xs
xsm
sm
md
lg

พีเออีผนึกพันธมิตรลุยพลังงาน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พีเออีผนึกพันธมิตรใหม่ GPS ลุยรับงานวิศวกรรมและก่อสร้างอุปกรณ์อุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซฯในตะวันออกกลาง รองรับอุตสาหกรรมปิโตรเลียมที่ขยายตัวมาก ตั้งเป้าโกยรายได้ปีนี้ 800-1,000 ล้านบาท พลิกขาดทุนเป็นกำไร และย้ายเข้าเทรดในหมวดพลังงาน

นายศุขสนั่น โชติกเสถียร กรรมการผู้จัดการ บริษัท พีเออี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (PAE) เปิดเผยทิศทางการดำเนินธุรกิจในปี 2551ว่า บริษัทจะหันไปเน้นงานด้านวิศวกรรมและก่อสร้างอุปกรณ์ในอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซธรรมชาติเป็นธุรกิจหลัก ซึ่งตั้งเป้าหมายรับงานในต่างประเทศมากขึ้นโดยเฉพาะแถบตะวันออกกลาง ภายใต้ความช่วยเหลือของกลุ่มผู้ถือหุ้นใหม่ คือ GLOBAL PROCESS SYSTEMS INC (GPS) ที่เข้ามาเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ (Stategic Partner) ที่มีความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมและก่อสร้างอุปกรณ์การผลิตในอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซฯจากตะวันออกกลาง

สำหรับสาเหตุที่บริษัทบุกงานด้านนี้ เนื่องจากราคาน้ำมันปรับตัวสูงมากทำให้อุตสาหกรรมปิโตรเลียมมีการขยายตัวมาก เบื้องต้นบริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ปีนี้ประมาณ 800-1,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่มีรายได้รวม 300 ล้านบาท โดยคาดว่า 2551 บริษัทจะกลับมามีกำไรสุทธิหลังจากปีที่แล้วขาดทุน โดยมีตัวเลขขาดทุนสะสมอยู่ 96 ล้านบาท คาดว่าน่าจะล้างขาดทุนสะสมได้หมด เพราะ GPS เองมีงานในมืออยู่ที่ตะวันออกกลาง มาเลเซีย สิงคโปร์และอินโดนีเซีย โดยเบื้องต้นจะป้อนงานที่มีอยู่ให้พีเออีดำเนินการ ขณะเดียวกันบริษัทฯได้เตรียมความพร้อมด้านบุคลากรที่จะเข้าประมูลงานเองด้วย

ดังนั้น โครงสร้างรายได้ในปี2551 มาจากธุรกิจวิศวกรรมและก่อสร้างอุปกรณ์ในธุรกิจน้ำมันและก๊าซฯ 200 ล้านบาท ธุรกิจด้านงานประกอบและติดตั้งชิ้นงานโลหะ 200 ล้านบาท ธุรกิจก่อสร้าง 150 ล้านบาท ธุรกิจด้านตรวจสอบพื้นที่ทำลายในอุตสาหกรรม 100 ล้านบาท ส่วนที่เหลืออีก 150 ล้านบาทจะมาจากธุรกิจใหม่ คือ ผลิตอุปกรณ์ที่ใช้ในอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซ

"ก่อนหน้านี้ บริษัทฯประสบปัญหาการขาดทุน เนื่องจากมีการประกอบกิจการหลายด้าน ดังนั้นฝ่ายบริหารจึงเริ่มหันกลับมามองว่าบริษัทฯควรมุ่งไปธุรกิจเริ่มต้นคือวิศวกรรมด้านน้ำมันและก๊าซฯ รวมทั้งมองหาพันธมิตรที่มีชื่อเสียง เครือข่ายและกำลังเงินขนาดพอเหมาะ ซึ่งบังเอิญว่าGPS เองก็ต้องการหาพันธมิตรในไทยเช่นเดียวกัน ปัจจุบันGPS เข้ามาถือหุ้นใหญ่ในพีเออี 29.78% เมื่อมีพันธมิตรชั้นนำของโลก จะทำให้บริษัทฯสามารถรับงานด้านวิศวกรรมและก่อสร้างอุปกรณ์ในธุรกิจน้ำมันและก๊าซฯได้ดีกว่าที่ผ่านมา"

หลังจากบริษัทฯมีรายได้หลักมาจากงานวิศวกรรมและก่อสร้างอุปกรณ์ในอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซฯก็จะย้ายกลุ่มจากเดิมอยู่ในหมวดพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เป็นกลุ่มพลังงานแทน ส่วนโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหม่ ทาง GPS จะเข้ามาถือหุ้นใหญ่ 49%หลังจากใช้สิทธิแปลงวอร์แรนต์เป็นหุ้นสามัญที่อัตรา 1.32 บาท/หน่วย จากปัจจุบันที่หุ้นอยู่ 29.78% โดยมีเงื่อนไขว่าจะใช้สิทธิวอร์แรนต์ภายใน 12เดือน ทำให้บริษัท ฯมีสภาพคล่องมากขึ้นจากการเพิ่มทุนและการใช้สิทธิวอร์แรนต์ประมาณ 300 ล้านบาท

นายศุขสนั่น กล่าวต่อไปว่า บริษัทมีความเชื่อมั่นว่าจะเป็นบริษัทชั้นนำด้านวิศวกรรมและก่อสร้างอุปกรณ์ในอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซฯ โดยอาศัยเทคนิค เครือข่ายและกำลังเงินจากผู้ถือหุ้นใหญ่อย่างGPS ทำให้มีความสามารถในการเข้าไปร่วมประมูลงานทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันธุรกิจนี้มีการเติบโตสูงมากจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับเพิ่มขึ้นใกล้ 110 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ส่งผลให้งานวิศวกรรมที่เกี่ยวข้องอย่าง อุตสาหกรรมผลิตแท่นขุดเจาะเติบโตตามไปด้วย
นายคลิ้นท์ เอลการ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร GPS กล่าวว่า ความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นการขยายขอบข่ายธุรกิจของกลุ่ม GPS ที่ต้องการขยายตลาดไปในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากขึ้น ซึ่งประเทศไทยการเติบโตด้านปิโตรเลียมมากและทำเลดีติดกับประเทศเพื่อนบ้านที่จะมีการพัฒนาอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซฯในอนาคตอย่าง กัมพูชา พม่าและเวียดนาม

ทั้งนี้ GPS มีบริษัทแม่ คือ กลุ่มอัลจาบาร์ บริษัทรับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ในตะวันออกกลาง บริษัทฯมีโรงงานผลิตประกอบอยู่ที่สิงคโปร์และอินโดนีเซีย และสำนักงานธุรกิจวิศวกรรมที่กัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย โดยปีที่แล้ว GPS มีรายได้ 250 ล้านเหรียญสหรัฐ และช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้ บริษัทฯรับออเดอร์งานแล้ว 300 ล้านเหรียญสหรัฐ คาดปีนี้จะมีผลการดำเนินงานเป็นที่น่าพอใจ
กำลังโหลดความคิดเห็น