สุราษฎร์ธานี - สุราษฎร์ฯกำหนดมาตรการดูแลทรัพยากรธรรมชาติ 3 มาตรการ พร้อมผลักดันให้ชุมชนรวมกลุ่มกันเพื่อผลิตพลังงานทดแทนไบโอดีเซลใช้เองในรูปแบบธุรกิจชุมชน “ไบโอดีเซลชุมชน” อีกทั้งเตรียมยึดที่ดินจากนายทุนที่บุกรุกอุทยานแห่งชาติแก่งกรุง อีก 450 ไร่
นายวินัย บัวประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี เผยว่า ปัจจุบันจังหวัดสุราษฎร์ธานีได้ ตระหนักถึงความสำคัญของสิ่งแวดล้อมและพลังงานเป็นอย่างมาก จึงได้กำหนดมาตรการในการดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติขึ้น 3 มาตรการ คือ
1.มาตรการในการป้องกัน โดยเน้นที่การมีส่วนร่วมของประชาชนในลักษณะบูรณาการ ทั้งยังกำหนดบทลงโทษสำหรับกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน และเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบ หากปล่อยปละละเลยให้มีการบุกรุกพื้นที่ป่าจะถูกตั้งกรรมการสอบสวน
2.มาตรการในการฟื้นฟู พื้นที่ที่ถูกบุกรุกหรือพื้นที่สาธารณะว่างเปล่า จะรณรงค์ให้ท้องถิ่นร่วมกันปลูกป่าในโอกาสต่างๆ เช่น ปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติ ฯลฯ
และ 3.มาตรการในการสร้างจิตสำนึก โดยเริ่มต้นที่เด็กและเยาวชน ซึ่งทางจังหวัดได้ให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษารับช่วงต่อในการปลูกฝังจิตสำนึกรักและหวงแหนธรรมชาติให้กับเยาวชน ในรูปแบบของการจัดการเรียนการสอน การจัดกิจกรรม และการบรรจุไว้ในหลักสูตรการศึกษา
นอกจากนี้ ตนจะนำกำลังเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกรุง เจ้าหน้าที่ อส.เจ้าหน้าที่ตำรวจ กำลังทหารจากค่ายวิภาวดีรังสิต เข้ารื้อถอนยางพาราอายุกว่า 3 ปี ที่ลักลอบปลูกในพื้นที่อุทยานแห่งชาติแก่งกรุงอีก 450 ไร่ จากที่ผ่านมาได้ทำการรื้อถอนไปแล้ว 120 ไร่
นายวินัย กล่าวอีกว่า สำหรับในเรื่องพลังงานทดแทนนั้น เนื่องจากจังหวัดสุราษฎร์ธานีมีความพร้อมในการผลิตพลังงานทดแทน เพราะมีวัตถุดิบ คือ ปาล์มน้ำมันเป็นจำนวนมาก ทางจังหวัดจึงผลักดันให้ชุมชนรวมกลุ่มกันเพื่อผลิตพลังงานทดแทนไบโอดีเซลใช้เองในรูปแบบธุรกิจชุมชน “ไบโอดีเซลชุมชน”
อีกทั้งจังหวัดยังร่วมมือกับมหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี ในการดูแลสิ่งแวดล้อมและการประหยัดพลังงานร่วมกันในลักษณะของความร่วมมือทางวิชาการ เนื่องจากเห็นว่ามหาวิทยาลัยมีศักยภาพและความพร้อมในการผลิตผลงานวิชาการและการบริการทางวิชาการแก่ท้องถิ่นอยู่แล้ว จึงได้ขอการสนับสนุนข้อมูลทางวิชาการจากทางมหาวิทยาลัยให้กับหน่วยงานท้องที่นำไปปฏิบัติต่อไป
นายวินัย บัวประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี เผยว่า ปัจจุบันจังหวัดสุราษฎร์ธานีได้ ตระหนักถึงความสำคัญของสิ่งแวดล้อมและพลังงานเป็นอย่างมาก จึงได้กำหนดมาตรการในการดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติขึ้น 3 มาตรการ คือ
1.มาตรการในการป้องกัน โดยเน้นที่การมีส่วนร่วมของประชาชนในลักษณะบูรณาการ ทั้งยังกำหนดบทลงโทษสำหรับกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน และเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบ หากปล่อยปละละเลยให้มีการบุกรุกพื้นที่ป่าจะถูกตั้งกรรมการสอบสวน
2.มาตรการในการฟื้นฟู พื้นที่ที่ถูกบุกรุกหรือพื้นที่สาธารณะว่างเปล่า จะรณรงค์ให้ท้องถิ่นร่วมกันปลูกป่าในโอกาสต่างๆ เช่น ปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติ ฯลฯ
และ 3.มาตรการในการสร้างจิตสำนึก โดยเริ่มต้นที่เด็กและเยาวชน ซึ่งทางจังหวัดได้ให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษารับช่วงต่อในการปลูกฝังจิตสำนึกรักและหวงแหนธรรมชาติให้กับเยาวชน ในรูปแบบของการจัดการเรียนการสอน การจัดกิจกรรม และการบรรจุไว้ในหลักสูตรการศึกษา
นอกจากนี้ ตนจะนำกำลังเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกรุง เจ้าหน้าที่ อส.เจ้าหน้าที่ตำรวจ กำลังทหารจากค่ายวิภาวดีรังสิต เข้ารื้อถอนยางพาราอายุกว่า 3 ปี ที่ลักลอบปลูกในพื้นที่อุทยานแห่งชาติแก่งกรุงอีก 450 ไร่ จากที่ผ่านมาได้ทำการรื้อถอนไปแล้ว 120 ไร่
นายวินัย กล่าวอีกว่า สำหรับในเรื่องพลังงานทดแทนนั้น เนื่องจากจังหวัดสุราษฎร์ธานีมีความพร้อมในการผลิตพลังงานทดแทน เพราะมีวัตถุดิบ คือ ปาล์มน้ำมันเป็นจำนวนมาก ทางจังหวัดจึงผลักดันให้ชุมชนรวมกลุ่มกันเพื่อผลิตพลังงานทดแทนไบโอดีเซลใช้เองในรูปแบบธุรกิจชุมชน “ไบโอดีเซลชุมชน”
อีกทั้งจังหวัดยังร่วมมือกับมหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี ในการดูแลสิ่งแวดล้อมและการประหยัดพลังงานร่วมกันในลักษณะของความร่วมมือทางวิชาการ เนื่องจากเห็นว่ามหาวิทยาลัยมีศักยภาพและความพร้อมในการผลิตผลงานวิชาการและการบริการทางวิชาการแก่ท้องถิ่นอยู่แล้ว จึงได้ขอการสนับสนุนข้อมูลทางวิชาการจากทางมหาวิทยาลัยให้กับหน่วยงานท้องที่นำไปปฏิบัติต่อไป
