ผู้ถือหุ้น ITV บุกซบ "เจ๊เพ็ญ" หวังรับชดเชย อ้างเงินลงทุนหายหมื่นล.

กลุ่มผู้ถือหุ้นรายย่อย ITV บุกทำเนียบ เรียกร้องให้รัฐบาลหาแนวแก้ไขปัญหา กรณีที่หุ้น ITV หายไปจากตลาดหลักทรัพย์ฯ มูลค่านับหมื่นล้านบาท "เจ๊เพ็ญ" ดีด๊าโดดรับหน้ารวดเร็วทันควัน ลั่นต้องจ่ายเงินชดเชย พร้อมตั้งกรรมการสอบฯ และรื้อ พ.ร.บ.ทีวีสาธารณะ เนื่อจากเป็นกฎหมายในยุคเผด็จการ

วันนี้(22 เม.ย.) มีรายงานข่าวแจ้งว่า นักลงทุนรายย่อยจำนวน 30 ราย ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัท ไอทีวี จำกัด(มหาชน) หรือ ITV ได้เดินทางมายังทำเนียบรัฐบาล เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลตั้งคณะทำงานขึ้นมาพิจารณาศึกษาแนวทางแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนจำนวนกว่าหมื่นราย ซึ่งการเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง ITV ก่อนหน้านี้ มีผลทำให้เม็ดเงินที่กระจายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) จากหุ้น ITV สูญหายไปนับหมื่นล้านบาท ทั้งที่พวกตนไม่มีส่วนรู้เห็นกับการกระทำ จึงเกิดข้อพิพาทระหว่างสำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) กับฝ่ายเอกชน ที่อ้างถึงการปรับผังรายการที่มีกฎหมายรองรับ โดยการปรับผังรายการตามคำสั่งศาล

รายงานข่าวระบุเพิ่มเติมว่า นายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้กระตือรือล้นรีบออกมารับหนังสือดังกล่าวด้วยตัวเอง พร้อมกับยืนยันว่า ตนเองจะมีการตั้งคณะกรรมการชุดดังกล่าวขึ้นโดยเร็วเพื่อดูแลค่าชดเชยให้กับผู้เสียหาย พร้อมประกาศให้สาธารณชนรับทราบ ซึ่งในส่วนของคณะกรรมการชุดนี้ ตนจะเป็นผู้ดูแลเอง โดยอยู่ระหว่างตัดสินใจว่าจะเป็น ประธานกรรมการ หรือที่ปรึกษากรรมการ ส่วนในแง่ของกฎหมายนั้น จะให้ นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ เป็นผู้ดูแล

"ผมจะดูแลเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด แต่กระบวนการบางอย่างคงพูดออกไปดังๆ ไม่ได้ เมื่อรัฐบาลนี้มาจากการเลือกตั้ง ก็ถือเป็นหน้าที่ที่จะดูแลให้ความเป็นธรรมและคุ้มครองสิทธิประโยชน์ให้กับประชาชน" นายจักรภพ กล่าวให้ความเชื่อมั่นกับนักลงทุนรายย่อย

นางรัตนาภรณ์ นามมนตรี ประธานกลุ่มผู้ถือห้นรายย่อย ITV กล่าวยอมรับว่า ตนเองมีความยินดีที่นายจักรภพ ได้เตรียมการจัดตั้งคณะทำงานพิจารณาศึกษาแก้ไขกระบวนการได้มาของ พ.ร.บ.องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย เพราะถือว่าเป็นกฎหมายที่ผ่านขั้นตอนอย่างไม่โปร่งใส

นางรัตนาภรณ์ ระบุว่า กฎหมายดังกล่าวได้ผ่านการพิจารณาจากที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) ในขั้นตอนการรับหลักการด้วยคะแนนเสียงเพียง 107 เสียง จากจำนวน 227 เสียง ซึ่งเท่ากับว่ามีผู้รับรองไม่ถึงกึ่งหนึ่ง แต่รัฐบาลชุดที่ผ่านมากลับให้ พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าวมีผลใช้บังคับ โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบต่อผู้ถือหุ้นรายย่อยที่ส่วนใหญ่ต่างเป็นข้าราชการเกษียณอายุที่หวังจะมีรายได้ในช่วงหลังเกษียณ