นิปปอนเพนต์ทุ่มงบการตลาด 250 ล้านบาท พร้อมออกผลิตภัณฑ์ใหม่ 2-3 ตัว หวังเพิ่มแชร์ตลาดสีทาอาคาร 12% เชื่อรัฐบาลใหม่ลดภาษี เร่งลงทุนภาคอสังหาฯ ส่งผลตลาดกระเตื้อง ตั้งเป้ายอดขายทั้งปี 5,200 ล้านบาท
นายสืบพงศ์ พูนศรัทธา ประธานบริหาร นิปปอนเพนต์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า จากการมัรับบาลใหม่ที่มาจากการเลือกตั้ง จะส่งผลให้ภาพรวมของเศรษฐกิจดีกว่า 2 ปีที่ผ่านมา อีกทั้งนโยบายหลายประการโดยเฉพาะส่งเสริมให้ไทยเป็นศูนย์กลางของการศึกษาและวิจัยรถยนต์ รวมไปถึงนโยบายเร่งก่อสร้างระบบสาธารณูปโภค รวมไปถึงการลดภาษีภาคอสังหาฯ จะช่วยตลาดสีขยายตัวมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ตลาดยังคงมีปัจจัยลบจากภายนอกหลายประการ โดยเฉพาะราคาน้ำมันที่เป็นวัตถุดิบสำคัญต่อการผลิตสี รวมไปถึงค่าขนส่ง ทำให้ต้นทุนการผลิตสีเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันผู้ผลิตไม่สามารถปรับขึ้นราคาได้เนื่องจากเป็นสินค้าควบคุม รวมไปถึงการแข่งขันในตลาด ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทได้ใช้วิธีรวมาตัวในกลุ่มนิปปอนจากหลายประเทศ เพื่อสั่งซื้อวัตถุดิบจากที่เดียวในราคาถูก ทำให้สามารถรักษาอัตรากำไรเดิมไว้ได้
นายฉลิมพงษ์ มหาวาณิชย์วงศ์ เปิดเผยว่า ในปีนี้นิปปอนเพนต์ฯ ได้ปรับโครงสร้างภายในองค์กรใหม่โดยพิ่มทีมงานพัฒนาสินค้า, เครื่องผสมสี, ศูนย์ออกแบบเฉดสีและทีมสื้อสารทางการตลาด เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าสีทาอาคารมาขึ้น เนื่องจากคาดว่าปีนี้ตลาดสีทาอาคารจะมีอัตราการเติบโตที่ดีกว่าสีอุตสาหกรรม โดยคาดว่าสีทุกประเภทจะมีอัตราการเติบโตประมาณ 5% จากมูลค่าตลาดรวม 25,000 ล้านบาท แบ่งเป็นสีทาอาคาร 12,500 ล้านบาท
ทั้งนี้ ปี 2551 บริษัทตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 5,200 ล้านบาท แบ่งเป็นสีทาอาคาร 1,800-1,900 ล้านบาท ที่เหลือเป็นสีอุตสาหกรรม หรือมีส่วนแบ่งการตลาด 18% ในปีที่ผ่านมามียอดขาย 4,400 ล้านบาท และเเพื่อสร้างการรับรู้แบรนด์นิปปอนเพนต์ให้เป็นที่รู้จักในตลาด
ในปีนี้บริษัทได้ทุ่มงบการตลาดถึง 250 ล้านบาท จากปีที่ผ่านมาใช้ไป 200 ล้านบาท โดยเฉพาะเจาะกลุ่มลูกค้าสีทาอาคารเพื่อเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดจาก 9% ในปีที่ผ่านมาเป็น 12% ในปีนี้ ส่วนสาเหตุที่เน้นตลาดสีทาอาคาร เพราะที่ผ่านมาตลาดสีอุตสาหกรรมมีอัตราการเติบโตคงที่มาตลอด โดยนิปปอนเพนต์มีส่วนแบงในตลาดนี้ประมาณ 30% ขณะที่สีทาอาคารมีอัตราการเติบโตเพียง 4-5% ตลอดในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา แต่มีแนวโน้มที่ดีกว่าจึงทำให้บริษัทหันมาแย่งแชร์ในตลาดนี้เพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ บริษัทยังลงทุนติดตั้งเครื่องจักรผลิตสี และเครื่องบรรจุสีน้ำมัน ซึ่งจะติดตั้งและเริ่มเดินเครื่องได้ภายในปีนี้ ส่วนการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ในปีนี้จะพัฒนาออกมาอีก 2-3 ผลิตภัณฑ์ โดยเน้นไปที่สีทาอาคาร
นายสืบพงศ์ พูนศรัทธา ประธานบริหาร นิปปอนเพนต์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า จากการมัรับบาลใหม่ที่มาจากการเลือกตั้ง จะส่งผลให้ภาพรวมของเศรษฐกิจดีกว่า 2 ปีที่ผ่านมา อีกทั้งนโยบายหลายประการโดยเฉพาะส่งเสริมให้ไทยเป็นศูนย์กลางของการศึกษาและวิจัยรถยนต์ รวมไปถึงนโยบายเร่งก่อสร้างระบบสาธารณูปโภค รวมไปถึงการลดภาษีภาคอสังหาฯ จะช่วยตลาดสีขยายตัวมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ตลาดยังคงมีปัจจัยลบจากภายนอกหลายประการ โดยเฉพาะราคาน้ำมันที่เป็นวัตถุดิบสำคัญต่อการผลิตสี รวมไปถึงค่าขนส่ง ทำให้ต้นทุนการผลิตสีเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันผู้ผลิตไม่สามารถปรับขึ้นราคาได้เนื่องจากเป็นสินค้าควบคุม รวมไปถึงการแข่งขันในตลาด ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทได้ใช้วิธีรวมาตัวในกลุ่มนิปปอนจากหลายประเทศ เพื่อสั่งซื้อวัตถุดิบจากที่เดียวในราคาถูก ทำให้สามารถรักษาอัตรากำไรเดิมไว้ได้
นายฉลิมพงษ์ มหาวาณิชย์วงศ์ เปิดเผยว่า ในปีนี้นิปปอนเพนต์ฯ ได้ปรับโครงสร้างภายในองค์กรใหม่โดยพิ่มทีมงานพัฒนาสินค้า, เครื่องผสมสี, ศูนย์ออกแบบเฉดสีและทีมสื้อสารทางการตลาด เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าสีทาอาคารมาขึ้น เนื่องจากคาดว่าปีนี้ตลาดสีทาอาคารจะมีอัตราการเติบโตที่ดีกว่าสีอุตสาหกรรม โดยคาดว่าสีทุกประเภทจะมีอัตราการเติบโตประมาณ 5% จากมูลค่าตลาดรวม 25,000 ล้านบาท แบ่งเป็นสีทาอาคาร 12,500 ล้านบาท
ทั้งนี้ ปี 2551 บริษัทตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 5,200 ล้านบาท แบ่งเป็นสีทาอาคาร 1,800-1,900 ล้านบาท ที่เหลือเป็นสีอุตสาหกรรม หรือมีส่วนแบ่งการตลาด 18% ในปีที่ผ่านมามียอดขาย 4,400 ล้านบาท และเเพื่อสร้างการรับรู้แบรนด์นิปปอนเพนต์ให้เป็นที่รู้จักในตลาด
ในปีนี้บริษัทได้ทุ่มงบการตลาดถึง 250 ล้านบาท จากปีที่ผ่านมาใช้ไป 200 ล้านบาท โดยเฉพาะเจาะกลุ่มลูกค้าสีทาอาคารเพื่อเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดจาก 9% ในปีที่ผ่านมาเป็น 12% ในปีนี้ ส่วนสาเหตุที่เน้นตลาดสีทาอาคาร เพราะที่ผ่านมาตลาดสีอุตสาหกรรมมีอัตราการเติบโตคงที่มาตลอด โดยนิปปอนเพนต์มีส่วนแบงในตลาดนี้ประมาณ 30% ขณะที่สีทาอาคารมีอัตราการเติบโตเพียง 4-5% ตลอดในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา แต่มีแนวโน้มที่ดีกว่าจึงทำให้บริษัทหันมาแย่งแชร์ในตลาดนี้เพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ บริษัทยังลงทุนติดตั้งเครื่องจักรผลิตสี และเครื่องบรรจุสีน้ำมัน ซึ่งจะติดตั้งและเริ่มเดินเครื่องได้ภายในปีนี้ ส่วนการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ในปีนี้จะพัฒนาออกมาอีก 2-3 ผลิตภัณฑ์ โดยเน้นไปที่สีทาอาคาร
