รมช.คลังเผยมาตรการภาษีกระตุ้นเศรษฐกิจเริ่มเห็นผลแล้ว ระบุผู้มีเงินได้สามารถขอคืนเงินภาษีที่หักตั้งแต่ต้นปี 51 ได้แล้วช่วยเพิ่มเงินในกระเป๋าให้มีอำนาจจับจ่ายมากขึ้น ขณะที่บ้านมือ 2 รอข่าวดีสัปดาห์หน้าได้รับส่วนลดเท่าบ้านมือ 1 แน่นอน ด้านสรรพากรเผยยอดยื่นแบบภาษีปี 50 เฉียด 10 ล้านราย ยื่นผ่านอินเตอร์เน็ต 6.5 ล้านรายหรือกว่า 68%
นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า จากกรณีกฎหมายเกี่ยวกับมาตรการภาษีเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีการขยายช่วงเงินได้สุทธิจากเดิม 100,000 บาทแรกเสียภาษีเป็น 0% เป็น 1.5 แสนบาทแรกเสียภาษี 0% มีผลบังคับใช้แล้วนั้น ขณะนี้กรมสรรพากรได้ประสานไปยังหน่วยงาน บริษัท ห้างร้านที่เคยหักภาษี ณ ที่จ่าย ลูกจ้าง จะต้องปรับระบบการหักใหม่ตั้งแต่เดือนเม.ย.นี้ เพื่อทำให้เงินในกระเป๋าของประชาชนเพิ่มขึ้นทันที สอดคล้องกับความต้องการของรัฐ
ส่วนมาตรการส่งเสริมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โดยการลดภาษีธุรกิจเฉพาะจาก 3.3% เป็น 0.11% นั้น นายประดิษฐ์ กล่าวว่า ในส่วนนี้ผู้ประกอบการเป็นผู้แบกภาระแต่เมื่อลดภาษีก็จะลดภาระผู้ประกอบการได้ส่วนหนึ่ง ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของผู้บริโภคจะต้องต่อรองราคาให้ลดลงมา เช่น บ้านหลังละ 1 ล้านบาท จะได้ปรับลดลงมาเกือบ 3 หมื่นบาท ส่วนค่าจดทะเบียนการโอนและการจดจำนองอาคาร กรณี บ้านจัดสรร อาคารสำนักงาน อาคารชุด ห้องชุด จะลดลงจากเดิม 2%และ1% จะเหลือเพียง 0.01% ซึ่งส่วนนี้เป็นอำนาจของกรมที่ดินซึ่งมีผลบังคับใช้แล้วพร้อมกัน แต่จะมีผลเฉพาะบ้านมือหนึ่งจากโครงการจัดสรรเท่านั้น ส่วนบ้านมือสองและบ้านส่วนบุคคลขณะนี้กรมสรรพากรอยู่ระหว่างประสานกับกรมที่ดินเพื่อรับผลจากมาตรการนี้ด้วย คาดภายใน 1 สัปดาห์จะได้รับส่วนลดนี้เช่นกัน
"บ้านมือสองและบ้านส่วนตัว ที่จะโอนหรือจดจำนองต้องรออีก 1 สัปดาห์จึงจะได้รับส่วนลดจากกรมที่ดิน จึงอยากให้รอเวลา ส่วนใครที่ไปซื้อบ้านใหม่หรือคอนโดใหม่จะต้องต่อรองราคาเพื่อปรับลดลงมาอีกราว 3% เพราะรัฐได้ลดภาษีให้ผู้ประกอบการไปแล้ว ประชาชนก็ต้องได้รับผลจากส่วนนี้ด้วย"นายประดิษฐ์กล่าว
ด้านนายสาธิต รังคสิริ รองอธิบดีกรมสรรพากร กล่าวถึงยอดผู้ยื่นแบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ปีภาษี 2550 ที่กำหนดให้ยื่นแบบตั้งแต่ 1 ม.ค.-31 มี.ค.2551 ว่า ล่าสุดมียอดผู้ยื่นแบบภาษีเงินได้ ณ 30 มี.ค. รวม 9.7 ล้านแบบสูงกว่าปีก่อนที่ยื่นแบบ 8.7 ล้านแบบ เป็นการยื่นผ่านอินเตอร์เน็ต 6.552 ล้านแบบ หรือ 68% ยื่นแบบเอกสาร 3.151 ล้านแบบ หรือ 32% ซึ่งการยื่นแบบผ่านอินเตอร์ปีนี้น้อยกว่าปีก่อนที่อยู่ที่ 74% เนื่องจากปีนี้กรมสรรพากรได้ปรับปรุงระบบคอมพิวเตอร์ เพื่อรองรับ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อความปลอดภัยการยื่นภาษีผ่านอินเตอร์เน็ต ทำให้การยื่นภาษีปีนี้มีความยุ่งยากมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตามจะส่งผลดีต่อการจัดเก็บรายได้ ด้วยจะทำให้ลดความซับซ้อนของผู้ยื่นหักค่าลดหย่อนค่าเลี้ยงดูบุพการีได้ด้วย
"ที่ผ่านมามีการสวมรอยขอคืนภาษีเป็นเท็จค่อนข้างมาก โดยกลุ่มมิจฉาชีพจะเข้ามาหลอกลวงสาวโรงงานเพื่อขอหมายเลขบัตรประชาชน อ้างจะนำมาขอคืนภาษี ซึ่งสามารถจับกุมและส่งฟ้องศาลได้หลายราย แต่ในส่วนของกลุ่มสาวโรงงานก็เพียงแต่แจ้งให้มาเสียภาษีย้อนหลังพร้อมค่าปรับเงินเพิ่ม"นายสาธิตกล่าว
นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า จากกรณีกฎหมายเกี่ยวกับมาตรการภาษีเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีการขยายช่วงเงินได้สุทธิจากเดิม 100,000 บาทแรกเสียภาษีเป็น 0% เป็น 1.5 แสนบาทแรกเสียภาษี 0% มีผลบังคับใช้แล้วนั้น ขณะนี้กรมสรรพากรได้ประสานไปยังหน่วยงาน บริษัท ห้างร้านที่เคยหักภาษี ณ ที่จ่าย ลูกจ้าง จะต้องปรับระบบการหักใหม่ตั้งแต่เดือนเม.ย.นี้ เพื่อทำให้เงินในกระเป๋าของประชาชนเพิ่มขึ้นทันที สอดคล้องกับความต้องการของรัฐ
ส่วนมาตรการส่งเสริมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โดยการลดภาษีธุรกิจเฉพาะจาก 3.3% เป็น 0.11% นั้น นายประดิษฐ์ กล่าวว่า ในส่วนนี้ผู้ประกอบการเป็นผู้แบกภาระแต่เมื่อลดภาษีก็จะลดภาระผู้ประกอบการได้ส่วนหนึ่ง ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของผู้บริโภคจะต้องต่อรองราคาให้ลดลงมา เช่น บ้านหลังละ 1 ล้านบาท จะได้ปรับลดลงมาเกือบ 3 หมื่นบาท ส่วนค่าจดทะเบียนการโอนและการจดจำนองอาคาร กรณี บ้านจัดสรร อาคารสำนักงาน อาคารชุด ห้องชุด จะลดลงจากเดิม 2%และ1% จะเหลือเพียง 0.01% ซึ่งส่วนนี้เป็นอำนาจของกรมที่ดินซึ่งมีผลบังคับใช้แล้วพร้อมกัน แต่จะมีผลเฉพาะบ้านมือหนึ่งจากโครงการจัดสรรเท่านั้น ส่วนบ้านมือสองและบ้านส่วนบุคคลขณะนี้กรมสรรพากรอยู่ระหว่างประสานกับกรมที่ดินเพื่อรับผลจากมาตรการนี้ด้วย คาดภายใน 1 สัปดาห์จะได้รับส่วนลดนี้เช่นกัน
"บ้านมือสองและบ้านส่วนตัว ที่จะโอนหรือจดจำนองต้องรออีก 1 สัปดาห์จึงจะได้รับส่วนลดจากกรมที่ดิน จึงอยากให้รอเวลา ส่วนใครที่ไปซื้อบ้านใหม่หรือคอนโดใหม่จะต้องต่อรองราคาเพื่อปรับลดลงมาอีกราว 3% เพราะรัฐได้ลดภาษีให้ผู้ประกอบการไปแล้ว ประชาชนก็ต้องได้รับผลจากส่วนนี้ด้วย"นายประดิษฐ์กล่าว
ด้านนายสาธิต รังคสิริ รองอธิบดีกรมสรรพากร กล่าวถึงยอดผู้ยื่นแบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ปีภาษี 2550 ที่กำหนดให้ยื่นแบบตั้งแต่ 1 ม.ค.-31 มี.ค.2551 ว่า ล่าสุดมียอดผู้ยื่นแบบภาษีเงินได้ ณ 30 มี.ค. รวม 9.7 ล้านแบบสูงกว่าปีก่อนที่ยื่นแบบ 8.7 ล้านแบบ เป็นการยื่นผ่านอินเตอร์เน็ต 6.552 ล้านแบบ หรือ 68% ยื่นแบบเอกสาร 3.151 ล้านแบบ หรือ 32% ซึ่งการยื่นแบบผ่านอินเตอร์ปีนี้น้อยกว่าปีก่อนที่อยู่ที่ 74% เนื่องจากปีนี้กรมสรรพากรได้ปรับปรุงระบบคอมพิวเตอร์ เพื่อรองรับ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อความปลอดภัยการยื่นภาษีผ่านอินเตอร์เน็ต ทำให้การยื่นภาษีปีนี้มีความยุ่งยากมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตามจะส่งผลดีต่อการจัดเก็บรายได้ ด้วยจะทำให้ลดความซับซ้อนของผู้ยื่นหักค่าลดหย่อนค่าเลี้ยงดูบุพการีได้ด้วย
"ที่ผ่านมามีการสวมรอยขอคืนภาษีเป็นเท็จค่อนข้างมาก โดยกลุ่มมิจฉาชีพจะเข้ามาหลอกลวงสาวโรงงานเพื่อขอหมายเลขบัตรประชาชน อ้างจะนำมาขอคืนภาษี ซึ่งสามารถจับกุมและส่งฟ้องศาลได้หลายราย แต่ในส่วนของกลุ่มสาวโรงงานก็เพียงแต่แจ้งให้มาเสียภาษีย้อนหลังพร้อมค่าปรับเงินเพิ่ม"นายสาธิตกล่าว
