TFD เข้าลงทุนซื้อหุ้น เอส จี แลนด์ จากแบงก์ไทยพาณิชย์ มูลค่า 45.50 ล้านบาท พร้อมให้เงินกู้ยืม 225 ล้านบาท หวังขยายฐานธุรกิจโครงการอาคารสำนักงานย่านกลางเมืองและผลตอบแทนค่าเช่า ขณะที่หนี้ 319 ล้านบาทไม่รวมดอกเบี้ยของเอสจีแลนด์ จะปรับเงื่อนไขชำระหนี้ให้เสร็จใน 9 ปี และลดดอกเบี้ยเหลือ MLR - 1
นายอภิชัย เตชะอุบล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยพัฒนาโรงงานอุตสาหกรรม จํา กั ด (มหาชน) ขอแจ้ง ให้ทราบว่าตามมติคณะกรรมการเมื่อคราวประชุมครั้งที่ 6/2550 เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2550 ได้มีมติเป็นเอกฉันท์ให้บริษัทฯ เข้าลงทุนซื้อหุ้นบริษัท เอส จี แลนด์ จำกัด กับธนาคารไทยพาณิชย์ และที่ประชุมคณะกรรมการเมื่อคราวประชุมครั้งที่ 4/2551 วันที่ 28 เมษายน 2551 ได้มีมติให้บริษัทฯ รับ โอนหุ้นจากผู้ขาย โดยมีกรรมการหนึ่งท่านที่ มีความเห็นแตกต่าง ซึ่งกรรมการท่านนี้ไม่ ได้ เป็นกรรมการอิส ระและกรรมการตรวจสอบ บริษัทได้ดำเนินการตามเงื่อนไขต่างๆ แล้วเมื่อวันที่ 30 เมษายน 2551
โดย บริษัทเข้าลงทุนในบริษัท เอสจี แลนด์ จำกัด (เอสจี แลนด์) ในสัดส่วนร้อยละ 49.89 ของทุนจดทะเบียน โดยการซื้อหุ้นสามัญ 10,022,950 หุ้น (มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 5 บาท) ในราคารวม 45,500,000 บาท จากธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) และให้เงินกู้ยืมแก่บริษัท เอส จี แลนด์ เป็นเงิน 225 ล้านบาท
อนึ่ง เอส จีแลนด์ ดำนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ให้เช่าอาคารสำนักงาน และลงทุนในที่ดินเพื่อพัฒนาในโครงการต่าง ๆ โดยปัจจุบัน บริษัทเป็นเจ้าของ อาคาร เอส จี ทาวเวอร์ 1 และ อาคาร เดอะ มิลเลนเนีย (เอส จี ทาวเวอร์ 2 ) ซึ่งเป็นอาคารสำนักงานรวมพื้นที่จอดรถให้เช่า 19 ชั้นและชั้นใต้ดิน 2 ชั้น และ 26 ชั้น และชั้นใต้ดิน 1 ชั้น มีทุนชำระแล้ว แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 20,090,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 5 บาท (ซึ่งเป็นราคาที่บริษัทชำระในครั้งนี้) ซึ่ง TFD ชำระค่าหุ้น 10,022,950 หุ้น
สำหรับ เงินที่ต้องจ่ายชำระตามสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ 319 ล้านบาท (ไม่รวมดอกเบี้ยที่ต้องชำระ) ซึ่งเป็นหนี้เดิมของ เอสจีแลนด์ ที่มีอยู่กับธนาคารผู้ขายจะได้รับการปรับเปลี่ยนเงื่อนไขการชำระหนี้ให้เสร็จสิ้นภายใน 9 ปี และได้รับการ ปรับเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยลดลงจากเดิมเหลือเพียง MLR - 1 หาก เอสจีแลนด์ สามารถชำระหนี้ได้ภายในระยะเวลาข้างต้นจะทำให้ เอสจีแลนด์ สามารถปลดภาระหนี้ได้เร็วขึ้นกว่าเดิม (เงื่อนไขเดิม คือ การทยอยชำระเงินกู้รายปี และกำหนดจ่ายชำระเงินกู้ทั้งสิ้นภายในปี 2566 โดยมีอัตราดอกเบี้ยเท่ากับ MLR ต่อปี และมีกำหนดจ่ายชำระดอกเบี้ยรายเดือน) จากหมายเหตุประกอบงบการเงินสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2550 และผ่านการตรวจสอบของ เอสจีแลนด์ ระบุว่าที่ประชุมคณะกรรมการเมื่อวันที่ 27 กันยายน 2550 ได้มีมติประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล 450 ล้านบาท
โดยผลประโชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากการลงทุน เป็นการขยายฐานธุรกิจโครงการอาคารสำนักงานในบริเวณย่านธุรกิจใจกลางเมือง (CBD) และบริษัทยังจะได้รับผลตอบแทนในการลงทุนทันที่จากรายได้ค่าเช่ารายเดือนของทั้งสองอาคาร ซึ่งเป็นทรัพย์สินของ เอสจี แลนด์ ตลอดจนผลประโยชน์เพิ่มที่จะมีต่อโครงการของบริษัทในซอยมหาดเล็กหลวง 2 ที่อยู่ระหว่างดำเนินการ เนื่องจากพื้นที่ดินของโครงการอยู่ติดกับที่ดินของ เอสจี แลนด์ ซึ่งบริษัทใช้เงินทุนของบริษัท 180.50 ล้านบาท และบางส่วนเป็นเงินกู้จากสถาบันการเงิน 90 ล้านบาท
ทั้งนี้ การลงทุนดังกล่าว เป็นการขยายฐานธุรกิจโครงการอาคารสำนักงานในบริเวณย่านธุรกิจใจกลางเมือง(CBD) และบริษัทยังได้รับผลตอบแทนในการลงทุนทันที่จากรายได้ค่าเช่ารายเดือนของทั้งสองอาคาร ซึ่งเป็นทรัพย์สินของบริษัท เอสจี แลนด์ จำกัด ตลอดจนผลประโยชน์เพิ่มที่จะมีต่อโครงการของบริษัทในซอยมหาดเล็กหลวง 2 ที่อยู่ระหว่างดำเนินการ เนื่องจากพื้นที่ดินของโครงการอยู่ติดกับ ที่ดินของบริษัท เอสจี แลนด์ จำกัดบริษัทฯ ได้พิจารณาหาผู้ร่วมลงทุน โดยพิจารณาร่วมลงทุนกับบริษัท Schubert Holdings Pte., Ltd. ด้วยเห็นว่าถ้าบริษัทฯ จะพัฒนาโครงการนี้เอง จะต้องใช้เงินลงทุนเป็นจำนวนมาก เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงอันอาจจะเกิดจากการลงทุนเกินขนาดและภาระทางการเงินของบริษัทฯ โดยการ ตัดสินใจลงทุนกับพันธมิตรที่มีความพร้อมทางการเงินในครั้งนี้
นายอภิชัย เตชะอุบล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยพัฒนาโรงงานอุตสาหกรรม จํา กั ด (มหาชน) ขอแจ้ง ให้ทราบว่าตามมติคณะกรรมการเมื่อคราวประชุมครั้งที่ 6/2550 เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2550 ได้มีมติเป็นเอกฉันท์ให้บริษัทฯ เข้าลงทุนซื้อหุ้นบริษัท เอส จี แลนด์ จำกัด กับธนาคารไทยพาณิชย์ และที่ประชุมคณะกรรมการเมื่อคราวประชุมครั้งที่ 4/2551 วันที่ 28 เมษายน 2551 ได้มีมติให้บริษัทฯ รับ โอนหุ้นจากผู้ขาย โดยมีกรรมการหนึ่งท่านที่ มีความเห็นแตกต่าง ซึ่งกรรมการท่านนี้ไม่ ได้ เป็นกรรมการอิส ระและกรรมการตรวจสอบ บริษัทได้ดำเนินการตามเงื่อนไขต่างๆ แล้วเมื่อวันที่ 30 เมษายน 2551
โดย บริษัทเข้าลงทุนในบริษัท เอสจี แลนด์ จำกัด (เอสจี แลนด์) ในสัดส่วนร้อยละ 49.89 ของทุนจดทะเบียน โดยการซื้อหุ้นสามัญ 10,022,950 หุ้น (มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 5 บาท) ในราคารวม 45,500,000 บาท จากธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) และให้เงินกู้ยืมแก่บริษัท เอส จี แลนด์ เป็นเงิน 225 ล้านบาท
อนึ่ง เอส จีแลนด์ ดำนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ให้เช่าอาคารสำนักงาน และลงทุนในที่ดินเพื่อพัฒนาในโครงการต่าง ๆ โดยปัจจุบัน บริษัทเป็นเจ้าของ อาคาร เอส จี ทาวเวอร์ 1 และ อาคาร เดอะ มิลเลนเนีย (เอส จี ทาวเวอร์ 2 ) ซึ่งเป็นอาคารสำนักงานรวมพื้นที่จอดรถให้เช่า 19 ชั้นและชั้นใต้ดิน 2 ชั้น และ 26 ชั้น และชั้นใต้ดิน 1 ชั้น มีทุนชำระแล้ว แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 20,090,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 5 บาท (ซึ่งเป็นราคาที่บริษัทชำระในครั้งนี้) ซึ่ง TFD ชำระค่าหุ้น 10,022,950 หุ้น
สำหรับ เงินที่ต้องจ่ายชำระตามสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ 319 ล้านบาท (ไม่รวมดอกเบี้ยที่ต้องชำระ) ซึ่งเป็นหนี้เดิมของ เอสจีแลนด์ ที่มีอยู่กับธนาคารผู้ขายจะได้รับการปรับเปลี่ยนเงื่อนไขการชำระหนี้ให้เสร็จสิ้นภายใน 9 ปี และได้รับการ ปรับเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยลดลงจากเดิมเหลือเพียง MLR - 1 หาก เอสจีแลนด์ สามารถชำระหนี้ได้ภายในระยะเวลาข้างต้นจะทำให้ เอสจีแลนด์ สามารถปลดภาระหนี้ได้เร็วขึ้นกว่าเดิม (เงื่อนไขเดิม คือ การทยอยชำระเงินกู้รายปี และกำหนดจ่ายชำระเงินกู้ทั้งสิ้นภายในปี 2566 โดยมีอัตราดอกเบี้ยเท่ากับ MLR ต่อปี และมีกำหนดจ่ายชำระดอกเบี้ยรายเดือน) จากหมายเหตุประกอบงบการเงินสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2550 และผ่านการตรวจสอบของ เอสจีแลนด์ ระบุว่าที่ประชุมคณะกรรมการเมื่อวันที่ 27 กันยายน 2550 ได้มีมติประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล 450 ล้านบาท
โดยผลประโชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากการลงทุน เป็นการขยายฐานธุรกิจโครงการอาคารสำนักงานในบริเวณย่านธุรกิจใจกลางเมือง (CBD) และบริษัทยังจะได้รับผลตอบแทนในการลงทุนทันที่จากรายได้ค่าเช่ารายเดือนของทั้งสองอาคาร ซึ่งเป็นทรัพย์สินของ เอสจี แลนด์ ตลอดจนผลประโยชน์เพิ่มที่จะมีต่อโครงการของบริษัทในซอยมหาดเล็กหลวง 2 ที่อยู่ระหว่างดำเนินการ เนื่องจากพื้นที่ดินของโครงการอยู่ติดกับที่ดินของ เอสจี แลนด์ ซึ่งบริษัทใช้เงินทุนของบริษัท 180.50 ล้านบาท และบางส่วนเป็นเงินกู้จากสถาบันการเงิน 90 ล้านบาท
ทั้งนี้ การลงทุนดังกล่าว เป็นการขยายฐานธุรกิจโครงการอาคารสำนักงานในบริเวณย่านธุรกิจใจกลางเมือง(CBD) และบริษัทยังได้รับผลตอบแทนในการลงทุนทันที่จากรายได้ค่าเช่ารายเดือนของทั้งสองอาคาร ซึ่งเป็นทรัพย์สินของบริษัท เอสจี แลนด์ จำกัด ตลอดจนผลประโยชน์เพิ่มที่จะมีต่อโครงการของบริษัทในซอยมหาดเล็กหลวง 2 ที่อยู่ระหว่างดำเนินการ เนื่องจากพื้นที่ดินของโครงการอยู่ติดกับ ที่ดินของบริษัท เอสจี แลนด์ จำกัดบริษัทฯ ได้พิจารณาหาผู้ร่วมลงทุน โดยพิจารณาร่วมลงทุนกับบริษัท Schubert Holdings Pte., Ltd. ด้วยเห็นว่าถ้าบริษัทฯ จะพัฒนาโครงการนี้เอง จะต้องใช้เงินลงทุนเป็นจำนวนมาก เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงอันอาจจะเกิดจากการลงทุนเกินขนาดและภาระทางการเงินของบริษัทฯ โดยการ ตัดสินใจลงทุนกับพันธมิตรที่มีความพร้อมทางการเงินในครั้งนี้
