เอเชี่ยน วอลล์สตรีท เจอร์นัล - เกิดเหตุดินถล่มใกล้กับเขื่อนสามโตรก (เขื่อนซันเสีย) ในมณฑลหูเป่ยทางตอนกลางของประเทศจีน สื่อต่างชาติชี้เป็นผลกระทบจากการสร้างเขื่อนยักษ์
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เมื่อบ่ายวันเสาร์ (19 เม.ย.) ดินโคลนและหินราว 60,000 ลบ.ม.ไหลถล่มบ้านเรือนประชาชน 37 หลังที่มีผู้อาศัยรวม 179 คน และโรงเรียนประถมท้องถิ่นในหมู่บ้านเสี่ยวเหอ เมืองเกาหยัง มณฑลหูเป่ย ทั้งนี้ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต เนื่องจากทางการสั่งอพยพประชาชนไปยังที่พักชั่วคราวก่อนจะเกิดเหตุ
เฉินหัว หัวหน้าหน่วยกู้ภัยประจำตำบลเผยว่า พายุฝนได้กระหน่ำเขตอ่างเก็บน้ำที่ไม่ค่อยแข็งแรงมาตั้งแต่วันศุกร์จนทำให้เกิดเหตุดินถล่มในบ่ายวันเสาร์ที่ผ่านมา และคาดว่าสถานการณ์จะเลวร้ายลงอีกเพราะฝนจะตกต่อเนื่องอีกราว 2-3 วัน ยิ่งทำให้ปริมาณน้ำใต้ดินในบริเวณดังกล่าวเพิ่มขึ้น
นักธรณีวิทยาหลายรายได้เคยคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าเหตุดินถล่มจะเป็นหนึ่งในปัญหาสิ่งแวดล้อมหลายประการที่จะเกิดขึ้นหลังจากการสร้างเขื่อนสามาโตรกซึ่งเป็นเขื่อนขนาดใหญ่ เพราะน้ำหนักมหาศาลของน้ำที่อยู่หลังเขื่อนที่ทำให้สายน้ำแยงซีเกียงที่เคยเชี่ยวกรากไหลช้าลง จะเริ่มกัดเซาะตลิ่งที่สูงชันหลายแห่งตามลำน้ำ และด้วยระดับน้ำที่ขึ้นลงบ่อยครั้งจะกระตุ้นให้ดินถล่ม ทั้งนี้ เกาหยังจะเป็นเมืองสุดท้ายที่ประชาชนถูกย้ายออกเพื่อก่อสร้างเขื่อนซันเสีย
ปัญหาสิ่งแวดล้อมอื่นๆ ที่เคยถูกกล่าวถึงเช่น แผ่นดินไหวอ่อนๆ มลพิษทางน้ำที่รุนแรงขึ้นซึ่งเกิดจากการสะสมของตะกอน ทั้งนี้เมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้วเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นได้ออกมาเตือนเช่นกันว่าหากไม่มีมาตรการป้องกันที่เหมาะสม เมกะโปรเจกนี้อาจนำมาซึ่งหายนะ
ด้านเจ้าหน้าที่ของคณะกรรมการเขื่อนสามโตรกได้ออกมากล่าวว่า ความเสียหายเช่นดินถล่มเป็นเหตุการณ์ที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ในพื้นที่รอบๆ เขื่อนขณะที่การเก็บกักน้ำเพิ่มขึ้น
เขื่อนสามโตรกมีความสูง 180 เมตร มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก เริ่มสร้างเมื่อปี 1994 หลังเผชิญกระแสวิจารณ์และถูกเลื่อนมาหลายปี เพื่อกั้นกลางแม่น้ำแยงซีเกียง ซึ่งเป็นแม่น้ำสายยาวที่สุดของจีน และมีการสร้างแอ่งเก็บน้ำขนาดมหึมายาว 640 กิโลเมตรครอบคลุมพื้นที่ในมณฑลหูเป่ยและเสฉวนทางตอนกลางและตะวันตกของประเทศ ในการณ์นี้จีนจำต้องอพยพชาวบ้านออกจากพื้นที่ถึง 1.4 ล้านคน ตามแผนภายในปี 2009 ทางการตั้งเป้าปล่อยน้ำเข้าอ่างเก็บน้ำให้ได้ระดับลึกสุดที่ 175 เมตร
