ตลท.เผยผลโรดโชว์สิงคโปร์ เชื่อนักลงทุนมั่นใจลงทุนไทย หลังได้รับฟังข้อมูลเศรษฐกิจ การเมืองการลงทุน โดยตรงจากรองนายกฯ-ผู้บริหาร บจ. ชี้กองทุนต่างประเทศเฉลี่ยลงทุนหุ้นไทย 20% ของมูลค่าพอร์ต แต่จากข่าวลือการเมืองไม่นิ่งสร้างความกังวลลงทุนระยะยาว
นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)เปิดเผยว่า การไปนำเสนอข้อมูล (โรดโชว์) แก่นักลงทุนสถาบันจำนวน 60 กองทุน ที่ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งมีมูลค่าเงินลงทุนในเอเชียไม่ต่ำกว่า 100,000 ล้านบาท ในเรื่องข้อมูลต่างเกี่ยวกับประเทศไทยทั้ง เศรษฐกิจ การเมืองและความคืบหน้า การลงทุนโครงการต่างๆของภาครัฐ ซึ่งเชื่อว่าการนำเสนอข้อมูลครั้งนี้จะสร้างความมั่นใจแก่นักลงทุนสถาบัน จากที่เข้ามารับฟังข้อมูลโดยตรงจากผู้กำหนดนโยบายเศรษฐกิจและเป็นบุคคลมีหน้าที่สำคัญในรัฐบาล
ทั้งนี้ นักลงทุนสอบถามเรื่องการดำนินงานนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลว่าจะสามารถดำเนินการตามที่ประกาศไว้หรือไม่ ซึ่งนายแพทย์ สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ที่ปรึกษา รมว.คลังได้ให้ความมั่นใจเรื่องนโยบายการการดำเนินงานของรัฐบาลและความคืบหน้าโครงการเมกกะโปรเจ็กต์ ต่าง เช่น โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้า มีการประมูลโครงการและระดมทุนเพื่อดำเนินการก่อสร้าง
นอกจากนี้เรื่องเสถียรภาพทางการเมืองนั้น ได้อธิบายว่าการเมืองไทยขณะนี้ดำเนินการอยู่ในช่วงประชาธิปไตย และมีการพัฒนาที่ดีขึ้น และรัฐบาลมีเสถียรภาพ มีความมั่นคงที่จะดำเนินนโยบายต่างๆต่อได้ แต่จากกระแสข่าวลือในเรื่องการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองของไทยออกมาต่อเนื่อง สร้างความกังวลแก่นักลงทุนสถาบันที่จะเข้าลงทุนในระยาว ซึ่งนักลงทุนสถาบันไม่อยากให้มีข่าวลือออกมา
นางภัทรียา กล่าวว่า การที่นักลงทุนสถาบันได้รับทราบข้อมูลต่างๆมีมุมมองที่ดีในการลงทุนในประเทศไทย จากภาพรวมมีปัจจัยพื้นฐานที่ดี เนื่องจากเศรษฐกิจมีการเติบโตที่ดี อัตราเงินเพื่อไม่น่ากังวล กำไรบริษัทจดทะเบียนมีอัตราการเติบโตที่ดี ซึ่งมีโบรกเกอร์คาดว่าปีนี้กำไรของบจ.ไทยมีการเติบโต 30% มีค่าP/E 11-12 เท่า ดังนั้นจึงทำให้ตลาดหุ้นไทยเป็นอีกตลาดที่กองทุนต่างประเทศมีการเลือกที่จะเข้ามาลงทุน
ทั้งนี้ จากการสอบถามข้อมูลกองทุนต่างๆ ให้น้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นไทยสูงเพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยง โดยเฉลี่ยแล้วกองทุนลงทุนในตลาดหุ้นไทย 20 % ของมูลค่ากองทุน แต่นักลงทุนสถาบันดังกล่าวมีความกังวลในเรื่องขนาดของบริษัทจดทะเบียนที่มีขนาดเล็ก ทำให้ขาดสภาพคล่องที่จะเข้ามาลงทุน และต้องการให้มีบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่เกี่ยวกับธุรกิจบริการ
"กองทุนต่างๆ มีมุมมองที่ดีในการเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทย จากปัจจัยพื้นฐานที่ดี กำไร บจ.เติบโต 30% แต่ที่กังวลจะเป็นเรื่องกับการเมืองที่ไม่นิ่ง มีข่าวในเรื่องการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองออกมาทำให้นักลงทุนมีความกังวลที่จะเข้ามาลงทุนในระยะยาวจึงไม่อยากให้มีข่าวลือออกมามาก " นางภัทรียา กล่าว
สำหรับการโรดโชว์ครั้งนี้ได้พา บจ.11 แห่งเข้าไปให้ข้อมูล ซึ่งได้พบนักลงทุนสถาบันแบบ one-on-one meeting และ group meeting เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับการดำเนินงานของบริษัท 102 ครั้ง โดยบริษัทที่นักลงทุนสถาบันให้ความสนใจมากคือ บมจ.ปตท. บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ ซึ่งการจัดโรดโชว์ครั้งนี้ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ร่วมกับบริษัทหลักทรัพย์ไทยพาณิชย์ และ Goldman Sachs
นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)เปิดเผยว่า การไปนำเสนอข้อมูล (โรดโชว์) แก่นักลงทุนสถาบันจำนวน 60 กองทุน ที่ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งมีมูลค่าเงินลงทุนในเอเชียไม่ต่ำกว่า 100,000 ล้านบาท ในเรื่องข้อมูลต่างเกี่ยวกับประเทศไทยทั้ง เศรษฐกิจ การเมืองและความคืบหน้า การลงทุนโครงการต่างๆของภาครัฐ ซึ่งเชื่อว่าการนำเสนอข้อมูลครั้งนี้จะสร้างความมั่นใจแก่นักลงทุนสถาบัน จากที่เข้ามารับฟังข้อมูลโดยตรงจากผู้กำหนดนโยบายเศรษฐกิจและเป็นบุคคลมีหน้าที่สำคัญในรัฐบาล
ทั้งนี้ นักลงทุนสอบถามเรื่องการดำนินงานนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลว่าจะสามารถดำเนินการตามที่ประกาศไว้หรือไม่ ซึ่งนายแพทย์ สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ที่ปรึกษา รมว.คลังได้ให้ความมั่นใจเรื่องนโยบายการการดำเนินงานของรัฐบาลและความคืบหน้าโครงการเมกกะโปรเจ็กต์ ต่าง เช่น โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้า มีการประมูลโครงการและระดมทุนเพื่อดำเนินการก่อสร้าง
นอกจากนี้เรื่องเสถียรภาพทางการเมืองนั้น ได้อธิบายว่าการเมืองไทยขณะนี้ดำเนินการอยู่ในช่วงประชาธิปไตย และมีการพัฒนาที่ดีขึ้น และรัฐบาลมีเสถียรภาพ มีความมั่นคงที่จะดำเนินนโยบายต่างๆต่อได้ แต่จากกระแสข่าวลือในเรื่องการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองของไทยออกมาต่อเนื่อง สร้างความกังวลแก่นักลงทุนสถาบันที่จะเข้าลงทุนในระยาว ซึ่งนักลงทุนสถาบันไม่อยากให้มีข่าวลือออกมา
นางภัทรียา กล่าวว่า การที่นักลงทุนสถาบันได้รับทราบข้อมูลต่างๆมีมุมมองที่ดีในการลงทุนในประเทศไทย จากภาพรวมมีปัจจัยพื้นฐานที่ดี เนื่องจากเศรษฐกิจมีการเติบโตที่ดี อัตราเงินเพื่อไม่น่ากังวล กำไรบริษัทจดทะเบียนมีอัตราการเติบโตที่ดี ซึ่งมีโบรกเกอร์คาดว่าปีนี้กำไรของบจ.ไทยมีการเติบโต 30% มีค่าP/E 11-12 เท่า ดังนั้นจึงทำให้ตลาดหุ้นไทยเป็นอีกตลาดที่กองทุนต่างประเทศมีการเลือกที่จะเข้ามาลงทุน
ทั้งนี้ จากการสอบถามข้อมูลกองทุนต่างๆ ให้น้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นไทยสูงเพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยง โดยเฉลี่ยแล้วกองทุนลงทุนในตลาดหุ้นไทย 20 % ของมูลค่ากองทุน แต่นักลงทุนสถาบันดังกล่าวมีความกังวลในเรื่องขนาดของบริษัทจดทะเบียนที่มีขนาดเล็ก ทำให้ขาดสภาพคล่องที่จะเข้ามาลงทุน และต้องการให้มีบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่เกี่ยวกับธุรกิจบริการ
"กองทุนต่างๆ มีมุมมองที่ดีในการเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทย จากปัจจัยพื้นฐานที่ดี กำไร บจ.เติบโต 30% แต่ที่กังวลจะเป็นเรื่องกับการเมืองที่ไม่นิ่ง มีข่าวในเรื่องการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองออกมาทำให้นักลงทุนมีความกังวลที่จะเข้ามาลงทุนในระยะยาวจึงไม่อยากให้มีข่าวลือออกมามาก " นางภัทรียา กล่าว
สำหรับการโรดโชว์ครั้งนี้ได้พา บจ.11 แห่งเข้าไปให้ข้อมูล ซึ่งได้พบนักลงทุนสถาบันแบบ one-on-one meeting และ group meeting เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับการดำเนินงานของบริษัท 102 ครั้ง โดยบริษัทที่นักลงทุนสถาบันให้ความสนใจมากคือ บมจ.ปตท. บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ ซึ่งการจัดโรดโชว์ครั้งนี้ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ร่วมกับบริษัทหลักทรัพย์ไทยพาณิชย์ และ Goldman Sachs