รมว.คลังชี้อนาคตธุรกิจประกันยังไปได้สวยและมีความสำคัญเพิ่มขึ้นในอนาคต แต่ต้องเร่งสร้างความมั่นคง ทั้งในด้านธรรมาภิบาล เงินกองทุน และการควบคุมการบริหารความเสี่ยง จี้งเร่งหาข้อสรุปกรณี 5 บริษัทที่มีปัญหาอยู่ ด้านเลขาฯคปภ.ระบุจะมีการหารือเรื่องดังกล่าวในวันที่ 15 พ.ค.นี้ คาดมีทางออกที่ดี
เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม ที่ผ่านมา สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสิรมการประกอบธุรกิจประกันภัย(คปภ.) ได้จัดสัมมนาพิเศษ เรื่อง กฎหมายฉบับแก้ไข..มิติใหม่ประกันภัยไทย “โดย นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้กล่าวปาฐกถาในงานว่า ธุรกิจประกันถือว่าเป็นธุรกิจที่มีบทบาทที่สำคัญต่อเศรษฐกิจไทย เช่นเดียวกับภาคสถาบันการเงิน และตลาดทุน เนื่องจากมีเม็ดเงินจำนวนมาก และเป็นช่องทางการออมสำหรับผู้ที่จะเกษียณอายุเพื่อสร้างความมั่นคงต่ออนาคต โดยเฉพาะในโลกข้างหน้าที่สังคมของผู้สูงอายุจะมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆธุรกิจประกันถือเป็นธุรกิจที่จะมารองรับได้เป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตาม ธุรกิจประกันเป็นธุรกิจที่ต้องให้ความเชื่อมั่นต่อลูกค้า และต้องมีการกำกับดูแลให้มีบริษัทประกันมีฐานทางการเงินที่มีเสถียรภาพตามประเภท โดยการดึงเงินกองทุน และมีการควบคุมและจำกัดความเสี่ยง เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้มีปัญหาทางการเงินในอนาคตและหากมีปัญหาจะสามารถแก้ไขได้ทันท่วงที
นอกจากนี้ ต้องมีการเสริมสร้างธรรมภิบาลให้มีความน่าเชื่อถือกับประชาชน โดยจะต้องมีการเปิดเผยข้อมูลเพื่อมีความโปร่งใสในการดำเนินการ บุคคลากรหรือตัวแทนจะต้องมีความรู้และจรรบยาบรรณในวิชาชีพ ให้ข้อมูลที่ถูกต้องกับลูกค้า โดยอาจจะสรุปข้อมูลที่ถูกต้องให้เข้าใจง่ายๆไม่เยิ่นเย้อ และชี้แจงถึงเงื่อนไขและข้อยกเว้นให้มีความชัดเจน เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องของลูกค้า
"ภาพลักษณ์ของบริษัทประกันเป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะเป็นธุรกิจที่คู่กับความน่าเชื่อถือ ซึ่งแนวนโยบายของผมจะเน้นเรื่องการป้องกันความเสี่ยงไมให้เกิด ส่วนบริษัทที่มีปัญหาเกิดขึ้นแล้วนั้นก็ต้องแก้ไข โดยคปภ.ก็ต้องดำเนินการไปตามกฎหมาย ผิดเป็นผิดถูกเป็นถูก ใครที่ทำแล้วเกิดปัญหาก็ต้องลงโทษแบบเดียวกับสถาบันการเงิน”
ส่วนข้อเรียกร้องในเรื่องของตัวแทนที่ขอยกเว้นเรื่องภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% ในส่วนของรายได้ของตัวแทนนั้น อยู่ระหว่างการพิจารณาข้อมูลอยู่ โดยหลักการนั้นก็จะต้องให้เท่าเทียมกับวิชาชีพอื่น หากวิชาชีพอื่นเสียภาษีอย่างไรก็ต้องอยู่ในมาตรฐานเดียวกัน ต้องไม่เกิดความลักลั่น
นางจันทรา บูรณฤกษ์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) กล่าวว่า แนวทางในการแก้ไขปัญหาของบริษัทปรักนที่มีปัญหาทั้ง 5 แห่งนั้นอยู่ระหว่างการเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการคปภ.ที่จะมีการประชุมในวันที่ 15 พฤษภาคมนี้ โดยการตัดสินใจจะต้องขึ้นกับคณะกรรมการ ยังไม่สามารบอกรายละเอียดได้ แต่คาดว่าน่าจะเป็นในทางบวก และมีข้อสรุปหรือทางออกที่ดี
เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม ที่ผ่านมา สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสิรมการประกอบธุรกิจประกันภัย(คปภ.) ได้จัดสัมมนาพิเศษ เรื่อง กฎหมายฉบับแก้ไข..มิติใหม่ประกันภัยไทย “โดย นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้กล่าวปาฐกถาในงานว่า ธุรกิจประกันถือว่าเป็นธุรกิจที่มีบทบาทที่สำคัญต่อเศรษฐกิจไทย เช่นเดียวกับภาคสถาบันการเงิน และตลาดทุน เนื่องจากมีเม็ดเงินจำนวนมาก และเป็นช่องทางการออมสำหรับผู้ที่จะเกษียณอายุเพื่อสร้างความมั่นคงต่ออนาคต โดยเฉพาะในโลกข้างหน้าที่สังคมของผู้สูงอายุจะมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆธุรกิจประกันถือเป็นธุรกิจที่จะมารองรับได้เป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตาม ธุรกิจประกันเป็นธุรกิจที่ต้องให้ความเชื่อมั่นต่อลูกค้า และต้องมีการกำกับดูแลให้มีบริษัทประกันมีฐานทางการเงินที่มีเสถียรภาพตามประเภท โดยการดึงเงินกองทุน และมีการควบคุมและจำกัดความเสี่ยง เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้มีปัญหาทางการเงินในอนาคตและหากมีปัญหาจะสามารถแก้ไขได้ทันท่วงที
นอกจากนี้ ต้องมีการเสริมสร้างธรรมภิบาลให้มีความน่าเชื่อถือกับประชาชน โดยจะต้องมีการเปิดเผยข้อมูลเพื่อมีความโปร่งใสในการดำเนินการ บุคคลากรหรือตัวแทนจะต้องมีความรู้และจรรบยาบรรณในวิชาชีพ ให้ข้อมูลที่ถูกต้องกับลูกค้า โดยอาจจะสรุปข้อมูลที่ถูกต้องให้เข้าใจง่ายๆไม่เยิ่นเย้อ และชี้แจงถึงเงื่อนไขและข้อยกเว้นให้มีความชัดเจน เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องของลูกค้า
"ภาพลักษณ์ของบริษัทประกันเป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะเป็นธุรกิจที่คู่กับความน่าเชื่อถือ ซึ่งแนวนโยบายของผมจะเน้นเรื่องการป้องกันความเสี่ยงไมให้เกิด ส่วนบริษัทที่มีปัญหาเกิดขึ้นแล้วนั้นก็ต้องแก้ไข โดยคปภ.ก็ต้องดำเนินการไปตามกฎหมาย ผิดเป็นผิดถูกเป็นถูก ใครที่ทำแล้วเกิดปัญหาก็ต้องลงโทษแบบเดียวกับสถาบันการเงิน”
ส่วนข้อเรียกร้องในเรื่องของตัวแทนที่ขอยกเว้นเรื่องภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% ในส่วนของรายได้ของตัวแทนนั้น อยู่ระหว่างการพิจารณาข้อมูลอยู่ โดยหลักการนั้นก็จะต้องให้เท่าเทียมกับวิชาชีพอื่น หากวิชาชีพอื่นเสียภาษีอย่างไรก็ต้องอยู่ในมาตรฐานเดียวกัน ต้องไม่เกิดความลักลั่น
นางจันทรา บูรณฤกษ์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) กล่าวว่า แนวทางในการแก้ไขปัญหาของบริษัทปรักนที่มีปัญหาทั้ง 5 แห่งนั้นอยู่ระหว่างการเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการคปภ.ที่จะมีการประชุมในวันที่ 15 พฤษภาคมนี้ โดยการตัดสินใจจะต้องขึ้นกับคณะกรรมการ ยังไม่สามารบอกรายละเอียดได้ แต่คาดว่าน่าจะเป็นในทางบวก และมีข้อสรุปหรือทางออกที่ดี
