xs
xsm
sm
md
lg

คลังฟุ้งศก.ดี เล็งปรับจีดีพี เดือนมีนาคม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

กระทรวงการคลังเตรียมปรับประมาณการเศรษฐกิจปี 51 ใหม่ในเดือน มี.ค. คาดเศรษฐกิจไทยปีนี้มีโอกาสเติบโตได้ถึงร้อยละ 6 ขณะที่ภาวะเศรษฐกิจเดือน ม.ค. อุปสงค์ภายในประเทศปรับตัวดีขึ้นทุกรายการ ส่วนการนำเข้าเพื่อการผลิตขยายตัว และการส่งออกยังขยายตัวได้สูง ไม่ติดใจแบงก์ชาติคงดอกเบี้ยนโยบาย

นางพรรณี สถาวโรดม ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังจะปรับประมาณการอัตราขยายตัวทางเศรษฐกิจของปี 2551 อีกครั้งในเดือน มี.ค.นี้ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณา ว่ามีสมมติฐานใดที่เปลี่ยนแปลงไปจากที่เคยคาดการณ์ไว้เมื่อเดือน พ.ย.2550 บ้าง ทั้งค่าเงินบาท อัตราเงินเฟ้อ ราคาน้ำมัน และการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่งหากสมมติฐานตัวใดมีการเปลี่ยนแปลงไปจากกรอบเดิมก็คงต้องไปพิจารณารายละเอียดอีกครั้ง นอกจากนี้ ยังจะได้นำมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐบาลเตรียมประกาศในอีกประมาณ 1-2 สัปดาห์นี้ มาพิจารณาด้วย

อย่างไรก็ดี คาดว่าจากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้น และจากการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล น่าจะทำให้เศรษฐกิจไทยในปีนี้ขยายตัวได้ถึงร้อยละ 6 อย่างที่ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประเมินไว้

"มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล คงเกิดผลในทางจิตวิทยา แต่ตอนนี้คงยังบอกไม่ได้ว่าจะมีผลกระตุ้นเศรษฐกิจเท่าใด เพราะยังไม่รู้ว่ารัฐบาลดำเนินมาตรการใดบ้าง คงอีกประมาณ 1-2 สัปดาห์นี้ถึงจะรู้ว่ามีมาตรการอะไรบ้าง" นางพรรณีกล่าว

นางพรรณี กล่าวว่า สำหรับภาวะเศรษฐกิจการคลังในเดือน ม.ค.2551 เศรษฐกิจไทยสามารถขยายตัวได้อย่างสมดุลมากขึ้น โดยมีแรงขับเคลื่อนสำคัญทั้งจากอุปสงค์ภายในประเทศผ่านการลงทุนและการบริโภคภาคเอกชนที่ฟื้นตัวอย่างชัดเจนและส่งผลให้การนำเข้าปรับตัวดีขึ้นมาก ในขณะที่อุปสงค์จากต่างประเทศผ่านการส่งออกยังคงขยายตัวได้ในระดับสูง นอกจากนี้ การใช้จ่ายงบประมาณของรัฐบาลยังคงขยายตัวต่อเนื่อง บ่งชี้ถึงบทบาทภาครัฐในการสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ในด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจยังคงอยู่ในเกณฑ์ดี แม้ว่าจะมีความเสี่ยงจากอัตราเงินเฟ้อที่เริ่มปรับตัวสูงขึ้น

ส่วนการบริโภคภาคเอกชนฟื้นตัวดีขึ้น เครื่องชี้การบริโภคจากภาษีมูลค่าเพิ่มขยายตัวถึงร้อยละ 12.4 ต่อปี เร่งขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัวร้อยละ 4 ต่อปี เนื่องจากรายได้เกษตรกรที่ขยายตัวได้ดีจากราคาสินค้าเกษตรที่ขยายตัวในระดับสูงและการปรับขึ้นเงินเดือนของข้าราชการและรัฐวิสาหกิจ และความเชื่อมั่นของประชาชนและภาคธุรกิจที่ปรับตัวดีขึ้นตามความชัดเจนทางการเมือง ขณะที่เครื่องชี้การบริโภคด้านสินค้าคงทนมีสัญญาณของการฟื้นตัวขึ้นอย่างชัดเจน จากปริมาณจำหน่ายรถยนต์นั่งเดือน ม.ค. ขยายตัวสูงมากที่ร้อยละ 32.8 ต่อปี และปริมาณจำหน่ายรถจักรยานยนต์ปรับตัวดีขึ้น โดยหดตัวลดลงร้อยละ 5 ต่อปี จากที่หดตัวถึงร้อยละ 17.7 ต่อปีในเดือน ธ.ค.2550 บ่งชี้ว่าการบริโภคภาคเอกชนในระดับฐานรากเริ่มฟื้นตัวขึ้น หลังจากที่หดตัวมาตลอดทั้งปีที่ผ่านมา

สำหรับด้านการลงทุนภาคเอกชนก็ปรับตัวดีขึ้นมากเช่นกัน โดยเครื่องชี้การลงทุนในหมวดเครื่องมือเครื่องจักรที่วัดจากปริมาณการนำเข้าสินค้าทุนในเดือน ม.ค.ขยายตัวถึงร้อยละ 61.2 ต่อปี ส่วนหนึ่งเนื่องจากมีการนำเข้ารายการพิเศษ เช่น เครื่องบินและแท่นขุดเจาะน้ำมัน อย่างไรก็ตาม เมื่อหักรายการพิเศษดังกล่าวแล้วยังคงขยายตัวในระดับสูงที่ร้อยละ 27.1 ต่อปี โดยเฉพาะในหมวดเครื่องจักรกล เครื่องจักรไฟฟ้า และคอมพิวเตอร์เป็นหลัก ขณะที่เครื่องชี้การลงทุนภาคเอกชนด้านการก่อสร้างเริ่มมีสัญญาณการปรับตัวดีขึ้น

นอกจากนี้ การส่งออกยังคงขยายตัวในระดับสูง โดยมูลค่าการส่งออกอยู่ที่ 14.0 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือขยายตัวที่ร้อยละ 33.3 ต่อปี ส่วนการนำเข้าก็ปรับตัวดีขึ้นมากตามการฟื้นตัวของการใช้จ่ายภายในประเทศ โดยมีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 14.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวสูงถึงร้อยละ 49.1 ต่อปี โดยมีสาเหตุหลักมาจากการลงทุนและการผลิตที่เร่งตัวขึ้น ดังจะเห็นได้จากมูลค่าการนำเข้าสินค้าทุนและมูลค่านำเข้าวัตถุดิบที่ขยายตัวสูงมาก นอกจากนี้ มูลค่าการนำเข้าสินค้าเชื้อเพลิงยังคงขยายตัวดีในระดับสูงตามราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ ดุลการค้าในเดือน ม.ค. ขาดดุลเป็นครั้งแรกในรอบ 17 เดือนที่ 700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

"การที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ยังคงอัตราดอกเบี้ย คงมีเหตุผลของเขา แต่เราคงต้องติดตามดูสถานการณ์ต่อไป โดยที่ผ่านมาเรากังวลว่า ราคาน้ำมันจะสูง ซึ่งจากประมาณการเดิมคาดว่าราคาน้ำมันจะอยู่ที่ 80-85 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ในปีนี้ ถ้าราคาเฉลี่ยสูงขึ้นกว่านี้ ก็คงต้องส่งผลต่อเงินเฟ้อบ้าง" นางพรรณี กล่าวและว่า ทุนสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือน ม.ค. เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องมาอยู่ที่ 92.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ 87.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และยังคงอยู่ในระดับสูงกว่าหนี้ต่างประเทศระยะสั้นหลายเท่าตัว อัตราเงินเฟ้อขยายตัวร้อยละ 4.3 ต่อปี
กำลังโหลดความคิดเห็น