ผู้จัดการรายวัน-เอเจนซี่ฯระบุเดือนเม.ย.ยอดเปิดตัวทาวน์เฮาส์นำโด่ง 60% หรือ 3,088 หน่วย เทียบทั้งหมด 5,528 หน่วย ขณะที่อาคารชุดเปิดตัวลดฮวบเหลือเพียง 243 หน่วย ด้านมูลค่าโครงการอสังหาฯเกิดใหม่บ้านเดี่ยวสูงสุด 50% หรือ 6,901 ล้านบาท ระดับราคาเปิดขายมากที่สุดอยู่ที่ 1-2 ล้านบาท หรือ 2,522 หน่วย
นายโสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการ ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาฯ บริษัท เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส จำกัด (AREA) เปิดเผยว่า ในเดือนเม.ย.มีจำนวนโครงการเกิดใหม่รวมทั้งสิ้น 24 โครงการ จำนวนโครงการเกิดใหม่น้อยกว่าเดือนมี.ค.จำนวน 3 โครงการ โดย 24 โครงการนั้น มีจำนวนหน่วยรวมกันทั้งสิ้น 5,528 หน่วย มูลค่าโครงการรวม 13,852 ล้านบาท โดยจำนวนอสังหาฯที่เกิดขึ้นใหม่ในเดือนเม.ย.นี้ เป็นที่อยู่อาศัยจำนวน 1,556 หน่วย หรือ 93% และอีกจำนวน 364 หน่วย จะเป็นประเภทอาคารชุดตากอากาศเพียง 1 โครงการเท่านั้น
โดยที่อยู่อาศัยประเภททาวน์เฮาส์มีการพัฒนามากที่สุดถึง 3,088 หน่วย หรือประมาณ 60% ของจำนวนหน่วยขายทั้งหมด ซึ่งถือว่าในเดือนเม.ย.นี้เป็นการพัฒนาที่แตกต่างค่อนข้างมาก ส่วนประเภทบ้านเดี่ยวมีจำนวน 1,556 หน่วย หรือประมาณ 28.1% ของจำนวนหน่วยขายทั้งหมด สำหรับที่อยู่อาศัยประเภทอาคารชุดในเดือนเม.ย.นี้ มีการพัฒนาอยู่ค่อนข้างน้อยมาก มีเพียง 243 หน่วย หรือมีอยู่เพียง 1.4% ของจำนวนหน่วยทั้งหมดในเดือนนี้เท่านั้น แสดงว่าที่อยู่อาศัยประเภทอาคารชุดในปัจจุบันเริ่มลดความร้อนแรงลง
ทั้งนี้มูลค่ารวมของโครงการอสังหาฯที่เกิดใหม่ในเดือนเม.ย.มีจำนวนทั้งสิ้น 13,852 ล้านบาท ซึ่งมีมูลค่าต่ำกว่าเดือนที่ผ่านมาจำนวน 9,901 ล้านบาท หรือลดลงประมาณ 42% ในเดือนนี้ประเภทอสังหาฯที่มีมูลค่าการพัฒนาสูงสุดก็คือบ้านเดี่ยว มีมูลค่าการพัฒนามากถึง 6,901 ล้านบาท หรือประมาณ 50% ส่วนประเภทที่มีมูลค่าการพัฒนาลำดับรองลงมาคือทาวน์เฮาส์ ซึ่งมีมูลค่าโครงการจำนวน 3,572 ล้านบาท หรือประมาณ 26% ของมูลค่าทั้งหมด
ขณะที่ระดับราคาที่มีจำนวนหน่วยขายมากที่สุดจะอยู่ที่ระดับราคา 1-2 ล้านบาท มีจำนวนหน่วยขายมากถึง 2,522 หน่วย หรือประมาณ 46% ของหน่วยขายทั้งหมด ขณะที่ที่ระดับราคา 2-3 ล้านบาท มีจำนวนหน่วยขาย 885 หน่วย หรือประมาณ 16% ของหน่วยขายทั้งหมด ที่ระดับราคา 3-5ล้านบาท มีจำนวนหน่วยขาย 929 หน่วย หรือประมาณ 17% ของหน่วยขายทั้งหมด ส่วนที่เหลืออีกประมาณ 10% จะเป็นหน่วยขายที่มีระดับราคาเกิน 5 ล้านบาทขึ้นไป โดยรวมแล้ว ซึ่งราคาขายเฉลี่ยของหน่วยขายที่มีระดับราคาเกิน 5 ล้านบาทขึ้นไปมีราคาเฉลี่ยต่อหน่วยสูงเพียง 7.983 ล้านบาท ซึ่งราคาขายเฉลี่ยจะต่ำกว่าเดือนที่ผ่านมาประมาณ 20%
นายโสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการ ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาฯ บริษัท เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส จำกัด (AREA) เปิดเผยว่า ในเดือนเม.ย.มีจำนวนโครงการเกิดใหม่รวมทั้งสิ้น 24 โครงการ จำนวนโครงการเกิดใหม่น้อยกว่าเดือนมี.ค.จำนวน 3 โครงการ โดย 24 โครงการนั้น มีจำนวนหน่วยรวมกันทั้งสิ้น 5,528 หน่วย มูลค่าโครงการรวม 13,852 ล้านบาท โดยจำนวนอสังหาฯที่เกิดขึ้นใหม่ในเดือนเม.ย.นี้ เป็นที่อยู่อาศัยจำนวน 1,556 หน่วย หรือ 93% และอีกจำนวน 364 หน่วย จะเป็นประเภทอาคารชุดตากอากาศเพียง 1 โครงการเท่านั้น
โดยที่อยู่อาศัยประเภททาวน์เฮาส์มีการพัฒนามากที่สุดถึง 3,088 หน่วย หรือประมาณ 60% ของจำนวนหน่วยขายทั้งหมด ซึ่งถือว่าในเดือนเม.ย.นี้เป็นการพัฒนาที่แตกต่างค่อนข้างมาก ส่วนประเภทบ้านเดี่ยวมีจำนวน 1,556 หน่วย หรือประมาณ 28.1% ของจำนวนหน่วยขายทั้งหมด สำหรับที่อยู่อาศัยประเภทอาคารชุดในเดือนเม.ย.นี้ มีการพัฒนาอยู่ค่อนข้างน้อยมาก มีเพียง 243 หน่วย หรือมีอยู่เพียง 1.4% ของจำนวนหน่วยทั้งหมดในเดือนนี้เท่านั้น แสดงว่าที่อยู่อาศัยประเภทอาคารชุดในปัจจุบันเริ่มลดความร้อนแรงลง
ทั้งนี้มูลค่ารวมของโครงการอสังหาฯที่เกิดใหม่ในเดือนเม.ย.มีจำนวนทั้งสิ้น 13,852 ล้านบาท ซึ่งมีมูลค่าต่ำกว่าเดือนที่ผ่านมาจำนวน 9,901 ล้านบาท หรือลดลงประมาณ 42% ในเดือนนี้ประเภทอสังหาฯที่มีมูลค่าการพัฒนาสูงสุดก็คือบ้านเดี่ยว มีมูลค่าการพัฒนามากถึง 6,901 ล้านบาท หรือประมาณ 50% ส่วนประเภทที่มีมูลค่าการพัฒนาลำดับรองลงมาคือทาวน์เฮาส์ ซึ่งมีมูลค่าโครงการจำนวน 3,572 ล้านบาท หรือประมาณ 26% ของมูลค่าทั้งหมด
ขณะที่ระดับราคาที่มีจำนวนหน่วยขายมากที่สุดจะอยู่ที่ระดับราคา 1-2 ล้านบาท มีจำนวนหน่วยขายมากถึง 2,522 หน่วย หรือประมาณ 46% ของหน่วยขายทั้งหมด ขณะที่ที่ระดับราคา 2-3 ล้านบาท มีจำนวนหน่วยขาย 885 หน่วย หรือประมาณ 16% ของหน่วยขายทั้งหมด ที่ระดับราคา 3-5ล้านบาท มีจำนวนหน่วยขาย 929 หน่วย หรือประมาณ 17% ของหน่วยขายทั้งหมด ส่วนที่เหลืออีกประมาณ 10% จะเป็นหน่วยขายที่มีระดับราคาเกิน 5 ล้านบาทขึ้นไป โดยรวมแล้ว ซึ่งราคาขายเฉลี่ยของหน่วยขายที่มีระดับราคาเกิน 5 ล้านบาทขึ้นไปมีราคาเฉลี่ยต่อหน่วยสูงเพียง 7.983 ล้านบาท ซึ่งราคาขายเฉลี่ยจะต่ำกว่าเดือนที่ผ่านมาประมาณ 20%