ครม.เห็นชอบกรอบงบประมาณรายจ่ายปี 52 วงเงิน 1.835 ล้านล้านบาท ขาดดุลเต็มเพดาน 2.94 แสนล้านบาท หมอเลี้ยบฝันเห็นจีดีพีขยายตัว 5.5% จากการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ขณะที่วงเงินบริหารหนี้สาธารณะปีงบฯ 51 เพิ่มครั้งที่ 2 อีก 4.3 หมื่นล้านบาท พร้อมอนุมัติวงเงินรองรับการปรับปรุงแผนครั้งต่อไปอีก 1.14 ล้านล้านล้านบาท
นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง เปิดเผยว่า วานนี้ (18 มี.ค.) ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบกรอบงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2552 วงเงิน 1.835 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2551 จำนวน 175,000 ล้านบาท ภายใต้กรอบรายได้ 1,585,500 ล้านบาท โดยยังเป็นงบประมาณขาดดุลเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้เดินหน้าต่อไปได้ จำนวน 249,500 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 2.5 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ทั้งนี้ รัฐบาลหวังจะเห็นเศรษฐกิจขยายตัวที่ร้อยละ 5.5 หรือจีดีพีอยู่ในระดับ 10.65 ล้านล้านบาท ส่วนอัตราเงินเฟ้อร้อยละ 3.5
"สาเหตุการขาดดุลงบประมาณเต็มเพดานกรอบความยั่งยืนทางการคลัง เนื่องจากเป็นปีแรกที่ต้องจัดสรรงบประมาณรายจ่ายชดใช้เงินคงคลังถึง 31,900 ล้านบาท ซึ่งเป็นปีแรกที่ต้องดำเนินการตามรัฐธรรมนูญปี 2550 และมองว่าเศรษฐกิจจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพราะรัฐบาลได้ออกมาตรการต่าง ๆ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะมาตรการรอบแรกเป็นการกระตุ้นกำลังซื้อและสร้างความเชื่อมั่นให้เกิดการลงทุนและใช้จ่าย ส่วนชุดต่อไป จะเน้นพัฒนาบุคลากร การฝึกอบรม เพื่อให้สามารถผลิตสินค้าให้มีมูลค่าเพิ่มและเป็นการสร้างรายได้ให้ชุมชนมีรายได้สูงขึ้น" น.พ.สุรพงษ์กล่าวและอธิบายว่า การที่ปี 2552 ได้ตั้งงบประมาณขาดดุลแบบเต็มที่เพราะไม่คิดว่าภายใน 1 ปี จะทำให้เศรษฐกิจกลับมาสู่ปกติได้เหมือนเดิม แต่ก็เชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจสามารถฟื้นตัวได้แน่นอน เพราะจากการที่มีมาตรการหลายอย่างออกไปก็จะทำให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น มีรายได้จากการขยายฐานภาษี ซึ่งเชื่อว่าจะจัดทำงบแบบสมดุลได้ในปี 2555
น.ส.ศุภรัตน์ นาคบุญนำ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แจกแจงงบประมาณรายจ่ายปี 2552 แบ่งเป็นงบประมาณรายจ่ายประจำ 1.332 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2551 ร้อยละ 9.7 คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 72.6 ของงบประมาณรวม เป็นรายจ่ายลงทุน 407,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2551 จำนวน 6,500 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.6 สัดส่วนร้อยละ 22.2 ของงบประมาณรวม โดยรัฐบาลตั้งงบประมาณชำระคืนเงินต้นเงินกู้กว่า 64,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2551 จำนวน 18,500 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 3.5 ของงบประมาณรวม
***เพิ่มวงเงินหนี้สาธารณะปี 51 รอบ 2
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ครม.อนุมัติการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะประจำปีงบประมาณ 2551 ครั้งที่ 2 ที่มีวงเงินรวมของแผนฯ เพิ่มขึ้นจำนวน 43,476.08 ล้านบาทจากวงเงินเดิม 993,181.80 ล้านบาท เป็น 1,036,657.88 ล้านบาท เพื่อความคล่องตัวและยืดหยุ่นในการบริหารจัดการ จึงเห็นควรให้กำหนดกรอบวงเงินของแผนฯให้มีวงเงินสำรองเผื่อไว้อีกประมาณร้อยละ 10% ของวงเงินรวมที่ได้ปรับปรุงในคราวนี้ ดังนั้นที่ประชุมครม.จึงได้อนุมัติกรอบวงเงินรวมของแผนการบริหารหนี้สาธารณะประจำปีงบประมาณ 2551 วงเงิน 1,145,000 ล้านบาท เพื่อใช้เป็นกรอบรองรับการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะในครั้งต่อไป
นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง เปิดเผยว่า วานนี้ (18 มี.ค.) ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบกรอบงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2552 วงเงิน 1.835 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2551 จำนวน 175,000 ล้านบาท ภายใต้กรอบรายได้ 1,585,500 ล้านบาท โดยยังเป็นงบประมาณขาดดุลเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้เดินหน้าต่อไปได้ จำนวน 249,500 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 2.5 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ทั้งนี้ รัฐบาลหวังจะเห็นเศรษฐกิจขยายตัวที่ร้อยละ 5.5 หรือจีดีพีอยู่ในระดับ 10.65 ล้านล้านบาท ส่วนอัตราเงินเฟ้อร้อยละ 3.5
"สาเหตุการขาดดุลงบประมาณเต็มเพดานกรอบความยั่งยืนทางการคลัง เนื่องจากเป็นปีแรกที่ต้องจัดสรรงบประมาณรายจ่ายชดใช้เงินคงคลังถึง 31,900 ล้านบาท ซึ่งเป็นปีแรกที่ต้องดำเนินการตามรัฐธรรมนูญปี 2550 และมองว่าเศรษฐกิจจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพราะรัฐบาลได้ออกมาตรการต่าง ๆ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะมาตรการรอบแรกเป็นการกระตุ้นกำลังซื้อและสร้างความเชื่อมั่นให้เกิดการลงทุนและใช้จ่าย ส่วนชุดต่อไป จะเน้นพัฒนาบุคลากร การฝึกอบรม เพื่อให้สามารถผลิตสินค้าให้มีมูลค่าเพิ่มและเป็นการสร้างรายได้ให้ชุมชนมีรายได้สูงขึ้น" น.พ.สุรพงษ์กล่าวและอธิบายว่า การที่ปี 2552 ได้ตั้งงบประมาณขาดดุลแบบเต็มที่เพราะไม่คิดว่าภายใน 1 ปี จะทำให้เศรษฐกิจกลับมาสู่ปกติได้เหมือนเดิม แต่ก็เชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจสามารถฟื้นตัวได้แน่นอน เพราะจากการที่มีมาตรการหลายอย่างออกไปก็จะทำให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น มีรายได้จากการขยายฐานภาษี ซึ่งเชื่อว่าจะจัดทำงบแบบสมดุลได้ในปี 2555
น.ส.ศุภรัตน์ นาคบุญนำ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แจกแจงงบประมาณรายจ่ายปี 2552 แบ่งเป็นงบประมาณรายจ่ายประจำ 1.332 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2551 ร้อยละ 9.7 คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 72.6 ของงบประมาณรวม เป็นรายจ่ายลงทุน 407,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2551 จำนวน 6,500 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.6 สัดส่วนร้อยละ 22.2 ของงบประมาณรวม โดยรัฐบาลตั้งงบประมาณชำระคืนเงินต้นเงินกู้กว่า 64,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2551 จำนวน 18,500 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 3.5 ของงบประมาณรวม
***เพิ่มวงเงินหนี้สาธารณะปี 51 รอบ 2
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ครม.อนุมัติการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะประจำปีงบประมาณ 2551 ครั้งที่ 2 ที่มีวงเงินรวมของแผนฯ เพิ่มขึ้นจำนวน 43,476.08 ล้านบาทจากวงเงินเดิม 993,181.80 ล้านบาท เป็น 1,036,657.88 ล้านบาท เพื่อความคล่องตัวและยืดหยุ่นในการบริหารจัดการ จึงเห็นควรให้กำหนดกรอบวงเงินของแผนฯให้มีวงเงินสำรองเผื่อไว้อีกประมาณร้อยละ 10% ของวงเงินรวมที่ได้ปรับปรุงในคราวนี้ ดังนั้นที่ประชุมครม.จึงได้อนุมัติกรอบวงเงินรวมของแผนการบริหารหนี้สาธารณะประจำปีงบประมาณ 2551 วงเงิน 1,145,000 ล้านบาท เพื่อใช้เป็นกรอบรองรับการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะในครั้งต่อไป