ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุมาตรการภาษีกระตุ้นอสังหาฯ ช่วยกระตุ้นตลาดสีให้ฟื้นตัวได้ดีกว่าปี 50 คาดมีมูลค่าตลาดประมาณ 13,000 ล้านบาท โตร้อยละ 4-5
บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด ระบุว่า มาตรการภาษีกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ จะช่วยสนับสนุนธุรกิจก่อสร้างและตลาดสีทาอาคารให้ฟื้นตัวได้ดีกว่าปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ต้องรอดูผลที่จะเกิดขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2551 โดยกำลังซื้อของผู้บริโภคจะเป็นแรงขับเคลื่อนให้โครงการดำเนินไปได้ด้วยดีมีสภาพคล่องเพียงพอที่จะสนับสนุนการเติบโตของภาคก่อสร้างและอุปสงค์ของวัสดุก่อสร้าง
อย่างไรก็ตาม จากสภาวะในปัจจุบันที่ราคาอสังหาริมทรัพย์ปรับสูงขึ้นกว่าในอดีต ประกอบกับราคาน้ำมันในตลาดโลกที่สูงขึ้นเป็นแรงกดดันต่ออัตราเงินเฟ้อและการปรับสูงขึ้นของราคาสินค้าและวัตถุดิบ ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของผู้ที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัย และการที่ต้นทุนวัสดุก่อสร้างรวมทั้งสีทาอาคารที่ปรับสูงขึ้นส่งผลกดดันต่อต้นทุนค่าก่อสร้างในปี 2551 สูงขึ้นจากปีก่อนประมาณร้อยละ 8-10 ซึ่งอาจส่งผลต่อราคาที่อยู่อาศัยให้ต้องปรับขึ้นตาม
ดังนั้น การลดหย่อนภาษีธุรกิจเฉพาะค่าจดทะเบียนการโอน และค่าจดทะเบียนการจำนอง จะช่วยลดต้นทุนของทั้งผู้ซื้อที่อยู่อาศัย ด้านต้นทุนการทำธุรกรรมการโอนและจดจำนองรวมกันประมาณร้อยละ 1.99 – 2.98 ของราคาประเมินทางราชการ และช่วยลดต้นทุนของผู้ประกอบการด้านรายจ่ายภาษีธุรกิจเฉพาะประมาณร้อยละ 3.2 ของรายรับจากการขายอสังหาริมทรัพย์ เป็นการชดเชยภาระต้นทุนวัสดุก่อสร้างที่ปรับสูงขึ้นในปีนี้ได้ในระดับหนึ่ง
นอกจากนี้การดำเนินมาตรการลงทุนของภาครัฐในโครงการคมนาคมและสาธารณูปโภคต่าง ๆ เพื่อกระตุ้นการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ น่าจะเป็นแรงผลักดันให้ภาคอสังหาริมทรัพย์และภาคธุรกิจก่อสร้างรวมถึงตลาดสีทาอาคารขยายตัวได้ดีกว่าปีที่ผ่านมา โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่า ในปี 2551 ตลาดสีทาอาคารจะมีมูลค่าตลาดประมาณ 13,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 4-5
บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด ระบุว่า มาตรการภาษีกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ จะช่วยสนับสนุนธุรกิจก่อสร้างและตลาดสีทาอาคารให้ฟื้นตัวได้ดีกว่าปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ต้องรอดูผลที่จะเกิดขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2551 โดยกำลังซื้อของผู้บริโภคจะเป็นแรงขับเคลื่อนให้โครงการดำเนินไปได้ด้วยดีมีสภาพคล่องเพียงพอที่จะสนับสนุนการเติบโตของภาคก่อสร้างและอุปสงค์ของวัสดุก่อสร้าง
อย่างไรก็ตาม จากสภาวะในปัจจุบันที่ราคาอสังหาริมทรัพย์ปรับสูงขึ้นกว่าในอดีต ประกอบกับราคาน้ำมันในตลาดโลกที่สูงขึ้นเป็นแรงกดดันต่ออัตราเงินเฟ้อและการปรับสูงขึ้นของราคาสินค้าและวัตถุดิบ ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของผู้ที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัย และการที่ต้นทุนวัสดุก่อสร้างรวมทั้งสีทาอาคารที่ปรับสูงขึ้นส่งผลกดดันต่อต้นทุนค่าก่อสร้างในปี 2551 สูงขึ้นจากปีก่อนประมาณร้อยละ 8-10 ซึ่งอาจส่งผลต่อราคาที่อยู่อาศัยให้ต้องปรับขึ้นตาม
ดังนั้น การลดหย่อนภาษีธุรกิจเฉพาะค่าจดทะเบียนการโอน และค่าจดทะเบียนการจำนอง จะช่วยลดต้นทุนของทั้งผู้ซื้อที่อยู่อาศัย ด้านต้นทุนการทำธุรกรรมการโอนและจดจำนองรวมกันประมาณร้อยละ 1.99 – 2.98 ของราคาประเมินทางราชการ และช่วยลดต้นทุนของผู้ประกอบการด้านรายจ่ายภาษีธุรกิจเฉพาะประมาณร้อยละ 3.2 ของรายรับจากการขายอสังหาริมทรัพย์ เป็นการชดเชยภาระต้นทุนวัสดุก่อสร้างที่ปรับสูงขึ้นในปีนี้ได้ในระดับหนึ่ง
นอกจากนี้การดำเนินมาตรการลงทุนของภาครัฐในโครงการคมนาคมและสาธารณูปโภคต่าง ๆ เพื่อกระตุ้นการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ น่าจะเป็นแรงผลักดันให้ภาคอสังหาริมทรัพย์และภาคธุรกิจก่อสร้างรวมถึงตลาดสีทาอาคารขยายตัวได้ดีกว่าปีที่ผ่านมา โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่า ในปี 2551 ตลาดสีทาอาคารจะมีมูลค่าตลาดประมาณ 13,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 4-5