ITV ไตรมาสแรกปีนี้ขาดทุนลดเกือบ 96% เหตุไม่ต้องรับรู้ขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์ตามสัญญา หลังจากวันที่สำนักปลัดนายกฯ บอกเลิกสัญญาเข้าร่วมงาน ขณะที่ไตรมาสแรกปีนี้มีขาดทุนจากการสำรองเผื่อดอกเบี้ยของค่าสัมปทานส่วนต่าง 108 ล้านบาท ส่วนที่เหลือ 8 ล้านบาทเป็นรายจ่ายเพียงเท่าที่จำเป็นตามสภาพการณ์ของธุรกิจ และผู้สอบบัญชีไม่แสดงความเห็นต่องบการเงิน
นายสมคิด หวังเชิดชูวงศ์ ประธานกรรมการ บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) (ITV ) แจ้งผลการดำเนินงานไตรมาสแรกปีนี้ว่า บริษัทมีผลขาดทุนสุทธิ 109.36 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 2,421.49 ล้านบาท หรือขาดทุนลดลง 95.48%
เนื่องจากในไตรมาส 1/2551 บริษัทฯ มีรายได้เพียง 10 ล้านบาท เมื่อเทียบกับรายได้ในปีก่อน 307 ล้านบาท บริษัทฯมีรายได้ลดลง 297 ล้านบาท หรือลดลง 97 % เนื่องจากในไตรมาส 1/2551 บริษัทฯ มีเพียงรายได้จากดอกเบี้ยรับและรายได้จากการประกอบกิจการของบริษัทย่อย เท่านั้น แต่ในไตรมาส 1/2550 บริษัทฯมีรายได้ค่าบริการโฆษณาจากการประกอบธุรกิจสถานีโทรทัศน์ จนถึงวันที่ 7 มี.ค.50
ขณะที่ ไตรมาส 1/2551 บริษัทฯมีต้นทุนและค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร 116 ล้านบาท ลดลง 96 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อนเนื่องจากในไตรมาส 1/2550 บริษัทฯ ยังประกอบการกิจการสถานีโทรทัศน์ จนถึงวันที่ 7 มี.ค.50 ซึ่งเป็นวันที่สำนักงานปลัดนายกฯ บอกเลิกสัญญาเข้าร่วมงานฯ และตามหลัก มาตรฐานการบัญชี บริษัทฯจำเป็นต้องรับรู้ขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์ตามสัญญา เข้าร่วมงานฯ 1,911 ล้านบาท อันเกิดจากการถูกบอกเลิกสัญญาเข้าร่วมงานฯ ซึ่ง ยังคงเป็นประเด็นข้อพิพาทที่อยู่ในระหว่างการดําเนินกระบวนพิจารณาของคณะอนุญาโตตุลาการในสถาบันอนุญาโตตุลาการ
โดยในไตรมาสที่ 1/2551 บริษัทฯมีเพียงรายการขาดทุนจากการสำรองเผื่อดอกเบี้ยของค่าสัมปทานส่วนต่าง 108 ล้านบาท ส่วนที่เหลือ 8 ล้านบาทเป็นรายจ่ายเพียงเท่าที่จำเป็นตามสภาพการณ์ของธุรกิจ ได้แก่ ค่าทนายความ ค่าธรรมเนียมศาล ค่าใช้จ่ายบริหารจัดการสำนักงาน ค่าที่ปรึกษาการเงินและที่ปรึกษากฎหมายเพื่อการจัดทําแผนฟื้นฟูกิจการ ภาระการสํารองเผื่อค่าดอกเบี้ย ของค่าตอบแทนส่วนต่าง และรายจ่ายจากการประกอบกิจการของบริษัทย่อยเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าITV ได้ส่งงบการเงินฉบับที่ผ่านการสอบทานจากผู้สอบบัญชีมายังตลาดหลักทรัพย์ โดยผู้สอบบัญชีไม่สามารถให้ความเชื่อมั่นต่องบการเงินของบริษัท ทำให้ตัวเลขผลการดำเนินงานและฐานะการเงินของบริษัทที่ปรากฏในงบการเงินอาจไม่แสดงค่าที่แท้จริงของกิจการ ตลาดหลักทรัพย์จึงแจ้งให้ผู้ถือหุ้นและ นักลงทุนทราบและพิจารณาความเห็นของผู้สอบบัญชีประกอบกับตัวเลขในงบการเงินและหมายเหตุประกอบงบการเงินอย่างระมัดระวัง และ ITV อยู่ระหว่างการแก้ไขคุณสมบัติในการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน ตลาดหลักทรัพย์จึงยังคงสั่งห้ามการซื้อหรือขายหลักทรัพย์ของบริษัทต่อไป
นายสมคิด หวังเชิดชูวงศ์ ประธานกรรมการ บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) (ITV ) แจ้งผลการดำเนินงานไตรมาสแรกปีนี้ว่า บริษัทมีผลขาดทุนสุทธิ 109.36 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 2,421.49 ล้านบาท หรือขาดทุนลดลง 95.48%
เนื่องจากในไตรมาส 1/2551 บริษัทฯ มีรายได้เพียง 10 ล้านบาท เมื่อเทียบกับรายได้ในปีก่อน 307 ล้านบาท บริษัทฯมีรายได้ลดลง 297 ล้านบาท หรือลดลง 97 % เนื่องจากในไตรมาส 1/2551 บริษัทฯ มีเพียงรายได้จากดอกเบี้ยรับและรายได้จากการประกอบกิจการของบริษัทย่อย เท่านั้น แต่ในไตรมาส 1/2550 บริษัทฯมีรายได้ค่าบริการโฆษณาจากการประกอบธุรกิจสถานีโทรทัศน์ จนถึงวันที่ 7 มี.ค.50
ขณะที่ ไตรมาส 1/2551 บริษัทฯมีต้นทุนและค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร 116 ล้านบาท ลดลง 96 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อนเนื่องจากในไตรมาส 1/2550 บริษัทฯ ยังประกอบการกิจการสถานีโทรทัศน์ จนถึงวันที่ 7 มี.ค.50 ซึ่งเป็นวันที่สำนักงานปลัดนายกฯ บอกเลิกสัญญาเข้าร่วมงานฯ และตามหลัก มาตรฐานการบัญชี บริษัทฯจำเป็นต้องรับรู้ขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์ตามสัญญา เข้าร่วมงานฯ 1,911 ล้านบาท อันเกิดจากการถูกบอกเลิกสัญญาเข้าร่วมงานฯ ซึ่ง ยังคงเป็นประเด็นข้อพิพาทที่อยู่ในระหว่างการดําเนินกระบวนพิจารณาของคณะอนุญาโตตุลาการในสถาบันอนุญาโตตุลาการ
โดยในไตรมาสที่ 1/2551 บริษัทฯมีเพียงรายการขาดทุนจากการสำรองเผื่อดอกเบี้ยของค่าสัมปทานส่วนต่าง 108 ล้านบาท ส่วนที่เหลือ 8 ล้านบาทเป็นรายจ่ายเพียงเท่าที่จำเป็นตามสภาพการณ์ของธุรกิจ ได้แก่ ค่าทนายความ ค่าธรรมเนียมศาล ค่าใช้จ่ายบริหารจัดการสำนักงาน ค่าที่ปรึกษาการเงินและที่ปรึกษากฎหมายเพื่อการจัดทําแผนฟื้นฟูกิจการ ภาระการสํารองเผื่อค่าดอกเบี้ย ของค่าตอบแทนส่วนต่าง และรายจ่ายจากการประกอบกิจการของบริษัทย่อยเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าITV ได้ส่งงบการเงินฉบับที่ผ่านการสอบทานจากผู้สอบบัญชีมายังตลาดหลักทรัพย์ โดยผู้สอบบัญชีไม่สามารถให้ความเชื่อมั่นต่องบการเงินของบริษัท ทำให้ตัวเลขผลการดำเนินงานและฐานะการเงินของบริษัทที่ปรากฏในงบการเงินอาจไม่แสดงค่าที่แท้จริงของกิจการ ตลาดหลักทรัพย์จึงแจ้งให้ผู้ถือหุ้นและ นักลงทุนทราบและพิจารณาความเห็นของผู้สอบบัญชีประกอบกับตัวเลขในงบการเงินและหมายเหตุประกอบงบการเงินอย่างระมัดระวัง และ ITV อยู่ระหว่างการแก้ไขคุณสมบัติในการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน ตลาดหลักทรัพย์จึงยังคงสั่งห้ามการซื้อหรือขายหลักทรัพย์ของบริษัทต่อไป