AFET ตรียมนำข้าวหอมมะลิเข้าซื้อขายในตลาด รอเพียงความเห็นชอบจากคณะกรรมการ คาดเริ่มซื้อขายได้กลางเดือนพฤษภาคม ด้านสัญญาซื้อขายมีโอกาสถึง 1 พันสัญญาต่อวัน หากตลาดเงินและตลาดทุนดลกยังได้รับผลกระทบจากซับไพรม์ ระบุพร้อมปรับปรุงการซื้อขายมันสำปะหลังเส้น เพื่อเพิ่มการซื้อขาย
นายนิทัศน์ ภัทรโยธิน กรรมการและผู้จัดการ ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า (AFET) เปิดเผยว่า AFET กำลังพิจารณานำข้าวหอมมะลิ 100 ชั้น 2 เข้ามาซื้อขายในตลาด เนื่องจากราคาข้าวที่เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก โดยขณะนี้อยู่ระหว่างรอความเห็นชอบของคณะกรรมการของAFET ซึ่งคาดว่าจะเข้าซื้อขายได้ประมาณกลางเดือนพฤษภาคมนี้ และคาดว่าจะได้รับความสนใจของนักลงทุนเป็นอย่างดี และมีส่วนช่วยเพิ่มปริมาณการซื้อขายใน AFET ส่วนปาล์มน้ำมันอยู่ระหว่างการศึกษาของทีมงาน ซึ่งคงต้องดูรายละเอียดทุกส่วน รวมถึงนโยบายของภาครัฐว่ามีอะไรบ้างสนับสนุนและอะไรที่เป็นอุปสรรคบ้าง โดยเชื่อว่าสินค้าพลังงานทดแทน หากเข้ามาซื้อขายใน AFET จะได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก
"ราคาข้าวที่เพิ่มขึ้นเป็นไปตามอุปสงค์และอุปทานในตลาดโลก ซึ่งจะเป็นผลดีกับเกษตร รวมถึงส่งผลให้นักลงทุนเข้ามาใช้ AFET เป็นเครื่องมือในการลงทุนมากขึ้น ส่วนราคายางที่ขยับอยู่ในกรอบแคบๆ ไม่ร้อนแรงเหมือนราคาข้าว เนื่องจากปัจจัยที่ส่งผลต่อราคายางคือ ราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น สวนทางกับอัตราแลกเปลี่ยนที่แข็งค่าขึ้น ทำให้ราคาขยับเปลี่ยนแปลงไปได้ไม่ไก" นายนิทัศน์ กล่าว
สำหรับสถานการณ์การซื้อขายใน AFET ปัจจุบันอยู่ที่ 400-500 สัญญาต่อวัน มูลค่า 150-200 ล้านบาท ซึ่งจากสถานการณ์ตลาดเงินและตลาดทุนโลกที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาซับไพรม์ ทำให้นักลงทุนมองหาทางเลือกการลงทุนใหม่ๆ โดยเฉพาะในเอเชีย ซึ่ง AFET ก็ได้รับความสนใจมากขึ้นเช่นกัน โดยที่มีนักลงทุนจากต่างประเทศ คือ ญี่ปุ่น และสิงค์โปร์ ให้ความสนใจที่จะเข้ามาลงทุนใน AFET รวมถึงในประเทศที่นักลงทุนและผู้ประกอบมีความต้องการเปิดบัญชีมากขึ้น ส่วนโบรกเกอร์ที่ทำการซื้อขายใน AFET ปัจจุบันมีอยู่ 9 แห่ง และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นในอนาคต ซึ่งอยู่ระหว่างพูดคุยกัน
" ปัญหาซับไพรม์ส่งผลให้นักลงทุนพยายามหาแห่งลงทุนที่จะโยกเงินไป เพื่อลดความเสี่ยง ซึ่งตลาดล่วงหน้าก็เป็นหนึ่งในนั้นที่นักลงทุนสนใจ ซึ่งหากสถานการณ์ยังเป็นแบบนี้คาดว่าเป้าหมายสัญญาการซื้อขายที่ 1,000 สัญญาต่อวันคงเป็นไปได้ไม่ยาก ขณะที่การได้รับความสนใจมากขึ้นของ AFET จะมีส่วนให้จำนวนโบรกเกอร์เพิ่มขึ้นเช่นกัน" นายนิทัศน์กล่าว
นอกจากนี้ AFET จะทำการปรับปรุงรายละเอียดสัญญาซื้อขายมันสำปะหลังเส้น เพื่อส่งเสริมให้เกิดการซื้อขายที่มากขึ้น ส่วนแป้งมันสำปะหลังที่หยุดการซื้อขายไปเพื่อปรับปรุงระบบการซื้อขาย ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการศึกษา และยังไม่สามารถสรุปได้ว่าจะนำกลับมาซื้อขายเมื่อใด
นายนิทัศน์ ภัทรโยธิน กรรมการและผู้จัดการ ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า (AFET) เปิดเผยว่า AFET กำลังพิจารณานำข้าวหอมมะลิ 100 ชั้น 2 เข้ามาซื้อขายในตลาด เนื่องจากราคาข้าวที่เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก โดยขณะนี้อยู่ระหว่างรอความเห็นชอบของคณะกรรมการของAFET ซึ่งคาดว่าจะเข้าซื้อขายได้ประมาณกลางเดือนพฤษภาคมนี้ และคาดว่าจะได้รับความสนใจของนักลงทุนเป็นอย่างดี และมีส่วนช่วยเพิ่มปริมาณการซื้อขายใน AFET ส่วนปาล์มน้ำมันอยู่ระหว่างการศึกษาของทีมงาน ซึ่งคงต้องดูรายละเอียดทุกส่วน รวมถึงนโยบายของภาครัฐว่ามีอะไรบ้างสนับสนุนและอะไรที่เป็นอุปสรรคบ้าง โดยเชื่อว่าสินค้าพลังงานทดแทน หากเข้ามาซื้อขายใน AFET จะได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก
"ราคาข้าวที่เพิ่มขึ้นเป็นไปตามอุปสงค์และอุปทานในตลาดโลก ซึ่งจะเป็นผลดีกับเกษตร รวมถึงส่งผลให้นักลงทุนเข้ามาใช้ AFET เป็นเครื่องมือในการลงทุนมากขึ้น ส่วนราคายางที่ขยับอยู่ในกรอบแคบๆ ไม่ร้อนแรงเหมือนราคาข้าว เนื่องจากปัจจัยที่ส่งผลต่อราคายางคือ ราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น สวนทางกับอัตราแลกเปลี่ยนที่แข็งค่าขึ้น ทำให้ราคาขยับเปลี่ยนแปลงไปได้ไม่ไก" นายนิทัศน์ กล่าว
สำหรับสถานการณ์การซื้อขายใน AFET ปัจจุบันอยู่ที่ 400-500 สัญญาต่อวัน มูลค่า 150-200 ล้านบาท ซึ่งจากสถานการณ์ตลาดเงินและตลาดทุนโลกที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาซับไพรม์ ทำให้นักลงทุนมองหาทางเลือกการลงทุนใหม่ๆ โดยเฉพาะในเอเชีย ซึ่ง AFET ก็ได้รับความสนใจมากขึ้นเช่นกัน โดยที่มีนักลงทุนจากต่างประเทศ คือ ญี่ปุ่น และสิงค์โปร์ ให้ความสนใจที่จะเข้ามาลงทุนใน AFET รวมถึงในประเทศที่นักลงทุนและผู้ประกอบมีความต้องการเปิดบัญชีมากขึ้น ส่วนโบรกเกอร์ที่ทำการซื้อขายใน AFET ปัจจุบันมีอยู่ 9 แห่ง และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นในอนาคต ซึ่งอยู่ระหว่างพูดคุยกัน
" ปัญหาซับไพรม์ส่งผลให้นักลงทุนพยายามหาแห่งลงทุนที่จะโยกเงินไป เพื่อลดความเสี่ยง ซึ่งตลาดล่วงหน้าก็เป็นหนึ่งในนั้นที่นักลงทุนสนใจ ซึ่งหากสถานการณ์ยังเป็นแบบนี้คาดว่าเป้าหมายสัญญาการซื้อขายที่ 1,000 สัญญาต่อวันคงเป็นไปได้ไม่ยาก ขณะที่การได้รับความสนใจมากขึ้นของ AFET จะมีส่วนให้จำนวนโบรกเกอร์เพิ่มขึ้นเช่นกัน" นายนิทัศน์กล่าว
นอกจากนี้ AFET จะทำการปรับปรุงรายละเอียดสัญญาซื้อขายมันสำปะหลังเส้น เพื่อส่งเสริมให้เกิดการซื้อขายที่มากขึ้น ส่วนแป้งมันสำปะหลังที่หยุดการซื้อขายไปเพื่อปรับปรุงระบบการซื้อขาย ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการศึกษา และยังไม่สามารถสรุปได้ว่าจะนำกลับมาซื้อขายเมื่อใด