แบงก์กสกิรฯตั้งเป้ารายได้ค่าธรรมเนียมจากธุรกรรมรายย่อยโต 39% หรือคิดเป็นเม็ดเงินหมื่นล้าน แบ่งเป็นส่วนของบัตรเดบิต-เอทีเอ็ม 2 พันล้าน และที่เหลือเป็นบัตรเครดิตกับสินเชื่อส่วนบุคคล
นางสาวขัตติยา อินทรวิชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปีนี้ธนาคารได้ตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ค่าธรรมเนียมจากธุรกรรมรายย่อย 39% หรือคิดเป็นมูลค่า 10,000 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นรายได้ค่าธรรมเนียมบัตรเดบิต และบัตรเอทีเอ็ม 2,000 ล้านบาท ที่เหลือเป็นบัตรเครดิต สินเชื่อบุคคล ซึ่งในปีที่ผ่านมามีรายได้จากธุรกรรมรายย่อย 7,300 ล้านบาท หรือเติบโต 38.7% จากเป้าที่ตั้งไว้ 40% โดยในปีนี้จะให้น้ำหนักกับบัตรเครดิต บัตรเดบิต และบัตรเอทีเอ็ม
"ธุรกรรมรายย่อยมีรายได้ค่าธรรมเนียมรวม 40%ของรายได้ค่าธรรมเนียมทั้งหมดของธนาคาร ที่เหลือเป็นรายได้ของกลุ่มคอร์ปอเรท 60%ซึ่งสัดส่วนรายได้ในปีนี้คิดว่าคงอยู่ในระดับนี้เพราะมีฐานของธุรกรรมรายย่อยและรายใหญ่เพิ่มขึ้น"นางสาวขัตติยากล่าว
ในส่วนของธุรกิจบัตรเครดิตนั้น ในปีนี้ได้ตั้งเป้าบัตรเครดิตใหม่ 200,000 บัตร โดยจะเน้นบัตรเครดิตแพลทตินั่มมากขึ้น จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนอยู่ 5%ของยอดบัตรทั้งหมด เป็น 10% เพื่อให้บัตรเครดิตแพลทตินั่มมีจำนวน 100,000 บัตรภายในสิ้นปี โดยเน้นกลุ่มผู้ที่มีรายได้ 100,000 บาทต่อเดือนขึ้นไป
ส่วนบัตรทองปัจจุบันมี 40%ของยอดบัตรทั้งหมด และคงรักษาสัดส่วนเอาไว้ในระดับนี้ต่อไป ในขณะที่บัตรเครดิตธรรมดามีอยู่ 50% ที่เหลือเป็นบัตร everyday card หรือเป็นบัตรแคชแบ็ค ที่เน้นกลุ่มผู้ที่มีรายได้ 35,000 บาทต่อเดือนขึ้นไป ซึ่งมีจำนวน 30,000-40,000 บัตร สำหรับยอดบัตรเครดิตโดยรวมของธนาคาร ณ ปัจจุบันมีจำนวน 1,100,000 บัตร และคาดว่าสิ้นปีนี้จะเพิ่มเป็น 1,300,000 บัตร ขณะที่ยอดการอนุมัติบัตรเครดิตนั้น ในปัจจุบันอยู่ที่ 58-60%จากยอดการยื่นขอโดยรวม
ขณะที่ยอดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้หรือเอ็นพีแอลของธุรกิจบัตรเครดิตนั้น ณ สิ้นกุมภาพันธ์ที่ผ่านมามีอยู่ 2.4% คิดเป็น 3,000 ล้านบาท ของสินเชื่อรวม 16,000 ล้านบาท โดยยอดบัตรใน 2 เดือนแรกเกินเป้าหมาย 1.2% ซึ่งเป็นผลมาจากยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรในช่วงปีใหม่ ประกอบกับแคมเปญที่ธนาคารได้จัดมาอย่างต่อเนื่อง
ด้านสินเชื่อที่อยู่อาศัยของธนาคารนั้น ในปีนี้ตั้งเป้าเติบโตไว้ที่ 30,000 ล้านบาท เพื่อให้สิ้นปีมีสินเขื่อรวมอยู่ที่ 120,000 ล้านบาท โดย ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์มียอดเอ็นพีแอลของสินเชื่อบ้านอยู่ที่ 3.7% จากกพอร์ต 94,000 ล้านบาท และคาดว่าเอ็นพีแอลจะลดลงอย่างต่อเนื่อง แต่ในด้านของ 2 เดือนแรกยอดสินเชื่อบ้านมีการเติบโตเกินเป้า 0.7%
นางสาวขัตติยากล่าวอีกว่า สำหรับสินเชื่อบุคคลได้ตั้งเป้าสินเชื่อคงค้างสิ้นปีเอาไว้ที่ 8,000 ล้านบาท จากยอดสินเชื่อคงค้างเมื่อสิ้นปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 6,400 ล้านบาท ในช่วง 2เดือนแรกสามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ 200 ล้านบาท ส่งผลให้สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมามียอดสินเชื่อคงค้างอยู่ที่ 6,600 ล้านบาท ณ ขณะนี้ธนาคารอยู่ระหว่างการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ส่วนเรื่องรายได้จากการขายประกันผ่านแบงก์หรือ แบงก์แอสชัวรันส์ นั้น ณ ขณะนี้เติบโต 200% ซึ่งเป็นอันดับสองรองจากธนาคารไทยพาณิชย์
นางสาวขัตติยา อินทรวิชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปีนี้ธนาคารได้ตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ค่าธรรมเนียมจากธุรกรรมรายย่อย 39% หรือคิดเป็นมูลค่า 10,000 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นรายได้ค่าธรรมเนียมบัตรเดบิต และบัตรเอทีเอ็ม 2,000 ล้านบาท ที่เหลือเป็นบัตรเครดิต สินเชื่อบุคคล ซึ่งในปีที่ผ่านมามีรายได้จากธุรกรรมรายย่อย 7,300 ล้านบาท หรือเติบโต 38.7% จากเป้าที่ตั้งไว้ 40% โดยในปีนี้จะให้น้ำหนักกับบัตรเครดิต บัตรเดบิต และบัตรเอทีเอ็ม
"ธุรกรรมรายย่อยมีรายได้ค่าธรรมเนียมรวม 40%ของรายได้ค่าธรรมเนียมทั้งหมดของธนาคาร ที่เหลือเป็นรายได้ของกลุ่มคอร์ปอเรท 60%ซึ่งสัดส่วนรายได้ในปีนี้คิดว่าคงอยู่ในระดับนี้เพราะมีฐานของธุรกรรมรายย่อยและรายใหญ่เพิ่มขึ้น"นางสาวขัตติยากล่าว
ในส่วนของธุรกิจบัตรเครดิตนั้น ในปีนี้ได้ตั้งเป้าบัตรเครดิตใหม่ 200,000 บัตร โดยจะเน้นบัตรเครดิตแพลทตินั่มมากขึ้น จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนอยู่ 5%ของยอดบัตรทั้งหมด เป็น 10% เพื่อให้บัตรเครดิตแพลทตินั่มมีจำนวน 100,000 บัตรภายในสิ้นปี โดยเน้นกลุ่มผู้ที่มีรายได้ 100,000 บาทต่อเดือนขึ้นไป
ส่วนบัตรทองปัจจุบันมี 40%ของยอดบัตรทั้งหมด และคงรักษาสัดส่วนเอาไว้ในระดับนี้ต่อไป ในขณะที่บัตรเครดิตธรรมดามีอยู่ 50% ที่เหลือเป็นบัตร everyday card หรือเป็นบัตรแคชแบ็ค ที่เน้นกลุ่มผู้ที่มีรายได้ 35,000 บาทต่อเดือนขึ้นไป ซึ่งมีจำนวน 30,000-40,000 บัตร สำหรับยอดบัตรเครดิตโดยรวมของธนาคาร ณ ปัจจุบันมีจำนวน 1,100,000 บัตร และคาดว่าสิ้นปีนี้จะเพิ่มเป็น 1,300,000 บัตร ขณะที่ยอดการอนุมัติบัตรเครดิตนั้น ในปัจจุบันอยู่ที่ 58-60%จากยอดการยื่นขอโดยรวม
ขณะที่ยอดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้หรือเอ็นพีแอลของธุรกิจบัตรเครดิตนั้น ณ สิ้นกุมภาพันธ์ที่ผ่านมามีอยู่ 2.4% คิดเป็น 3,000 ล้านบาท ของสินเชื่อรวม 16,000 ล้านบาท โดยยอดบัตรใน 2 เดือนแรกเกินเป้าหมาย 1.2% ซึ่งเป็นผลมาจากยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรในช่วงปีใหม่ ประกอบกับแคมเปญที่ธนาคารได้จัดมาอย่างต่อเนื่อง
ด้านสินเชื่อที่อยู่อาศัยของธนาคารนั้น ในปีนี้ตั้งเป้าเติบโตไว้ที่ 30,000 ล้านบาท เพื่อให้สิ้นปีมีสินเขื่อรวมอยู่ที่ 120,000 ล้านบาท โดย ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์มียอดเอ็นพีแอลของสินเชื่อบ้านอยู่ที่ 3.7% จากกพอร์ต 94,000 ล้านบาท และคาดว่าเอ็นพีแอลจะลดลงอย่างต่อเนื่อง แต่ในด้านของ 2 เดือนแรกยอดสินเชื่อบ้านมีการเติบโตเกินเป้า 0.7%
นางสาวขัตติยากล่าวอีกว่า สำหรับสินเชื่อบุคคลได้ตั้งเป้าสินเชื่อคงค้างสิ้นปีเอาไว้ที่ 8,000 ล้านบาท จากยอดสินเชื่อคงค้างเมื่อสิ้นปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 6,400 ล้านบาท ในช่วง 2เดือนแรกสามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ 200 ล้านบาท ส่งผลให้สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมามียอดสินเชื่อคงค้างอยู่ที่ 6,600 ล้านบาท ณ ขณะนี้ธนาคารอยู่ระหว่างการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ส่วนเรื่องรายได้จากการขายประกันผ่านแบงก์หรือ แบงก์แอสชัวรันส์ นั้น ณ ขณะนี้เติบโต 200% ซึ่งเป็นอันดับสองรองจากธนาคารไทยพาณิชย์
