SCG ตั้งเป้าปี 58 เป็นผู้นำตลาดในภูมิภาคที่ดำเนินธุรกิจให้ความสำคัญกับสังคมและสิ่งแวดล้อม ตั้งงบลงทุนสิ่งแวดล้อมถึงปี 55 วงเงิน 1.5 หมื่นล้านบาท ส่วนงบด้านสังคมปีนี้ใช้ 600 ล้านบาท คาดโครงการนำพลังงานความร้อนกลับมาใช้ผลิตไฟฟ้า สามารถผลิตไฟฟ้าได้มากกว่า 90 เมกะวัตต์ ลดการใช้พลังงานไฟฟ้าได้ 600 ล้านหน่วย/ปี คิดเป็นเงิน 1 พันล้านบาท พร้อมตั้งเป้าสร้างฝายครบ 1 หมื่นฝายในปี 52
นายกานต์ ตระกูลฮุน กรรมการผู้จัดการใหญ่ เครือซิเมนต์ไทย (SCG) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าในปี 2558 จะเป็นผู้นำตลาดในภูมิภาค ที่มุ่งดำเนินธุรกิจโดยให้ความสำคัญกับชุมชนและสิ่งแวดล้อมในทุกประเทศที่เข้าไปลงทุน ตามกรอบการพัฒนาสู่ความยั่งยืนซึ่งประกอบด้วย การพัฒนาด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ภายใต้หลักบรรษัทภิบาลที่ดี
นายปราโมทย์ เตชะสุพัฒน์กุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจซิเมนต์ เครือซิเมนต์ไทย (SCG Cement) ในฐานะประธานคณะกรรมการการพัฒนาสู่ความยั่งยืนเครือซิเมนต์ไทย (SCG) กล่าวถึง การดำเนินการตามกรอบการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยแบ่งเป็นด้านเศรษฐกิจที่มุ่งพัฒนาเทคโนโลยีและสร้างสรรค์นวัตกรรม ทั้งด้านสินค้า บริการ กระบวนการทำงาน และรูปแบบธุรกิจ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้าและบริการ สามารถตอบสนองความต้องการผู้บริโภคทั้งในปัจจุบันและอนาคต รวมทั้งเน้นการนำพลังงานทางเลือกมาทดแทนพลังงานที่มาจากเชื้อเพลิงฟอสซิล โดยมีแผนการลงทุนโครงการด้านการอนุรักษ์พลังงานในระยะเวลา 5 ปี (2007-2012) เป็นเงิน 15,000 ล้านบาท
โดยที่เห็นผลชัดเจนคือ ธุรกิจซิเมนต์ ซึ่งสามารถลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากกว่า 3 แสนตันต่อปี โดยคาดว่าจะสามารถผลิตไฟฟ้าได้มากกว่า 90 เมกะวัตต์ และลดการใช้พลังงานไฟฟ้าได้ 600 ล้านหน่วย/ปี คิดเป็นเงินประมาณ 1 พันล้านบาท และโครงการเพิ่มประสิทธิภาพเครื่องจักร ลดการใช้พลังงานความร้อนและพลังงานไฟฟ้า ซึ่งสามารถลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้อีกกว่า 2 แสนตันต่อปี และอื่น ๆ ซึ่งครงการที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ ในวงเงินไม่เกิน 1 แสนบาท โครงการ SCG รักษ์น้ำ เพื่อช่วยแก้ปัญหาน้ำขาด น้ำเกิน น้ำเสีย และบรรเทาภาวะโลกร้อน โดยมีเป้าหมายสร้างฝายชะลอน้ำ 10,000 ฝาย ภายในปี 2552 โดยปัจจุบันได้สร้างฝายชะลอน้ำแล้วกว่า 7,700 ฝาย
นายกานต์ ตระกูลฮุน กรรมการผู้จัดการใหญ่ เครือซิเมนต์ไทย (SCG) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าในปี 2558 จะเป็นผู้นำตลาดในภูมิภาค ที่มุ่งดำเนินธุรกิจโดยให้ความสำคัญกับชุมชนและสิ่งแวดล้อมในทุกประเทศที่เข้าไปลงทุน ตามกรอบการพัฒนาสู่ความยั่งยืนซึ่งประกอบด้วย การพัฒนาด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ภายใต้หลักบรรษัทภิบาลที่ดี
นายปราโมทย์ เตชะสุพัฒน์กุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจซิเมนต์ เครือซิเมนต์ไทย (SCG Cement) ในฐานะประธานคณะกรรมการการพัฒนาสู่ความยั่งยืนเครือซิเมนต์ไทย (SCG) กล่าวถึง การดำเนินการตามกรอบการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยแบ่งเป็นด้านเศรษฐกิจที่มุ่งพัฒนาเทคโนโลยีและสร้างสรรค์นวัตกรรม ทั้งด้านสินค้า บริการ กระบวนการทำงาน และรูปแบบธุรกิจ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้าและบริการ สามารถตอบสนองความต้องการผู้บริโภคทั้งในปัจจุบันและอนาคต รวมทั้งเน้นการนำพลังงานทางเลือกมาทดแทนพลังงานที่มาจากเชื้อเพลิงฟอสซิล โดยมีแผนการลงทุนโครงการด้านการอนุรักษ์พลังงานในระยะเวลา 5 ปี (2007-2012) เป็นเงิน 15,000 ล้านบาท
โดยที่เห็นผลชัดเจนคือ ธุรกิจซิเมนต์ ซึ่งสามารถลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากกว่า 3 แสนตันต่อปี โดยคาดว่าจะสามารถผลิตไฟฟ้าได้มากกว่า 90 เมกะวัตต์ และลดการใช้พลังงานไฟฟ้าได้ 600 ล้านหน่วย/ปี คิดเป็นเงินประมาณ 1 พันล้านบาท และโครงการเพิ่มประสิทธิภาพเครื่องจักร ลดการใช้พลังงานความร้อนและพลังงานไฟฟ้า ซึ่งสามารถลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้อีกกว่า 2 แสนตันต่อปี และอื่น ๆ ซึ่งครงการที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ ในวงเงินไม่เกิน 1 แสนบาท โครงการ SCG รักษ์น้ำ เพื่อช่วยแก้ปัญหาน้ำขาด น้ำเกิน น้ำเสีย และบรรเทาภาวะโลกร้อน โดยมีเป้าหมายสร้างฝายชะลอน้ำ 10,000 ฝาย ภายในปี 2552 โดยปัจจุบันได้สร้างฝายชะลอน้ำแล้วกว่า 7,700 ฝาย