"หมอเลี้ยบ" ถกด่วนผู้บริหาร 60 รัฐวิสาหกิจบี้เบิกจ่ายงบลงทุน 30 เม.ย.กระตุ้นเศรษฐกิจ ห่วง 6 เดือนแรกของปีงบประมาณเบิกจ่ายอืดเพียง 25% ของงบลงทุนทั้งหมด ระบุกคช.-โรงงานยาสูบเบิกจ่ายเงินลงทุนต่ำสุด 140 ล้านบาทเท่านั้นหลังถูกยกเลิกโครงการและเจอโรคเลื่อนย้ายสถานที่ก่อสร้างโรงงานยาสูบแห่งใหม่ยังไร้ทิศทาง
นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า แนวทางในการผลักดันเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจจะเน้นมุ่งเน้นให้มีการเร่งการเบิกจ่ายงบประมาณที่ยังค้างท่อให้เข้าสู่ระบบ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ นอกจากนี้จะเร่งผลักดันงบลงทุนของรัฐวสาหกิจที่มีเม็ดเงินจำนวนมาก โดยจะมีการเชิญผู้บริหารระดับสูงของรัฐวิสาหกิจจำนวน 60 แห่ง มาประชุมร่วมกันในวันที่ 30 เมษายนนี้ เพื่อมอบนโยบายเร่งรัดการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจ และปรับปรุงประสิทธิภาพเพื่อส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาศักยภาพทางการแข่งขันมากขึ้น
นายภูมิศักดิ์ อรัญญาเกษมสุข ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผน สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) กล่าวว่า สคร.มีแผนงานในการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบลงทุนรัฐวิสาหกิจให้ได้ตามเป้าหมาย 85% ของวงเงินงบลงทุนในปี 2551 ทั้งหมดที่มีจำนวนทั้งสิ้น 3.5 แสนล้านบาท เพื่อสอดคล้องกับการผลัดดันให้จีดีพีในปีนี้ขยายตัวในระดับไม่ต่ำกว่า 5.6%
อย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่าในระยะ 6 เดือนแรกของปีงบประมาณ (ต.ค.50-มี.ค.51)สถานการณ์การเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจยังมีความคืบหน้าน้อยมาก โดยมีการเบิกจ่ายไปเพียง 25.23% เท่านั้น จึงจำเป็นที่ต้องมีกำหนดประชุมร่วมกับเพื่อเร่งรัดให้รัฐวิสาหกิจเบิกจ่ายงบประมาณลงทุนเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ
"ปัญหาอุปสรรคโดยส่วนใหญ่จะอยู่ที่กระบวนการจัดซื้อจัดจ้างที่ทำได้ล่าช้า เพราะต้องคำนึงเรื่องความโปร่งใสเป็นสำคัญ ขณะที่ มีการปรับเปลี่ยนแผนการลงทุนบางส่วนจากการเปลี่ยนรัฐบาลใหม่ เป็นต้น "นายภูมิศักดิ์ กล่าว
อย่างไรก็ดี ต้องพิจารณาด้วยว่า รัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่หลายแห่งใช้ระบบการเบิกจ่ายตามปีปฏิทินที่ไม่ใช่ปีงบประมาณ ดังนั้นจึงเพิ่งมีการเบิกจ่ายมาแค่ 2-3 เดือนเท่านั้น เช่น บริษัท ปตท.จำกัด(มหาชน) PTT บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด(มหาชน) หรือ ทอท.AOT, การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.), การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) และการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) เป็นต้น
รายงานข่าวแจ้งว่าสำหรับผลการเบิกจ่ายงบลงทุนของหน่วยงานรัฐวิสาหกิจช่วงไตรมาสแรก ปี 2551 นั้น กลุ่มที่มีการเบิกจ่ายล้าช้ามาก คือ การเคหะแห่งชาติ (กคช.) เพราะถูกยกเลิกการก่อสร้างในหลายโครงการ โรงงานยาสูบเบิกจ่ายได้ต่ำสุดเพียง 140 ล้านบาท จากวงเงินที่ได้รับอนุมัติทั้งหมด 4.95 พันล้านบาท เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสถานที่ก่อสร้างโรงงานยาสูบแห่งใหม่ เป็นต้น
ด้านนายมนัส แจ่มเวหา รองอธิบดีกรมบัญชีกลาง กล่าวว่า ภาพรวมการเบิก ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 (ตุลาคม 2550 - มีนาคม 2551) ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจเบิกจ่ายเงินจากคลังทั้งสิ้น 726,978 ล้านบาท หรือร้อยละ 43.79 ของวงเงินงบประมาณ (1,660,000 ล้านบาท) ต่ำกว่าเป้าหมายการเบิกจ่ายร้อยละ 2.21) จำแนกเป็น รายจ่ายประจำ จำนวน 595,483 ล้านบาท หรือร้อยละ 44.87 ของวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำ 1,327,071 ล้านบาท ต่ำกว่าอัตราการเบิกจ่ายรายจ่ายประจำในช่วงระยะเวลาเดียวกันของปีก่อนเท่ากับร้อยละ รายจ่ายลงทุน จำนวน 131,495 ล้านบาท หรือร้อยละ 39.50 ของวงเงินงบประมาณรายจ่ายลงทุน 332,929 ล้านบาท สูงกว่าอัตราการเบิกจ่ายรายจ่ายลงทุนในช่วงระยะเวลาเดียวกันของปีงบประมาณก่อนเท่ากับร้อยละ 6.62
นายมนัส กล่าวว่า กรมบัญชีกลางได้จัดทีมผู้บริหารของกรมบัญชีกลางไปตรวจเยี่ยมส่วนราชการและพบปะ หัวหน้าส่วนราชการที่มีงบประมาณเป็นจำนวนมากหรือมีผลการเบิกจ่ายต่ำกว่าเป้าหมาย ซึ่งกรมบัญชีกลางได้จัดส่ง ทีมผู้บริหารไปตรวจเยี่ยมกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และกระทรวงกลาโหม เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2551 ซึ่งปรากฏว่า ได้รับฟังปัญหาอุปสรรคในการเบิกจ่ายและได้ให้คำปรึกษาแนะนำเพื่อให้การเบิกจ่ายเป็นไปตามเป้าหมายแล้ว และทีมผู้บริหารของกรมบัญชีกลางจะเดินทางไปตรวจเยี่ยมส่วนราชการอื่น ๆ ต่อไป
นอกจากนี้ ขณะนี้กรมบัญชีกลาง ได้เสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อแต่งตั้งคณะกรรมการติดตามเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐแทนคณะกรรมการชุดเดิม ซึ่งหมดวาระไปตามรัฐบาลชุดเดิม คณะกรรมการดังกล่าวจะทำหน้าที่เร่งรัดการใช้จ่ายเงินงบประมาณภาครัฐให้สามารถเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจโดยเร็ว ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อภาคประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง (นายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี) และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (ร.ต.หญิง ระนองรักษ์ สุวรรณฉวี) ร่วมเป็นกรรมการด้วย
นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า แนวทางในการผลักดันเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจจะเน้นมุ่งเน้นให้มีการเร่งการเบิกจ่ายงบประมาณที่ยังค้างท่อให้เข้าสู่ระบบ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ นอกจากนี้จะเร่งผลักดันงบลงทุนของรัฐวสาหกิจที่มีเม็ดเงินจำนวนมาก โดยจะมีการเชิญผู้บริหารระดับสูงของรัฐวิสาหกิจจำนวน 60 แห่ง มาประชุมร่วมกันในวันที่ 30 เมษายนนี้ เพื่อมอบนโยบายเร่งรัดการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจ และปรับปรุงประสิทธิภาพเพื่อส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาศักยภาพทางการแข่งขันมากขึ้น
นายภูมิศักดิ์ อรัญญาเกษมสุข ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผน สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) กล่าวว่า สคร.มีแผนงานในการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบลงทุนรัฐวิสาหกิจให้ได้ตามเป้าหมาย 85% ของวงเงินงบลงทุนในปี 2551 ทั้งหมดที่มีจำนวนทั้งสิ้น 3.5 แสนล้านบาท เพื่อสอดคล้องกับการผลัดดันให้จีดีพีในปีนี้ขยายตัวในระดับไม่ต่ำกว่า 5.6%
อย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่าในระยะ 6 เดือนแรกของปีงบประมาณ (ต.ค.50-มี.ค.51)สถานการณ์การเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจยังมีความคืบหน้าน้อยมาก โดยมีการเบิกจ่ายไปเพียง 25.23% เท่านั้น จึงจำเป็นที่ต้องมีกำหนดประชุมร่วมกับเพื่อเร่งรัดให้รัฐวิสาหกิจเบิกจ่ายงบประมาณลงทุนเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ
"ปัญหาอุปสรรคโดยส่วนใหญ่จะอยู่ที่กระบวนการจัดซื้อจัดจ้างที่ทำได้ล่าช้า เพราะต้องคำนึงเรื่องความโปร่งใสเป็นสำคัญ ขณะที่ มีการปรับเปลี่ยนแผนการลงทุนบางส่วนจากการเปลี่ยนรัฐบาลใหม่ เป็นต้น "นายภูมิศักดิ์ กล่าว
อย่างไรก็ดี ต้องพิจารณาด้วยว่า รัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่หลายแห่งใช้ระบบการเบิกจ่ายตามปีปฏิทินที่ไม่ใช่ปีงบประมาณ ดังนั้นจึงเพิ่งมีการเบิกจ่ายมาแค่ 2-3 เดือนเท่านั้น เช่น บริษัท ปตท.จำกัด(มหาชน) PTT บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด(มหาชน) หรือ ทอท.AOT, การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.), การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) และการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) เป็นต้น
รายงานข่าวแจ้งว่าสำหรับผลการเบิกจ่ายงบลงทุนของหน่วยงานรัฐวิสาหกิจช่วงไตรมาสแรก ปี 2551 นั้น กลุ่มที่มีการเบิกจ่ายล้าช้ามาก คือ การเคหะแห่งชาติ (กคช.) เพราะถูกยกเลิกการก่อสร้างในหลายโครงการ โรงงานยาสูบเบิกจ่ายได้ต่ำสุดเพียง 140 ล้านบาท จากวงเงินที่ได้รับอนุมัติทั้งหมด 4.95 พันล้านบาท เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสถานที่ก่อสร้างโรงงานยาสูบแห่งใหม่ เป็นต้น
ด้านนายมนัส แจ่มเวหา รองอธิบดีกรมบัญชีกลาง กล่าวว่า ภาพรวมการเบิก ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 (ตุลาคม 2550 - มีนาคม 2551) ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจเบิกจ่ายเงินจากคลังทั้งสิ้น 726,978 ล้านบาท หรือร้อยละ 43.79 ของวงเงินงบประมาณ (1,660,000 ล้านบาท) ต่ำกว่าเป้าหมายการเบิกจ่ายร้อยละ 2.21) จำแนกเป็น รายจ่ายประจำ จำนวน 595,483 ล้านบาท หรือร้อยละ 44.87 ของวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำ 1,327,071 ล้านบาท ต่ำกว่าอัตราการเบิกจ่ายรายจ่ายประจำในช่วงระยะเวลาเดียวกันของปีก่อนเท่ากับร้อยละ รายจ่ายลงทุน จำนวน 131,495 ล้านบาท หรือร้อยละ 39.50 ของวงเงินงบประมาณรายจ่ายลงทุน 332,929 ล้านบาท สูงกว่าอัตราการเบิกจ่ายรายจ่ายลงทุนในช่วงระยะเวลาเดียวกันของปีงบประมาณก่อนเท่ากับร้อยละ 6.62
นายมนัส กล่าวว่า กรมบัญชีกลางได้จัดทีมผู้บริหารของกรมบัญชีกลางไปตรวจเยี่ยมส่วนราชการและพบปะ หัวหน้าส่วนราชการที่มีงบประมาณเป็นจำนวนมากหรือมีผลการเบิกจ่ายต่ำกว่าเป้าหมาย ซึ่งกรมบัญชีกลางได้จัดส่ง ทีมผู้บริหารไปตรวจเยี่ยมกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และกระทรวงกลาโหม เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2551 ซึ่งปรากฏว่า ได้รับฟังปัญหาอุปสรรคในการเบิกจ่ายและได้ให้คำปรึกษาแนะนำเพื่อให้การเบิกจ่ายเป็นไปตามเป้าหมายแล้ว และทีมผู้บริหารของกรมบัญชีกลางจะเดินทางไปตรวจเยี่ยมส่วนราชการอื่น ๆ ต่อไป
นอกจากนี้ ขณะนี้กรมบัญชีกลาง ได้เสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อแต่งตั้งคณะกรรมการติดตามเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐแทนคณะกรรมการชุดเดิม ซึ่งหมดวาระไปตามรัฐบาลชุดเดิม คณะกรรมการดังกล่าวจะทำหน้าที่เร่งรัดการใช้จ่ายเงินงบประมาณภาครัฐให้สามารถเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจโดยเร็ว ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อภาคประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง (นายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี) และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (ร.ต.หญิง ระนองรักษ์ สุวรรณฉวี) ร่วมเป็นกรรมการด้วย