เจ้าตลาดสี "ทีโอเอ" แจงน้ำมันแพงกระทบต้นทุนผลิตสีน้ำมัน คาดการณ์ไตรมาส3 น้ำมันแตะ145 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล อาจปรับราคาขายอีกครั้ง เตรียมพิจารณาปรับราคาสีน้ำให้สอดคล้องกับต้นทุน พร้อมโชว์ยอดขาย 6เดือน 4,300 ล้านบาท โตเพิ่ม10% เผยต้นทุนพุ่งกระทบต้นทุนผลิตส่งผล 6 เดือนแรกกำไรหด4% จากปีที่แล้ว
นายจตุภัทร์ ตั้งคารวคุณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงผลกระทบจากการเพิ่มขึ้นของต้นทุนจากราคาน้ำมันว่า ได้ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตสีน้ำมันสูงขึ้น 7-10% ต่อกระป๋อง ทำให้บริษัทฯมีความจำเป็นต้องปรับราคาขายสีน้ำมันขึ้นไป 7% ซึ่งเป็นการปรับขึ้นที่ต่ำกว่าผู้ผลิตรายอื่นๆ ที่มีการปรับราคาขายไปแล้วกว่า 10% ในส่วนของสีน้ำ ทางบริษัททีโอเอฯอยู่ระหว่างการพิจารณาถึงความเหมาะสมในการปรับราคาขาย ทั้งนี้ ต้องรอประเมินต้นทุนการผลิตมีการขยับเพิ่มขึ้นมากน้อยเท่าใด
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของราคาสีน้ำมันนั้น หลังจากที่มีการปรับราคาขายไปแล้ว ทำให้ต้นทุนใหม่ที่ขยับตัวเพิ่มขึ้น โดยในช่วง6เดือนที่ผ่านมา ต้นทุนที่เพิ่มขึ้นดังกล่าวส่งผลต่อเนื่องถึงกำไรของบริษัทฯที่ลดลงจากปี2550ประมาณ 4% ทั้งนี้ หากจะมีการปรับราคาขายสีน้ำมันอีกรอบ คงต้องประเมินว่า ต้นทุนใหม่ที่เพิ่มขึ้นมานั้นกระทบต่อต้นทุนการผลิตระดับไหน เนื่องจากขณะนี้ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าต้นทุนใหม่จะกระทบถึงผลการดำเนินงานแค่ไหน ทั้งนี้ ถ้าในช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้ หากราคาน้ำมันปรับขึ้นไปที่แตะ 145 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จะประเมินได้ชัดเจนว่า ต้นทุนการผลิตจะเพิ่มสูงขึ้นแค่ไหน
ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งแรกของปี 2551 บริษัทมียอดขายแล้ว 4,300ล้านบาท เติบโตขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา10% เป็นผลมาจากการจัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่องในกลุ่มสินค้าระดับพรีเมียม ประกอบกับผู้บริโภคเปลี่ยนพฤติกรรมการจับจ่าย ในภาวะที่ค่าครองชีพสูงขึ้น ทำให้กลุ่มโฮมอิมพรูจเม้นท์เติบโตเพิ่มขึ้น โดยผู้บริโภคกลุ่มดังกล่าวได้หันมาใช้สีในกลุ่มซุปเปอร์ชิลด์ ดูราคลีน ซึ่งสอดคล้องกับความต้องการในการดูแลสุขภาพ ทำให้ยอดขายของบริษัทเพิ่มขึ้น โดยปีนี้ บริษัทตั้งเป้าจะมียอดขายเติบโตเพิ่มขึ้น10% หรือมียอดขายรวม 8,800 ล้านบาท จากเป้าหมายเดิมที่คาดว่าทั้งปีจะมียอดขายเติบโต 8%
ล่าสุด ทีโอเอ ได้ออกผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ ซุปเปอร์ชิลด์ ดูราคลีน ผลิตภัณฑ์สีที่มีการผสมสารป้องกันแบคทีเรียและเชื้อรา ทำความสะอาดง่ายสามารถเช็ดล้างได้กว่า 20,000 ครั้ง ซึ่งบริษัทตั้งเป้าว่าจะมียอดขายทั้งปี 300 ล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทยังมีการปรับมิกซ์กลุ่มสีเกรดอัลตร้าพรีเมียมและกลุ่มผลิตภัณฑ์พรีเมียมรวมไว้ในตลาดกลุ่มสีพรีเมียม ทำให้บริษัทมีส่วนแบ่งตลาดในตลาดสีพรีเมียมเพิ่มเป็น 60% หรือคิดเป็นยอดขายรวม 3,300ล้านบาท จากตลาดรวมมูลค่า 5,500 ล้านบาท
สำหรับโครงสร้างสินค้าของทีโอเอ แบ่งกำลังการผลิตออกเป็น 2 ส่วน คือสีน้ำ 70% และสีน้ำมัน 30% ในขณะที่ก่อนหน้านั้น ทีโอเอ แบ่งกลุ่มตลาดสีออกเป็น4 กลุ่ม ประกอบด้วย อัลตร้าพรีเมียม ซึ่งบริษัทมียอดขาย 1,300 ล้านบาท ตลาดสีพรีเมียมมียอดขาย 2,000 ล้านบาท ตลาดระดับกลางมียอดขาย 2,300ล้านบาท จากมูลค่าตลาดรวม 4,500 ล้านบาท ตลาดระดับล่าง มียอดขาย 500 ล้านบาทจากมูลค่าตลาดรวม 2,000 ล้านบาท สำหรับในปี 2552 ทีโอเอฯ จะมีกำลังผลิตสีน้ำเพิ่มขึ้นอีก 2 เท่าตัว หลังจากเดินสายกำลังผลิตในโรงงานใหม่
นายจตุภัทร์ ตั้งคารวคุณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงผลกระทบจากการเพิ่มขึ้นของต้นทุนจากราคาน้ำมันว่า ได้ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตสีน้ำมันสูงขึ้น 7-10% ต่อกระป๋อง ทำให้บริษัทฯมีความจำเป็นต้องปรับราคาขายสีน้ำมันขึ้นไป 7% ซึ่งเป็นการปรับขึ้นที่ต่ำกว่าผู้ผลิตรายอื่นๆ ที่มีการปรับราคาขายไปแล้วกว่า 10% ในส่วนของสีน้ำ ทางบริษัททีโอเอฯอยู่ระหว่างการพิจารณาถึงความเหมาะสมในการปรับราคาขาย ทั้งนี้ ต้องรอประเมินต้นทุนการผลิตมีการขยับเพิ่มขึ้นมากน้อยเท่าใด
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของราคาสีน้ำมันนั้น หลังจากที่มีการปรับราคาขายไปแล้ว ทำให้ต้นทุนใหม่ที่ขยับตัวเพิ่มขึ้น โดยในช่วง6เดือนที่ผ่านมา ต้นทุนที่เพิ่มขึ้นดังกล่าวส่งผลต่อเนื่องถึงกำไรของบริษัทฯที่ลดลงจากปี2550ประมาณ 4% ทั้งนี้ หากจะมีการปรับราคาขายสีน้ำมันอีกรอบ คงต้องประเมินว่า ต้นทุนใหม่ที่เพิ่มขึ้นมานั้นกระทบต่อต้นทุนการผลิตระดับไหน เนื่องจากขณะนี้ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าต้นทุนใหม่จะกระทบถึงผลการดำเนินงานแค่ไหน ทั้งนี้ ถ้าในช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้ หากราคาน้ำมันปรับขึ้นไปที่แตะ 145 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จะประเมินได้ชัดเจนว่า ต้นทุนการผลิตจะเพิ่มสูงขึ้นแค่ไหน
ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งแรกของปี 2551 บริษัทมียอดขายแล้ว 4,300ล้านบาท เติบโตขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา10% เป็นผลมาจากการจัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่องในกลุ่มสินค้าระดับพรีเมียม ประกอบกับผู้บริโภคเปลี่ยนพฤติกรรมการจับจ่าย ในภาวะที่ค่าครองชีพสูงขึ้น ทำให้กลุ่มโฮมอิมพรูจเม้นท์เติบโตเพิ่มขึ้น โดยผู้บริโภคกลุ่มดังกล่าวได้หันมาใช้สีในกลุ่มซุปเปอร์ชิลด์ ดูราคลีน ซึ่งสอดคล้องกับความต้องการในการดูแลสุขภาพ ทำให้ยอดขายของบริษัทเพิ่มขึ้น โดยปีนี้ บริษัทตั้งเป้าจะมียอดขายเติบโตเพิ่มขึ้น10% หรือมียอดขายรวม 8,800 ล้านบาท จากเป้าหมายเดิมที่คาดว่าทั้งปีจะมียอดขายเติบโต 8%
ล่าสุด ทีโอเอ ได้ออกผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ ซุปเปอร์ชิลด์ ดูราคลีน ผลิตภัณฑ์สีที่มีการผสมสารป้องกันแบคทีเรียและเชื้อรา ทำความสะอาดง่ายสามารถเช็ดล้างได้กว่า 20,000 ครั้ง ซึ่งบริษัทตั้งเป้าว่าจะมียอดขายทั้งปี 300 ล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทยังมีการปรับมิกซ์กลุ่มสีเกรดอัลตร้าพรีเมียมและกลุ่มผลิตภัณฑ์พรีเมียมรวมไว้ในตลาดกลุ่มสีพรีเมียม ทำให้บริษัทมีส่วนแบ่งตลาดในตลาดสีพรีเมียมเพิ่มเป็น 60% หรือคิดเป็นยอดขายรวม 3,300ล้านบาท จากตลาดรวมมูลค่า 5,500 ล้านบาท
สำหรับโครงสร้างสินค้าของทีโอเอ แบ่งกำลังการผลิตออกเป็น 2 ส่วน คือสีน้ำ 70% และสีน้ำมัน 30% ในขณะที่ก่อนหน้านั้น ทีโอเอ แบ่งกลุ่มตลาดสีออกเป็น4 กลุ่ม ประกอบด้วย อัลตร้าพรีเมียม ซึ่งบริษัทมียอดขาย 1,300 ล้านบาท ตลาดสีพรีเมียมมียอดขาย 2,000 ล้านบาท ตลาดระดับกลางมียอดขาย 2,300ล้านบาท จากมูลค่าตลาดรวม 4,500 ล้านบาท ตลาดระดับล่าง มียอดขาย 500 ล้านบาทจากมูลค่าตลาดรวม 2,000 ล้านบาท สำหรับในปี 2552 ทีโอเอฯ จะมีกำลังผลิตสีน้ำเพิ่มขึ้นอีก 2 เท่าตัว หลังจากเดินสายกำลังผลิตในโรงงานใหม่