นายกสมาคมอสังหาฯ ชี้มาตรการลดภาษีกระตุ้นอสังหาฯ เพิ่มศักยภาพการขาย เชื่อผู้ประกอบการไม่กล้าเพิ่มสต๊อกสินค้าหวังโกยกำไร เหตุปัญหาสต๊อกล้นตามหลอกหลอน แถมมาตรการมีอายุเพียง 1 ปี ด้านศูนย์ข้อมูลเผยไม่มีโครงการจัดสรรเกิดใหม่ในนครนายก หลังแผนเมืองใหม่ล้ม ส่วนอยุธยาบ้านไม่เกิน 1.5 ล้านบาทมาแรง รับกำลังซื้อย้ายจากบ้านเช่า
นายสมเชาว์ ตันฑเทอดธรรม นายกสมาคมอังหาริมทรัพย์ไทย กล่าวว่า การที่รัฐบาลนำมาตรการลดภาษีในภาคธุรกิจต่างๆ ทั้ง เอสเอ็มอี, บริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และอสังหาริมทรัพย์ มาช่วยฟื้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะภาคอสังหาฯ ที่มีการลดภาษีธุรกิจเฉพาะและค่าธรรมเนียมการโอน เป็นระยะเวลา 1 ปี จะช่วยให้ผู้ประกอบการลดค่าใช้จ่ายได้ถึง 3.88% นั้นจะทำให้การแข่งขันในตลาดรุนแรงมากขึ้น โดยผู้ประกอบการจะนำส่วนลดที่ได้จากมาตรการการลดภาษี กลับคืนสู่ผู้บริโภคด้วยรูปแบบที่แตกต่างกันไปตามแคมเปญของแต่ละบริษัท หรืออีกนัยหนึ่งการลดภาษีดังกล่าวจะช่วยให้ผู้ประกอบการมีศักยภาพในการทำการตลาด และสามารถระบายสต๊อกสินค้าออกไปได้เร็วขึ้น
อย่างไรก็ตาม มาตรการดังกล่าวจะสามารถประกาศใช้ได้เร็วที่สุดประมาณ 2 เดือนข้างหน้า ซึ่งในระหว่างนี้อาจทำให้ลูกค้าชะลอการโอนบ้าน และส่งผลให้ต้องหาวิธีแก้ปัญหา และแม้ว่ามาตรการดังกล่าวจะทำให้ผู้ประกอบการมีกำไรเพิ่มขึ้น แต่อาจทำให้มีการเร่งผลิตบ้านออกมาเพื่อให้สามารถโอนได้ทันสิ้นปีนี้ ซึ่งกรณีดังกล่าวอาจจะสร้างปัญหาทำให้ผู้ประกอบการมีสต๊อกบ้านล้นมือได้นั้น เชื่อว่าปัญหาสต๊อกบ้านสร้างเสร็จในมือของผู้ประกอบการที่มีอยู่เดิมนั้นจะทำให้มีการเร่งระบายสินค้าในช่วงก่อนหน้านี้ และมีความระมัดระวังตัวมากขึ้นในการผลิตสินค้ามากขึ้น ดังนั้นจึงเชื่อว่าผู้ประกอบการจะไม่เร่งผลิตสินค้าออกมาจนเกินความต้องการในตลาดจนทำให้มีสต๊อกส่วนเกิน
เผยนครนายก-อยุธยาไม่มีโครงการเปิดใหม่
นายสัมมา คีตสิน ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ กล่าวว่า จากผลสำรวจโครงการที่อยู่อาศัยในจ.พระนครศรีอยุธยา และ จ.นครนายก ปี50 ภายหลังจากที่รัฐบาลประกาศยกระดับนครนายกเป็นเมืองใหม่ในช่วงปี 48 ส่งผลให้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์เข้าพัฒนาโครงการบ้านจัดสรรในนครนายกและจังหวัดใกล้เคียงจำนวนมาก แต่ภายหลังจากโครงการดังกล่าวล้มไป กลับไม่มีโครงการบ้านจัดสรรใหม่เกิดขึ้นเลย
ทั้งนี้ผลการสำรวจนับตั้งแต่ปี 49 -ไตรมาส 3 ปี 50 พบว่า จ.นครนายกมีโครงการที่อยู่อาศัยที่เปิดขาย 16 โครงการ จำนวน 3,886 ยูนิต ปัจจุบันมียูนิตเหลือขาย 1,972 ยูนิต ขณะที่มีอัตราการดูดซับมีเพียง 3% ส่วน จ.พระนครศรีอยุธยา มีโครงการบ้านที่อยู่ระหว่างขายมี 52 โครงการ 8,780 ยูนิต ส่วนใหย่มีราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท โดยมีการขายแล้ว 5,007 ยูนิต มียูนิตเหลือขาย 3,773 ยูนิต ในจำนวนดังกล่าวมีบ้านสร้างเสร็จเพียง 9% เท่านั้น ส่วนอัตราการดูดซับตลาดมีอยู่ 9%
ทาวน์เฮาส์ 1.5 ล้านขาดตลาด
ด้านนายปราโมทย์ เจษฎาวรางกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทวังทอง กรุ๊ป จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า แนวโน้มตลาดที่อยู่อาศัย จ.พระนครศรีอยุธยา ค่อนข้างดี เนื่องจากเป็นพื้นที่ตั้งของนิคมอุตสาหกรรม มีกลุ่มผู้ซื้อระดับกลาง-ล่างจำนวนมาก ทำให้มีความต้องการที่อยู่สูง จะเห็นได้จากการเปิดอพาร์ทเม้นท์ให้เช่ามากกว่า 50,000 ยูนิต สะท้อนให้เห็นว่ามีความต้องการที่อยู่อาศัยสูง โดยเฉพาะตลาดที่อยู่อาศัยในระดับราคาไม่เกิน 1.5 ล้านบาท ซึ่งทาวน์เฮาส์ในระดับราคาดังกล่าวยังขาดตลาดมาก
นายสมเชาว์ ตันฑเทอดธรรม นายกสมาคมอังหาริมทรัพย์ไทย กล่าวว่า การที่รัฐบาลนำมาตรการลดภาษีในภาคธุรกิจต่างๆ ทั้ง เอสเอ็มอี, บริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และอสังหาริมทรัพย์ มาช่วยฟื้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะภาคอสังหาฯ ที่มีการลดภาษีธุรกิจเฉพาะและค่าธรรมเนียมการโอน เป็นระยะเวลา 1 ปี จะช่วยให้ผู้ประกอบการลดค่าใช้จ่ายได้ถึง 3.88% นั้นจะทำให้การแข่งขันในตลาดรุนแรงมากขึ้น โดยผู้ประกอบการจะนำส่วนลดที่ได้จากมาตรการการลดภาษี กลับคืนสู่ผู้บริโภคด้วยรูปแบบที่แตกต่างกันไปตามแคมเปญของแต่ละบริษัท หรืออีกนัยหนึ่งการลดภาษีดังกล่าวจะช่วยให้ผู้ประกอบการมีศักยภาพในการทำการตลาด และสามารถระบายสต๊อกสินค้าออกไปได้เร็วขึ้น
อย่างไรก็ตาม มาตรการดังกล่าวจะสามารถประกาศใช้ได้เร็วที่สุดประมาณ 2 เดือนข้างหน้า ซึ่งในระหว่างนี้อาจทำให้ลูกค้าชะลอการโอนบ้าน และส่งผลให้ต้องหาวิธีแก้ปัญหา และแม้ว่ามาตรการดังกล่าวจะทำให้ผู้ประกอบการมีกำไรเพิ่มขึ้น แต่อาจทำให้มีการเร่งผลิตบ้านออกมาเพื่อให้สามารถโอนได้ทันสิ้นปีนี้ ซึ่งกรณีดังกล่าวอาจจะสร้างปัญหาทำให้ผู้ประกอบการมีสต๊อกบ้านล้นมือได้นั้น เชื่อว่าปัญหาสต๊อกบ้านสร้างเสร็จในมือของผู้ประกอบการที่มีอยู่เดิมนั้นจะทำให้มีการเร่งระบายสินค้าในช่วงก่อนหน้านี้ และมีความระมัดระวังตัวมากขึ้นในการผลิตสินค้ามากขึ้น ดังนั้นจึงเชื่อว่าผู้ประกอบการจะไม่เร่งผลิตสินค้าออกมาจนเกินความต้องการในตลาดจนทำให้มีสต๊อกส่วนเกิน
เผยนครนายก-อยุธยาไม่มีโครงการเปิดใหม่
นายสัมมา คีตสิน ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ กล่าวว่า จากผลสำรวจโครงการที่อยู่อาศัยในจ.พระนครศรีอยุธยา และ จ.นครนายก ปี50 ภายหลังจากที่รัฐบาลประกาศยกระดับนครนายกเป็นเมืองใหม่ในช่วงปี 48 ส่งผลให้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์เข้าพัฒนาโครงการบ้านจัดสรรในนครนายกและจังหวัดใกล้เคียงจำนวนมาก แต่ภายหลังจากโครงการดังกล่าวล้มไป กลับไม่มีโครงการบ้านจัดสรรใหม่เกิดขึ้นเลย
ทั้งนี้ผลการสำรวจนับตั้งแต่ปี 49 -ไตรมาส 3 ปี 50 พบว่า จ.นครนายกมีโครงการที่อยู่อาศัยที่เปิดขาย 16 โครงการ จำนวน 3,886 ยูนิต ปัจจุบันมียูนิตเหลือขาย 1,972 ยูนิต ขณะที่มีอัตราการดูดซับมีเพียง 3% ส่วน จ.พระนครศรีอยุธยา มีโครงการบ้านที่อยู่ระหว่างขายมี 52 โครงการ 8,780 ยูนิต ส่วนใหย่มีราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท โดยมีการขายแล้ว 5,007 ยูนิต มียูนิตเหลือขาย 3,773 ยูนิต ในจำนวนดังกล่าวมีบ้านสร้างเสร็จเพียง 9% เท่านั้น ส่วนอัตราการดูดซับตลาดมีอยู่ 9%
ทาวน์เฮาส์ 1.5 ล้านขาดตลาด
ด้านนายปราโมทย์ เจษฎาวรางกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทวังทอง กรุ๊ป จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า แนวโน้มตลาดที่อยู่อาศัย จ.พระนครศรีอยุธยา ค่อนข้างดี เนื่องจากเป็นพื้นที่ตั้งของนิคมอุตสาหกรรม มีกลุ่มผู้ซื้อระดับกลาง-ล่างจำนวนมาก ทำให้มีความต้องการที่อยู่สูง จะเห็นได้จากการเปิดอพาร์ทเม้นท์ให้เช่ามากกว่า 50,000 ยูนิต สะท้อนให้เห็นว่ามีความต้องการที่อยู่อาศัยสูง โดยเฉพาะตลาดที่อยู่อาศัยในระดับราคาไม่เกิน 1.5 ล้านบาท ซึ่งทาวน์เฮาส์ในระดับราคาดังกล่าวยังขาดตลาดมาก
