เอเจนซี่ฯ ระบุผลพวงราคาวัสดุก่อสร้างสูงขึ้น ส่งผลราคาบ้านไตรมาสแรกเฉลี่ยสูงขึ้น ขณะที่จำนวนเปิดโครงการใหม่มี 71 โครงการ มูลค่า 51,651 ล้านบาท มูลค่าโครงการอสังหาฯเพิ่มขึ้น 10% ราคาที่พัฒนากลุ่มใหญ่ระดับ 1-2 ล้านบาท เผยแนวโน้มทั้งปี โครงการเกิดใหม่ 284 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 2 แสนล้านบาท
นายโสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส จำกัด หรือ AREA เปิดเผยถึงภาพรวมตลาดอสังหาฯในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลในไตรมาสแรกของปี 51 มีโครงการอสังหาฯ เปิดใหม่ 71 โครงการ จำนวน 18,705 หน่วย รวมมูลค่า 51,651 ล้านบาท โดยในจำนวนนี้เป็นที่อยู่อาศัย 67 โครงการ จำนวน 18,039 หน่วย รวมมูลค่า 46,348 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 50 พบว่า จำนวนโครงการอสังหาฯทั้งหมดลดลงไปถึง 28% จำนวนหน่วยลดลง 9% อย่างไรก็ตามมูลค่ากับเพิ่มขึ้น 10% และพิจารณาเฉพาะโครงการที่อยู่อาศัย พบว่าโครงการที่อยู่อาศัยลดลงไปถึง 29% จำนวนหน่วยลดลง 11% อย่างไรก็ตามมูลค่ากับเพิ่มขึ้น 6%
ทั้งนี้ แม้จำนวนโครงการจะลดลง แต่ขนาดโครงการโดยเฉพาะโครงการที่อยู่อาศัยกลับเพิ่มขึ้นจาก 217 หน่วยต่อโครงการเป็น 269 หน่วยต่อโครงการ และในไตรมาส 1/51 นี้ ที่ราคาเฉลี่ยเพิ่มสูงขึ้นแสดงให้เห็นว่าการสร้างบ้านราคาถูก ๆ ในท้องตลาดคงมีโอกาสเกิดขึ้นน้อยลง ทั้งนี้ส่วนหนึ่งอยู่ที่วัสดุก่อสร้างแพงขึ้นนั่นเอง
ประเภทที่อยู่อาศัยในไตรมาสแรกปีนี้ อสังหาฯที่ไม่ใช่ที่อยู่อาศัยมีเพียง 666 หน่วย จาก 18,705 หน่วย หรือเพียง 4% เท่านั้น แต่มีมูลค่ารวมกันประมาณ 10% ทั้งนี้เพราะอสังหาฯอื่น มักมีราคาที่สูงกว่าที่อยู่อาศัย
ในจำนวนที่อยู่อาศัย 18,039 หน่วยนั้น ส่วนใหญ่พัฒนาเป็นอาคารชุดพักอาศัย จำนวนถึง 12,342 หน่วย หรือ 68% หรือ 2/3 ของหน่วยขายที่อยู่อาศัยทั้งหมด ทาวน์เฮาส์ 3,359 หน่วย (19% ) บ้านเดี่ยวจำนวน 1,770 หน่วย (10%) โดยการพัฒนากลุ่มใหญ่ที่สุดยังเน้นที่ระดับราคา 1-2 ล้านบาท จำนวน 7,581 หน่วย (41% ของอสังหาฯทุกประเภท) เฉพาะในกลุ่มที่อยู่อาศัย อาจกล่าวได้ว่า ที่อยู่อาศัยส่วนใหญ่พัฒนาในระดับราคาไม่เกินหน่วยละ 2 ล้านบาท เป็นจำนวน 10,632 หน่วย จาก 18,039 หน่วย หรือประมาณ 59%
สำหรับแนวโน้มตลาดอสังหาฯตลอดปี 51 คาดว่า จะมีโครงการเกิดใหม่ทั้งสิ้น 284 โครงการ จำนวน 74,820 หน่วย รวมมูลค่า 206,603 ล้านบาท แยกเป็น ที่อยู่อาศัย 268 โครงการ จำนวน 72,156 หน่วย รวมมูลค่า 185,039 ล้านบาท หากเทียบปี 50 จะพบว่า จำนวนโครงการอสังหาฯทั้งหมดในปีนี้ น่าจะลดลงไปถึง 24% จำนวนหน่วยลดลง 11% มูลค่าแทบจะไม่ลด โดยลดไปเพียง 1% เท่านั้น และพิจารณาเฉพาะโครงการที่อยู่อาศัย พบว่าโครงการที่อยู่อาศัยในปี 51 เทียบกับปี 50 น่าจะลดลงไปถึง 25% จำนวนหน่วยลดลง 11% และมูลค่าลงลงไปเพียง 1% เท่านั้น
นายโสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส จำกัด หรือ AREA เปิดเผยถึงภาพรวมตลาดอสังหาฯในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลในไตรมาสแรกของปี 51 มีโครงการอสังหาฯ เปิดใหม่ 71 โครงการ จำนวน 18,705 หน่วย รวมมูลค่า 51,651 ล้านบาท โดยในจำนวนนี้เป็นที่อยู่อาศัย 67 โครงการ จำนวน 18,039 หน่วย รวมมูลค่า 46,348 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 50 พบว่า จำนวนโครงการอสังหาฯทั้งหมดลดลงไปถึง 28% จำนวนหน่วยลดลง 9% อย่างไรก็ตามมูลค่ากับเพิ่มขึ้น 10% และพิจารณาเฉพาะโครงการที่อยู่อาศัย พบว่าโครงการที่อยู่อาศัยลดลงไปถึง 29% จำนวนหน่วยลดลง 11% อย่างไรก็ตามมูลค่ากับเพิ่มขึ้น 6%
ทั้งนี้ แม้จำนวนโครงการจะลดลง แต่ขนาดโครงการโดยเฉพาะโครงการที่อยู่อาศัยกลับเพิ่มขึ้นจาก 217 หน่วยต่อโครงการเป็น 269 หน่วยต่อโครงการ และในไตรมาส 1/51 นี้ ที่ราคาเฉลี่ยเพิ่มสูงขึ้นแสดงให้เห็นว่าการสร้างบ้านราคาถูก ๆ ในท้องตลาดคงมีโอกาสเกิดขึ้นน้อยลง ทั้งนี้ส่วนหนึ่งอยู่ที่วัสดุก่อสร้างแพงขึ้นนั่นเอง
ประเภทที่อยู่อาศัยในไตรมาสแรกปีนี้ อสังหาฯที่ไม่ใช่ที่อยู่อาศัยมีเพียง 666 หน่วย จาก 18,705 หน่วย หรือเพียง 4% เท่านั้น แต่มีมูลค่ารวมกันประมาณ 10% ทั้งนี้เพราะอสังหาฯอื่น มักมีราคาที่สูงกว่าที่อยู่อาศัย
ในจำนวนที่อยู่อาศัย 18,039 หน่วยนั้น ส่วนใหญ่พัฒนาเป็นอาคารชุดพักอาศัย จำนวนถึง 12,342 หน่วย หรือ 68% หรือ 2/3 ของหน่วยขายที่อยู่อาศัยทั้งหมด ทาวน์เฮาส์ 3,359 หน่วย (19% ) บ้านเดี่ยวจำนวน 1,770 หน่วย (10%) โดยการพัฒนากลุ่มใหญ่ที่สุดยังเน้นที่ระดับราคา 1-2 ล้านบาท จำนวน 7,581 หน่วย (41% ของอสังหาฯทุกประเภท) เฉพาะในกลุ่มที่อยู่อาศัย อาจกล่าวได้ว่า ที่อยู่อาศัยส่วนใหญ่พัฒนาในระดับราคาไม่เกินหน่วยละ 2 ล้านบาท เป็นจำนวน 10,632 หน่วย จาก 18,039 หน่วย หรือประมาณ 59%
สำหรับแนวโน้มตลาดอสังหาฯตลอดปี 51 คาดว่า จะมีโครงการเกิดใหม่ทั้งสิ้น 284 โครงการ จำนวน 74,820 หน่วย รวมมูลค่า 206,603 ล้านบาท แยกเป็น ที่อยู่อาศัย 268 โครงการ จำนวน 72,156 หน่วย รวมมูลค่า 185,039 ล้านบาท หากเทียบปี 50 จะพบว่า จำนวนโครงการอสังหาฯทั้งหมดในปีนี้ น่าจะลดลงไปถึง 24% จำนวนหน่วยลดลง 11% มูลค่าแทบจะไม่ลด โดยลดไปเพียง 1% เท่านั้น และพิจารณาเฉพาะโครงการที่อยู่อาศัย พบว่าโครงการที่อยู่อาศัยในปี 51 เทียบกับปี 50 น่าจะลดลงไปถึง 25% จำนวนหน่วยลดลง 11% และมูลค่าลงลงไปเพียง 1% เท่านั้น
