เอเชี่ยน วอลล์สตรีท เจอร์นัล – ธนาคารรายใหญ่ 2 แห่งของประเทศจีนรายงานผลการเติบโตของรายได้ที่พุ่งพรวดช่วงไตรมาสแรก ท่ามกลางการดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดของรัฐบาลปักกิ่ง
เมื่อเร็วๆ นี้ ธนาคารอินดัสเตรียล แอนด์ คอมเมอร์เชี่ยล แบงก์ ออฟ ไชน่า (ไอซีบีซี) ธนาคารพาณิชย์รัฐรายใหญ่สุดของจีนด้านมูลค่าสินทรัพย์ รายงานว่าผลกำไรสุทธิในช่วงไตรมาสแรกเพิ่มขึ้น 77% เป็น 33,100 ล้านหยวน จาก 18,700 ล้านหยวนเมื่อปีก่อนหน้า
ด้านแบงก์ ออฟ คอมมูนิเคชั่น (โบคอม) ธนาคารพาณิชย์ใหญ่อันดับ 5 ของจีน ซึ่งมีเอชเอสบีซีถือหุ้น 19.15% ผลกำไรสุทธิในช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้เพิ่มขึ้นมากกว่าเท่าตัวเป็น 7,890 ล้านหยวนจาก 3,800 ล้านหยวน
ธนาคารจีนทั้ง 2 แห่งกล่าวว่าการเติบโตของรายได้เกิดจากการรายได้ส่วนที่เป็นดอกเบี้ยและไม่ใช่ดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก นอกจากนี้ ยังเป็นผลจากการปรับลดอัตราภาษีรายได้บริษัทที่ลดลงจาก 33% เหลือ 25% เมื่อต้นปี
ไอซีบีซีเผยว่ารายได้จากดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 36% เป็น 66,290 ล้านหยวนจาก 48,580 ล้านหยวนเมื่อปีก่อนหน้า ขณะที่รายได้ค่าธรรมเนียมและคอมมิสชั่นสุทธิเพิ่มขึ้น 86% เป็น 12,060 ล้านหยวนจาก 6,470 ล้านหยวน
ด้านโบคอมรายงานว่ารายได้จากดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 50% เป็น 16,520 ล้านหยวนจาก 11,000 ล้านหยวนเมื่อปีก่อน ส่วนรายได้จากค่าธรรมเนียมและคอมมิสชั่นสุทธิพุ่งขึ้นถึง 70% เป็น 2,060 ล้านหยวน ซึ่งนับว่าเป็นผลพวงจากธุรกิจตัวกลางที่เติบโตอย่างรวดเร็วของธนาคาร ทั้งบริการให้คำปรึกษาด้านการเงินและบริการบัตรธนาคาร
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าธนาคารจีนทั่วไปจะรายงานผลประกอบการที่ดี แต่นักวิเคราะห์หลายรายไม่ได้มองในด้านบวกนัก เช่น โกล์ดแมน แซคส์ กรุ๊ป กล่าวเมื่อเร็วๆ นี้ว่า หากจะมองธนาคารจีนในแง่บวกอย่างแท้จริงแล้ว ควรพิจารณาว่าซีพีไอของจีนลดลงหรือไม่ หรือจีนจะดำเนินนโยบายที่ถูกต้องหรือไม่ ที่รวมถึงการไม่ฉุดรั้งการแข็งค่าของเงินหยวนที่เป็นไปอย่างรวดเร็ว และการควบคุมปริมาณเงินอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ตั้งแต่ต้นปีที่แล้ว รัฐบาลปักกิ่งได้ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยถึง 6 ครั้งและเพิ่มอัตราเงินสำรองของธนาคาร 13 ครั้ง เพื่อชะลออัตราเงินเฟ้อ
นอกจากนี้ ธนาคารจีนทั้ง 2 แห่งรายงานว่าปริมาณหนี้ได้เพิ่มขึ้นอย่างมั่นคงในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ โดยไอซีบีซีมีหนี้ที่ยังไม่ได้รับการชำระเพิ่มขึ้นเป็น 4.13 ล้านล้านหยวน เมื่อถึงสิ้นเดือนมีนาคม หรือเพิ่มขึ้น 4.5% จาก 3.96 ล้านล้านหยวนเมื่อสิ้นปี 2007 ส่วนหนี้สินของโบคอมรวม 1.18 ล้านล้านหยวน เพิ่มขึ้น 6.3% จาก 1.11 ล้านล้านหยวน
ขณะเดียวกัน ผู้บริหารของโบคอมกล่าวว่า ธนาคารจะลดการเติบโตลงในปี 2008 โดยจะคุมเข้มการปล่อยกู้แก่บริษัทส่งออก บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ บริษัทที่สร้างมลพิษสูง และบริษัทอื่นๆ ที่เป็นเป้าหมายของรัฐบาลจีนในการควบคุมเศรษฐกิจมหภาค เพื่อตอบรับนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการลดความร้อนแรงของเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ตาม โบคอมยังไม่ทิ้งเป้าหมายเป็นศูนย์กลางการเงินครบวงจร ซึ่งจะขยายธุรกิจไปยังภาคการประกันและหลักทรัพย์ด้วย
เมื่อเร็วๆ นี้ ธนาคารอินดัสเตรียล แอนด์ คอมเมอร์เชี่ยล แบงก์ ออฟ ไชน่า (ไอซีบีซี) ธนาคารพาณิชย์รัฐรายใหญ่สุดของจีนด้านมูลค่าสินทรัพย์ รายงานว่าผลกำไรสุทธิในช่วงไตรมาสแรกเพิ่มขึ้น 77% เป็น 33,100 ล้านหยวน จาก 18,700 ล้านหยวนเมื่อปีก่อนหน้า
ด้านแบงก์ ออฟ คอมมูนิเคชั่น (โบคอม) ธนาคารพาณิชย์ใหญ่อันดับ 5 ของจีน ซึ่งมีเอชเอสบีซีถือหุ้น 19.15% ผลกำไรสุทธิในช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้เพิ่มขึ้นมากกว่าเท่าตัวเป็น 7,890 ล้านหยวนจาก 3,800 ล้านหยวน
ธนาคารจีนทั้ง 2 แห่งกล่าวว่าการเติบโตของรายได้เกิดจากการรายได้ส่วนที่เป็นดอกเบี้ยและไม่ใช่ดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก นอกจากนี้ ยังเป็นผลจากการปรับลดอัตราภาษีรายได้บริษัทที่ลดลงจาก 33% เหลือ 25% เมื่อต้นปี
ไอซีบีซีเผยว่ารายได้จากดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 36% เป็น 66,290 ล้านหยวนจาก 48,580 ล้านหยวนเมื่อปีก่อนหน้า ขณะที่รายได้ค่าธรรมเนียมและคอมมิสชั่นสุทธิเพิ่มขึ้น 86% เป็น 12,060 ล้านหยวนจาก 6,470 ล้านหยวน
ด้านโบคอมรายงานว่ารายได้จากดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 50% เป็น 16,520 ล้านหยวนจาก 11,000 ล้านหยวนเมื่อปีก่อน ส่วนรายได้จากค่าธรรมเนียมและคอมมิสชั่นสุทธิพุ่งขึ้นถึง 70% เป็น 2,060 ล้านหยวน ซึ่งนับว่าเป็นผลพวงจากธุรกิจตัวกลางที่เติบโตอย่างรวดเร็วของธนาคาร ทั้งบริการให้คำปรึกษาด้านการเงินและบริการบัตรธนาคาร
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าธนาคารจีนทั่วไปจะรายงานผลประกอบการที่ดี แต่นักวิเคราะห์หลายรายไม่ได้มองในด้านบวกนัก เช่น โกล์ดแมน แซคส์ กรุ๊ป กล่าวเมื่อเร็วๆ นี้ว่า หากจะมองธนาคารจีนในแง่บวกอย่างแท้จริงแล้ว ควรพิจารณาว่าซีพีไอของจีนลดลงหรือไม่ หรือจีนจะดำเนินนโยบายที่ถูกต้องหรือไม่ ที่รวมถึงการไม่ฉุดรั้งการแข็งค่าของเงินหยวนที่เป็นไปอย่างรวดเร็ว และการควบคุมปริมาณเงินอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ตั้งแต่ต้นปีที่แล้ว รัฐบาลปักกิ่งได้ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยถึง 6 ครั้งและเพิ่มอัตราเงินสำรองของธนาคาร 13 ครั้ง เพื่อชะลออัตราเงินเฟ้อ
นอกจากนี้ ธนาคารจีนทั้ง 2 แห่งรายงานว่าปริมาณหนี้ได้เพิ่มขึ้นอย่างมั่นคงในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ โดยไอซีบีซีมีหนี้ที่ยังไม่ได้รับการชำระเพิ่มขึ้นเป็น 4.13 ล้านล้านหยวน เมื่อถึงสิ้นเดือนมีนาคม หรือเพิ่มขึ้น 4.5% จาก 3.96 ล้านล้านหยวนเมื่อสิ้นปี 2007 ส่วนหนี้สินของโบคอมรวม 1.18 ล้านล้านหยวน เพิ่มขึ้น 6.3% จาก 1.11 ล้านล้านหยวน
ขณะเดียวกัน ผู้บริหารของโบคอมกล่าวว่า ธนาคารจะลดการเติบโตลงในปี 2008 โดยจะคุมเข้มการปล่อยกู้แก่บริษัทส่งออก บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ บริษัทที่สร้างมลพิษสูง และบริษัทอื่นๆ ที่เป็นเป้าหมายของรัฐบาลจีนในการควบคุมเศรษฐกิจมหภาค เพื่อตอบรับนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการลดความร้อนแรงของเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ตาม โบคอมยังไม่ทิ้งเป้าหมายเป็นศูนย์กลางการเงินครบวงจร ซึ่งจะขยายธุรกิจไปยังภาคการประกันและหลักทรัพย์ด้วย