ย.ร่วงลง 2.24 ดอลลาร์ ปิดที่ 121.86 ดอลลาร์/บาร์เรล
นายฟิล ไฟน์ นักวิเคราะห์จากบริษัทเอลารอน เทรดดิ้ง กล่าวว่า นักลงทุนเทขายทำกำไรเนื่องจากความกังวลว่าสหรัฐอาจเผชิญวิกฤตพลังงาน หลังจากกระทรวงพลังงานสหรัฐรายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐในรอบสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 9 พ.ค.นี้ เพิ่มขึ้น 200,000 บาร์เรล หรือ 0.1% แตะระดับ 325.8 ล้านบาร์เรล ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะพุ่งขึ้น 2.5 ล้านบาร์เรล
ขณะที่สต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 1.7 ล้านบาร์เรล หรือ 0.8% แตะระดับ 210.2 ล้านบาร์เรล ซึ่งลดลงมากกว่าที่คาดว่าจะขยับลงเพียง 800,000 ล้านบาร์เรล ส่วนสต็อกน้ำมันกลั่นซึ่งรวมถึงเชื้อเพลิงดีเซลและน้ำมันฮีทติ้งออยล์ เพิ่มขึ้น 1.4 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 107.1 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.1 ล้านบาร์เรล
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันร่วงลงหลังจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งแกร่งขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยน หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนเม.ย.ที่ปรับตัวสูงขึ้น
เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ราคาน้ำมันดิบทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 126.98 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากสำนักข่าวฟาร์สของอิหร่านรายงานว่า อิหร่านกำลังวางแผนลดการผลิตน้ำมันลงในปริมาณ 400,000 - 1 ล้านบาร์เรล/วัน โดยจะเริ่มดำเนินการในเดือนหน้า เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายลดการขายน้ำมันของรัฐบาล
ราคาน้ำมันดิบทะยานขึ้นเหนือระดับ 126 ดอลลาร์/บาร์เรลเป็นครั้งแรกเมื่อวันศุกร์ที่ 9 พ.ค.ที่ผ่านมา หลังจากหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล รายงานว่า ประธานาธิบดีฮูโก ชาเวซ แห่งเวเนซูเอลา ร่วมมือกับกลุ่มกบฏแบ่งแยกดินแดน เพื่อโค่นโล้มอำนาจของรัฐบาลโคลัมเบีย โดยมีรายงานข่าวว่าประธานาธิบดีเวเนซูเอลาให้เงินสนับสนุนซื้ออาวุธให้กับกลุ่มกบฏ
สถานการณ์ดังกล่าวเป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติของสหรัฐเตรียมประกาศให้เวเนซูเอลาเป็นประเทศที่สนับสนุนขบวนการก่อการร้าย และอาจใช้มาตรการคว่ำบาตรต่อเวเนซูเอลาซึ่งเป็นซัพพลายเออร์น้ำมันรายใหญ่สุดของสหรัฐเอง
วันนี้( 15 พ.ค.) สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า ราคาน้ำมันดิบปรับลดลงอย่างฮวบฮาบ หลังกระทรวงพลังงานสหรัฐ ระบุว่าปริมาณสำรองน้ำมันดิบสหรัฐ สิ้นสุดสัปดาห์ เมื่อวันที่ 9 พ.ค.ที่ผ่านมา เพิ่มขึ้น 200,000 บาร์เรล รวมถึงปัจจัยเทขายทำกำไร นับตั้งแต่ราคาน้ำมันดิบได้ทะยานแตะระดับสถิติเมื่อวานนี้ โดยทะยานแตะ 126.98 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล แม้ว่ามีประเมินกันว่าอุปสงค์ของการต้องการใช้น้ำมันจะลดลงก็ตามโดยในช่วงปิดตลาด
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือน มิ.ย.ร่วงลง 1.58 ดอลลาร์ ปิดที่ 124.22 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากเคลื่อนไหวในช่วง 125.69-123.90 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนมิ.ย.ลดลง 1.96 เซนต์ แตะระดับ 3.1804 ดอลลาร์ต่อแกลลอน และสัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนมิ.ย.ลดลง 8.11 เซนต์ ปิดที่ 3.6178 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนมิ.ย.ร่วงลง 2.24 ดอลลาร์ ปิดที่ 121.86 ดอลลาร์/บาร์เรล
นายฟิล ไฟน์ นักวิเคราะห์จากบริษัทเอลารอน เทรดดิ้ง กล่าวว่า นักลงทุนเทขายทำกำไรเนื่องจากความกังวลว่าสหรัฐอาจเผชิญวิกฤตพลังงาน หลังจากกระทรวงพลังงานสหรัฐรายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐในรอบสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 9 พ.ค.นี้ เพิ่มขึ้น 200,000 บาร์เรล หรือ 0.1% แตะระดับ 325.8 ล้านบาร์เรล ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะพุ่งขึ้น 2.5 ล้านบาร์เรล
ขณะที่สต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 1.7 ล้านบาร์เรล หรือ 0.8% แตะระดับ 210.2 ล้านบาร์เรล ซึ่งลดลงมากกว่าที่คาดว่าจะขยับลงเพียง 800,000 ล้านบาร์เรล ส่วนสต็อกน้ำมันกลั่นซึ่งรวมถึงเชื้อเพลิงดีเซลและน้ำมันฮีทติ้งออยล์ เพิ่มขึ้น 1.4 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 107.1 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.1 ล้านบาร์เรล
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันร่วงลงหลังจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งแกร่งขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยน หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนเม.ย.ที่ปรับตัวสูงขึ้น
เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ราคาน้ำมันดิบทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 126.98 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากสำนักข่าวฟาร์สของอิหร่านรายงานว่า อิหร่านกำลังวางแผนลดการผลิตน้ำมันลงในปริมาณ 400,000 - 1 ล้านบาร์เรล/วัน โดยจะเริ่มดำเนินการในเดือนหน้า เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายลดการขายน้ำมันของรัฐบาล
ราคาน้ำมันดิบทะยานขึ้นเหนือระดับ 126 ดอลลาร์/บาร์เรลเป็นครั้งแรกเมื่อวันศุกร์ที่ 9 พ.ค.ที่ผ่านมา หลังจากหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล รายงานว่า ประธานาธิบดีฮูโก ชาเวซ แห่งเวเนซูเอลา ร่วมมือกับกลุ่มกบฏแบ่งแยกดินแดน เพื่อโค่นโล้มอำนาจของรัฐบาลโคลัมเบีย โดยมีรายงานข่าวว่าประธานาธิบดีเวเนซูเอลาให้เงินสนับสนุนซื้ออาวุธให้กับกลุ่มกบฏ
สถานการณ์ดังกล่าวเป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติของสหรัฐเตรียมประกาศให้เวเนซูเอลาเป็นประเทศที่สนับสนุนขบวนการก่อการร้าย และอาจใช้มาตรการคว่ำบาตรต่อเวเนซูเอลาซึ่งเป็นซัพพลายเออร์น้ำมันรายใหญ่สุดของสหรัฐเอง
