ไอเอฟเอส แคปปิตอล คาดเข้าตลาดหลักทรัพย์ไตรมาส 3 ปีนี้ โดยแต่งตั้ง ซีมีโก้ เป็นที่ปรึกษาการเงิน พร้อมตั้งเป้าโต 28% แจงรายได้เพิ่มจากฐานลูกค้าเดิมที่มีความต้องการใช้เงินลงทุนเพิ่มมากขึ้น พร้อมตั้งทีม ลิสซิ่ง ตอบสนองลูกค้าครบวงจรย้ำจุดแข็งโอนเงินได้ใน 24 ชม. หลังอนุมัติสินเชื่อ วงเงินสูงถึง 90% ของสัญญา
นายตัน เล เยน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไอเอฟเอส แคปปิตอล (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)(ไอเอฟเอส) เปิดเผยว่า คาดจะนำบริษัทฯ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยภายในปีนี้ โดยให้บริษัทหลักทรัพย์ ซีมิโก้ จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้ตั้งเป้ารายได้ของปี 51 ไว้ที่ 18,600 ล้านบาท หรือเติบโตเพิ่มขึ้น 28% จากรายได้ของปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 14,500 ล้านบาท ขณะนี้ยอดการขายสินเชื่อทั้งแฟคเตอริ่งและลีสซิ่ง/เช่าซื้อของไอเอฟเอส แคปปิตอล จัดอยู่ในอันดับที่ 2 ของอุตสาหกรรม
" ต้องยอมรับว่า ขณะนี้มีปัจจัยสนับสนุนธุรกิจ โดยเฉพาะฐานลูกค้าเดิมของบริษัทฯ ต้องการใช้เงินลงทุนสูงขึ้น ทำให้ยอดบิลที่ลูกค้านำมาขายให้กับบริษัทในแต่ละเดือนอยู่ที่ 1,300-1,400 ล้านบาท ส่วนหนึ่งเพราะไอเอฟเอสใช้วิธีคุยกับลูกค้าเพื่อนำเสนอบริการที่ดี และรวดเร็ว ทำให้การรับซื้อลูกหนี้การค้าเพิ่มขึ้น " นายตันกล่าว
โดยธุรกิจแฟคเตอริ่งยังไม่ได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ เพราะเศรษฐกิจขยายตัวไม่มาก การกู้ยืมจากธนาคารพาณิชย์ก็เป็นไปได้ยากขึ้น จึงเป็นโอกาสและจังหวะที่ดีของไอเอฟเอสที่จะมีลูกค้าใช้บริการมากขึ้น เช่นเดียวกับช่วงที่เศรษฐกิจขยายตัวสูง ผู้ประกอบการก็ยิ่งต้องการขยายธุรกิจและต้องการเงินทุนหมุนเวียนที่เพิ่มขึ้น ซึ่งก็เป็นประโยชน์กับธุรกิจแฟคเตอริ่งอีกเช่นกัน
สำหรับลูกค้าหลักของบริษัท ยังเป็นกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ที่มีการเจริญเติบโตที่ดี จึงมีความต้องการเงินทุนสูง และอาจกู้ยืมจากธนาคารโดยตรงได้ไม่ง่ายนัก เพราะการเข้มงวดของแบงก์ ขณะที่บริษัทพิจารณาสินเชื่อเร็วและลูกค้าสามารถรับเงินภายใน 24 ชั่วโมง โดยเงินชำระล่วงหน้าที่ได้รับอาจสูงสุดถึง 90 % ของเอกสารทางการค้า และด้วยมาตรฐานการพิจารณาสินเชื่อจากทีมงานที่มีประสบการณ์ของไอเอฟเอส ทำให้สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้หรือ NPL ของบริษัทฯ อยู่ในระดับไม่เกิน 4%
สำหรับ บริษัท ไอเอฟเอส แคปปิตอล (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ให้บริการด้านธุรกิจ แฟคเตอริ่ง ซึ่งเป็นสินเชื่อเงินทุนหมุนเวียนที่ให้บริการในรูปแบบของการรับซื้อลูกหนี้การค้าทั้งภายใประเทศและการส่งออก รวมทั้งให้บริการทางการเงินอื่น ๆ เช่น ลีสซิ่ง/เช่าซื้อสำหรับผู้ประกอบการในทุกธุรกิจ ทั้งขนาดเล็ก กลาง และขนาดใหญ่ ซึ่งจะช่วยเพิ่มทุนเงินหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจเพื่อให้เกิดความคล่องตัวและสามารถขยายกิจการด้วยความมั่นคง
นายตัน เล เยน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไอเอฟเอส แคปปิตอล (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)(ไอเอฟเอส) เปิดเผยว่า คาดจะนำบริษัทฯ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยภายในปีนี้ โดยให้บริษัทหลักทรัพย์ ซีมิโก้ จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้ตั้งเป้ารายได้ของปี 51 ไว้ที่ 18,600 ล้านบาท หรือเติบโตเพิ่มขึ้น 28% จากรายได้ของปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 14,500 ล้านบาท ขณะนี้ยอดการขายสินเชื่อทั้งแฟคเตอริ่งและลีสซิ่ง/เช่าซื้อของไอเอฟเอส แคปปิตอล จัดอยู่ในอันดับที่ 2 ของอุตสาหกรรม
" ต้องยอมรับว่า ขณะนี้มีปัจจัยสนับสนุนธุรกิจ โดยเฉพาะฐานลูกค้าเดิมของบริษัทฯ ต้องการใช้เงินลงทุนสูงขึ้น ทำให้ยอดบิลที่ลูกค้านำมาขายให้กับบริษัทในแต่ละเดือนอยู่ที่ 1,300-1,400 ล้านบาท ส่วนหนึ่งเพราะไอเอฟเอสใช้วิธีคุยกับลูกค้าเพื่อนำเสนอบริการที่ดี และรวดเร็ว ทำให้การรับซื้อลูกหนี้การค้าเพิ่มขึ้น " นายตันกล่าว
โดยธุรกิจแฟคเตอริ่งยังไม่ได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ เพราะเศรษฐกิจขยายตัวไม่มาก การกู้ยืมจากธนาคารพาณิชย์ก็เป็นไปได้ยากขึ้น จึงเป็นโอกาสและจังหวะที่ดีของไอเอฟเอสที่จะมีลูกค้าใช้บริการมากขึ้น เช่นเดียวกับช่วงที่เศรษฐกิจขยายตัวสูง ผู้ประกอบการก็ยิ่งต้องการขยายธุรกิจและต้องการเงินทุนหมุนเวียนที่เพิ่มขึ้น ซึ่งก็เป็นประโยชน์กับธุรกิจแฟคเตอริ่งอีกเช่นกัน
สำหรับลูกค้าหลักของบริษัท ยังเป็นกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ที่มีการเจริญเติบโตที่ดี จึงมีความต้องการเงินทุนสูง และอาจกู้ยืมจากธนาคารโดยตรงได้ไม่ง่ายนัก เพราะการเข้มงวดของแบงก์ ขณะที่บริษัทพิจารณาสินเชื่อเร็วและลูกค้าสามารถรับเงินภายใน 24 ชั่วโมง โดยเงินชำระล่วงหน้าที่ได้รับอาจสูงสุดถึง 90 % ของเอกสารทางการค้า และด้วยมาตรฐานการพิจารณาสินเชื่อจากทีมงานที่มีประสบการณ์ของไอเอฟเอส ทำให้สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้หรือ NPL ของบริษัทฯ อยู่ในระดับไม่เกิน 4%
สำหรับ บริษัท ไอเอฟเอส แคปปิตอล (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ให้บริการด้านธุรกิจ แฟคเตอริ่ง ซึ่งเป็นสินเชื่อเงินทุนหมุนเวียนที่ให้บริการในรูปแบบของการรับซื้อลูกหนี้การค้าทั้งภายใประเทศและการส่งออก รวมทั้งให้บริการทางการเงินอื่น ๆ เช่น ลีสซิ่ง/เช่าซื้อสำหรับผู้ประกอบการในทุกธุรกิจ ทั้งขนาดเล็ก กลาง และขนาดใหญ่ ซึ่งจะช่วยเพิ่มทุนเงินหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจเพื่อให้เกิดความคล่องตัวและสามารถขยายกิจการด้วยความมั่นคง