MFEC ลั่นปีนี้เบนเข็มเน้นรับงานมาร์จิ้นสูง เพิ่มบริการใหม่ที่ตรงใจลูกค้ามากขึ้น "ศิริวัฒน์ " เผยมีช่องโตในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว มุ่งเจาะลูกค้ากลุ่มแบงก์-สื่อสารเป็นหลัก เพราะมีงบลงทุนด้านไอทีมหาศาล มั่นใจหนุนผลงานโต 20-30% ต่อเนื่องอีก 3 ปี
นายศิริวัฒน์ วงศ์จารุกร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอ็ม เอฟ อี ซี จำกัด (มหาชน)(MFEC) เปิดเผยแผนงานปี 2551 ว่ามีเป้าหมายผลักดันผลประกอบการให้เติบโตต่อเนื่องจากปี 50 แม้คาดว่าภาวะเศรษฐกิจจะยังชะลอตัว โดยตั้งเป้าเติบโต 20-30% เพิ่มจากปี 50 ที่โต 27%
ทั้งนี้ บริษัท ปรับแผนการพัฒนาบุคลากร และกลยุทธ์การขยายธุรกิจ ด้วยการมุ่งพัฒนาการให้บริการที่ครบวงจรมากขึ้น ในลักษณะเป็นพันธมิตรทางธุรกิจเข้าไปเป็นที่ปรึกษาและรับประกันความสำเร็จของโครงการ แทนการขายซอฟต์แวร์แต่เพียงอย่างเดียว หลังพบว่ายังเป็นช่องว่างที่สามารถสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจได้ในช่วงที่เศรษฐกิจชะลอตัว
"ปีนี้หลังจากพูดคุยกับผู้ประกอบการในตลาดหลายรายพบว่า ส่วนใหญ่ชะลอการลงทุนและวางเป้าหมายการเติบโตแบบ Conservative เราจึงหันมาปรับกลยุทธ์การขยายธุรกิจใหม่เน้นการเติบโตแบบก้าวกระโดด เพราะนอกจากจะทำให้รายได้เพิ่มขึ้นแล้ว ยังเป็นการขยายส่วนแบ่งทางการตลาดให้เติบโตเพิ่มขึ้นด้วย ดังนั้นเราจึงปรับการให้บริการใหม่ เน้นเป็นพาร์ทเนอร์ ที่มุ่งเป้าที่ความสำเร็จของโครงการร่วมกับเจ้าของโครงการ เพราะช่วงที่ผ่านมาการลงทุนในโครงการ IT พบว่ากว่า 40% ที่ไม่ประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ เชื่อว่าจะได้รับการตอบรับจากลูกค้ากลุ่มเป้าหมายได้เป็นอย่างดี" นายศิริวัฒน์กล่าว
นายศิริวัฒน์กล่าวอีกว่า การปรับกลยุทธดังกล่าว จะให้อัตรากำไรขั้นต้นสูงตามไปด้วย ซึ่งถือว่าสอดคล้องกับเป้าหมายทางธุรกิจของบริษัทฯ ที่จะเน้นงานโครงการที่มีกำไรขั้นต้นในอัตราสูง มากกว่าจะเน้นที่รายได้แต่เพียงอย่างเดียว ซึ่งถือเป็นกลยุทธ์ที่ทำให้ MFEC ประสบความสำเร็จมาแล้วเป็นอย่างดีในปีที่ผ่านมา ควบคู่กับการมุ่งขยายฐานลูกค้าทั้งแนวกว้างและแนวลึก โดยเฉพาะลูกค้าในกลุ่มสื่อสารและธนาคาร เนื่องจากเป็นธุรกิจที่จำเป็นต้องลงทุนในระบบไอทีอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับเทคโนโลยีใหม่ๆ เพราะธุรกิจดังกล่าวมีงบลงทุนด้านไอทีปีละหมื่นล้านบาท ดังนั้นหากสามารถเข้าไปรับงานอย่างต่อเนื่องได้ จะทำให้บริษัทฯ สามารถเติบโตได้ปีละ 20-30% อย่างน้อย 3 ปี ติดต่อกัน
นอกจากนี้ บริษัทยังเตรียมเพิ่มสินค้าที่เป็นเทคโนโลยีใหม่ๆ มาให้บริการลูกค้าเพิ่มขึ้น เพื่อขยายฐานลูกค้า และมุ่งเจาะลูกค้าในระดับ TOP 5 ในทุกอุตสาหกรรม และพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ ขึ้นมาใช้แทนของเดิม เพื่อให้ทันต่อความต้องการของลูกค้า โดยสิ้นปี 50 บริษัทมีงานในมือ (Backlog) 1,020 ล้านบาท จะรับรู้เป็นรายได้ในปีนี้ทั้งหมด พร้อมเป้าหมายรักษา Backlog ให้อยู่ในระดับ 1,000-1,200 ล้านบาท เพื่อการเติบโตต่อเนื่อง
นายศิริวัฒน์ วงศ์จารุกร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอ็ม เอฟ อี ซี จำกัด (มหาชน)(MFEC) เปิดเผยแผนงานปี 2551 ว่ามีเป้าหมายผลักดันผลประกอบการให้เติบโตต่อเนื่องจากปี 50 แม้คาดว่าภาวะเศรษฐกิจจะยังชะลอตัว โดยตั้งเป้าเติบโต 20-30% เพิ่มจากปี 50 ที่โต 27%
ทั้งนี้ บริษัท ปรับแผนการพัฒนาบุคลากร และกลยุทธ์การขยายธุรกิจ ด้วยการมุ่งพัฒนาการให้บริการที่ครบวงจรมากขึ้น ในลักษณะเป็นพันธมิตรทางธุรกิจเข้าไปเป็นที่ปรึกษาและรับประกันความสำเร็จของโครงการ แทนการขายซอฟต์แวร์แต่เพียงอย่างเดียว หลังพบว่ายังเป็นช่องว่างที่สามารถสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจได้ในช่วงที่เศรษฐกิจชะลอตัว
"ปีนี้หลังจากพูดคุยกับผู้ประกอบการในตลาดหลายรายพบว่า ส่วนใหญ่ชะลอการลงทุนและวางเป้าหมายการเติบโตแบบ Conservative เราจึงหันมาปรับกลยุทธ์การขยายธุรกิจใหม่เน้นการเติบโตแบบก้าวกระโดด เพราะนอกจากจะทำให้รายได้เพิ่มขึ้นแล้ว ยังเป็นการขยายส่วนแบ่งทางการตลาดให้เติบโตเพิ่มขึ้นด้วย ดังนั้นเราจึงปรับการให้บริการใหม่ เน้นเป็นพาร์ทเนอร์ ที่มุ่งเป้าที่ความสำเร็จของโครงการร่วมกับเจ้าของโครงการ เพราะช่วงที่ผ่านมาการลงทุนในโครงการ IT พบว่ากว่า 40% ที่ไม่ประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ เชื่อว่าจะได้รับการตอบรับจากลูกค้ากลุ่มเป้าหมายได้เป็นอย่างดี" นายศิริวัฒน์กล่าว
นายศิริวัฒน์กล่าวอีกว่า การปรับกลยุทธดังกล่าว จะให้อัตรากำไรขั้นต้นสูงตามไปด้วย ซึ่งถือว่าสอดคล้องกับเป้าหมายทางธุรกิจของบริษัทฯ ที่จะเน้นงานโครงการที่มีกำไรขั้นต้นในอัตราสูง มากกว่าจะเน้นที่รายได้แต่เพียงอย่างเดียว ซึ่งถือเป็นกลยุทธ์ที่ทำให้ MFEC ประสบความสำเร็จมาแล้วเป็นอย่างดีในปีที่ผ่านมา ควบคู่กับการมุ่งขยายฐานลูกค้าทั้งแนวกว้างและแนวลึก โดยเฉพาะลูกค้าในกลุ่มสื่อสารและธนาคาร เนื่องจากเป็นธุรกิจที่จำเป็นต้องลงทุนในระบบไอทีอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับเทคโนโลยีใหม่ๆ เพราะธุรกิจดังกล่าวมีงบลงทุนด้านไอทีปีละหมื่นล้านบาท ดังนั้นหากสามารถเข้าไปรับงานอย่างต่อเนื่องได้ จะทำให้บริษัทฯ สามารถเติบโตได้ปีละ 20-30% อย่างน้อย 3 ปี ติดต่อกัน
นอกจากนี้ บริษัทยังเตรียมเพิ่มสินค้าที่เป็นเทคโนโลยีใหม่ๆ มาให้บริการลูกค้าเพิ่มขึ้น เพื่อขยายฐานลูกค้า และมุ่งเจาะลูกค้าในระดับ TOP 5 ในทุกอุตสาหกรรม และพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ ขึ้นมาใช้แทนของเดิม เพื่อให้ทันต่อความต้องการของลูกค้า โดยสิ้นปี 50 บริษัทมีงานในมือ (Backlog) 1,020 ล้านบาท จะรับรู้เป็นรายได้ในปีนี้ทั้งหมด พร้อมเป้าหมายรักษา Backlog ให้อยู่ในระดับ 1,000-1,200 ล้านบาท เพื่อการเติบโตต่อเนื่อง
