ไมเนอร์ กรุ๊ปเชื่อมือไอบีเอ็ม ยกงานไอทีให้บริหารจัดการแบบเอาต์ซอร์สด้วยมูลค่า 1,300 ล้านบาท สร้างความคล่องตัวให้ธุรกิจ และรองรับการขยายตัวอย่างต่อเนื่องที่มีแผนจะลงทุนกว่าหมื่นล้านบาทภายใน 5 ปี และดันรายได้ให้โต 20% ภายในปีนี้
นายวิเลี่ยม เอ็ลล์วู๊ด ไฮเน็คกี้ ประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ไมเนอร์ กรุ๊ป ผู้ดำเนินธุรกิจโรงแรม ท่องเที่ยว และร้านอาหาร กล่าวว่า ไมเนอร์ได้ลงนามในสัญญาใช้บริการเอาต์ซอร์สทางด้านไอทีระยะยาวกับไอบีเอ็ม ประเทศไทย เพราะกลุ่มบริษัทไมเนอร์มั่นใจว่าการใช้บริการเอาต์ซอร์สดังกล่าว จะช่วยเพิ่มผลิตผล เพิ่มศักยภาพการแข่งขัน และประสิทธิภาพของแอปพลิเคชันหลักๆ รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีกับกลุ่มไมเนอร์
สัญญาบริการดังกล่าวมีมูลค่า 1,300 ล้านบาท จากแผนการลงทุนระยะยาว โดยไอบีเอ็มจะรับผิดชอบการดำเนินการด้านไอทีของไมเนอร์ รวมถึงการใช้การสนับสนุนด้านเทคนิค และการดูแลระบบในส่วนเกี่ยวข้องเป็นเวลา 10 ปี
“การเลือกใช้บริการเอาต์ซอร์สระยะยาวของพันธมิตรด้านไอทีมีความน่าเชื่อถือนับว่ามีความจำเป็นอย่างยิ่ง เพราะเรามีแผนจะสร้างอัตราการโตแบบก้าวกระโดดในอีก 3-5 ปี ดังนั้น เราจึงต้องเตรียมโครงสร้างพื้นฐานและการบริหารจัดการด้านไอทีให้มีความพร้อมใช้งาน มีความยืดหยุ่น และมีประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการในการขยายธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ”
นายนีล แฮมเชียร์ ประธานฝ่ายสารสนเทศ บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่า ไมเนอร์ต้องการพันธมิตรที่มีความน่าเชื่อถือที่จะเข้ามาช่วยเพิ่มขีดความสามารถด้านไอทีของบริษัท โดยเฉพาะในส่วนของประสิทธิภาพการดำเนินงาน การประสานงานภายในองค์กร และการจัดการธุรกิจ โดยยังคงรักษาระดับคุณภาพบริการด้านต่างๆ ไว้ได้ การใช้บริการไอที เอาต์ซอร์สซิ่ง และแอปพลิเคชัน แมเนจเมนต์ เซอร์วิสของไอบีเอ็ม ช่วยให้สามารถเอาเวลาและทรัพยากรที่มีอยู่ไปทุ่มเทให้กับการสร้างโอกาสทางธุรกิจหลักของไมเนอร์และงานด้านอื่นๆ ได้มากขึ้น
“เราได้วิเคราะห์อย่างรอบด้านเพื่อให้รู้ว่าองค์กรของเราต้องการอะไรจากระบบไอที จากนั้นจึงได้วางกลยุทธ์และร่างแผนงานต่างๆ เราเชื่อว่าการใช้บริการเอาต์ซอร์สจากไอบีเอ็มในส่วนของแอปพลิเคชันสำคัญๆ และเทคโนโลยีโครงสร้างพื้นฐาน จะช่วยให้เราดำเนินงานตามกลยุทธ์ที่วางไว้ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น”
การใช้บริการเอาต์ซอร์สจากไอบีเอ็ม เนื่องจากไมเนอร์ กรุ๊ปมีแผนจะลงทุนขยายกิจการอย่างต่อเนื่อง และเข้าซื้อกิจการอื่นๆ เข้ามาเสริมธุรกิจในกลุ่มเป็นมูลค่าประมาณ 1 หมื่นล้านบาทในระยะเวลา 5 ปี โดยตั้งเป้าไว้ว่าจะทำให้กลุ่มไมเนอร์มีอัตราการโต 20% ต่อปี
สำหรับการทำเอาต์ซอร์สของไอบีเอ็มจะครอบคลุม 12 ส่วน จุดเด่นของบริการนี้คือ เป็นโซลูชันที่ช่วยเพิ่มมูลค่าทางธุรกิจ ขณะเดียวกันก็ช่วยรักษาระดับความพร้อมในการใช้งานของระบบและแอปพลิเคชันสำคัญๆ ให้อยู่ในอัตราที่สูง และยังช่วยให้ระบบมีความยืดหยุ่นและสามารถรองรับการใช้งานในอนาคต เพราะนอกจากจะช่วยลดความเสี่ยง รองรับความเปลี่ยนแปลง ลดค่าใช้จ่าย ขยาดขีดความสามารถและยกระดับบริการแล้ว บริการเอาต์ซอร์สจากไอบีเอ็มยังมาพร้อมกับทักษะของบุคลากรและประสบการณ์ด้วย
นางศุภจี สุธรรมพันธ์ รองประธานสายงานธุรกิจ ไอบีเอ็ม ภูมิภาคอาเซียน กล่าวว่า ไมเนอร์เป็นลูกค้าไอบีเอ็มมากว่า 10 ปี เมื่อธุรกิจมีการเติบโตก็ต้องมีการทำอะไรขึ้นมาซัปพอร์ตยุทธศาสตร์ที่วางไว้ ทั้งนี้ จากประสบการณ์ของไอบีเอ็มจะเข้าไปช่วยให้การดำเนินธุรกิจไม่หยุดชะงัก และคนของไมเนอร์จะได้ไปโฟกัสในธุรกิจหลักได้อย่างเต็มที่
“การทำสัญญากับไมเนอร์เป็นลักษณะของ partnership ซึ่งอนาคตที่เราจะทำให้นอกเหนือจากการเอาต์ซอร์สระบบไอทีแล้ว ยังมีการให้ในเรื่องของทักษะกับบุคลากร และหาเทคนิคใหม่ๆ ด้านไอทีเสริมให้กับไมเนอร์ เพื่อตอบสนองได้ตรงความต้องการของลูกค้า ไม่ต้องกังวลในเรื่องของไอที”
Company Related Links :
IBM
