โทรีเซนไทยฯ เตรียมสั่งต่อเรือเพิ่ม 2 ลำในปีนี้ ขนาด Handysize ใช้เงินลงทุนลำละ 35 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อทดแทนกองเรือที่จะครบอายุใช้งานในปี 54 ผู้บริหารเผยในอนาคตรุกขยายธุรกิจอื่น เน้นลงทุนในภูมิภาคเอเชีย-ตะวันออกกลาง ลดความเสี่ยงธุรกิจเรือสินค้าเทกองแห้ง หลังอัตราค่าระวางมีแนวโน้มอ่อนตัวลงในอีก 2 ปีข้างหน้า คาดกำไรไตรมาส 2 และ 3 ปีนี้ ต่ำกว่าไตรมาสแรก ผลจากอัตราค่าระวางที่อ่อนตัวลง ฟุ้งกำไรไม่น้อยกว่าปี 49 ผลจากเมอร์เมดสร้างรายได้เข้าบริษัทแม่
ม.ล.จันทรจุฑา จันทรทัต กรรมการผู้จัดการ บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) (TTA) เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนจะสั่งต่อเรือใหม่ 2 ลำในปีนี้ แบบ Handysize ขนาด 32,000 - 37,000 เดทเวทตัน ราคาลำละ 35-40 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ หลัง 2 ปีที่ผ่านมา บริษัทสั่งต่อเรือใหม่ 9 ลำ เพื่อทดแทนเรือที่จะครบอายุใช้งาน 25 ปี ในปี 54 จำนวน 24 ลำ โดยบริษัทจะทยอยสั่งต่อเรือใหม่หรือซื้อเรือมือสองในอนาคตเพื่อทดแทนกองเรือที่จะครบอายุใช้งาน
โดยอนาคตมีแผนจะกระจายความเสี่ยงในธุรกิจพาณิชย์นาวี ซึ่งมองว่าอนาคตปริมาณกองเรือในตลาดโลกจะมีมากขึ้น คาดว่าปี 51 เรือสินค้าแห้งเทกองจะขยายตัว 8.50% จาก 391.40 เดทเวทตัน เป็น 423.65 เดทเวทตัน และเพิ่มจำนวนขึ้นอีกใน 2-3 ปี ซึ่งจะมีผลให้อัตราค่าระวางเรือมีแนวโน้มอ่อนตัวลง ซึ่งจะส่งผลกระทบกับผลดำเนินงานของบริษัท บริษัทจึงเบนเข็มรุกธุรกิจอื่นมากขึ้น อาจลงทุนผ่านเมอร์เมด หรือตั้งบริษัทใหม่ รวมทั้งการร่วมทุน โดยเน้นประเทศแถบเอเชียและตะวันออกกลาง เพราะโอกาสการเติบโตของเศรษฐกิจสูง
"อัตราค่าระวางเรือเฉลี่ยปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 15,400 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ/วัน/ลำ ใกล้เคียงกับปี 50 แต่ต่ำกว่าในช่วงไตรมาส 1/51 ที่ค่าระวางเรือพุ่งขึ้นไปถึง 25,902 เหรียญสหรัฐ/วัน/ลำ ดังนั้น จะทำให้กำไรในไตรมาสที่ 2 และ 3 ปีนี้ ต่ำกว่ากำไรแรก แต่คาดว่ากำไรทั้งปีจะไม่น้อยว่าปี 49 เพราะเราทำสัญญญารับขนส่งสินค่าแบบเช่าเหมาลำปี 51 แล้ว 21.95% และสัญญารับขนส่งสินค้าล่วงหน้าในปี 51 ถึง 16.35% และมีแผนซ่อมบำรุงเรือ 20 ลำ แต่ก็เร่งเช่าเรือเข้ามาเสริมเพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการของลูกค้า " ม.ล.จันทรจุฑากล่าว
นางสาวนุช กัลยาวงศา ผู้อำนวยการฝ่ายบัญชีและการเงิน TTA กล่าวว่า บริษัทมีแผนใช้งบลงทุนรวมปี 51 จำนวน 119 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ แบ่งเป็นการลงทุนใน TTA 41 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ เป็นการลงทุนต่อเรือขนส่งสินค้าใหม่ และลงทุนในบริษัท เมอร์เมด มาริไทม์ จำกัด (มหาชน) 78 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ ในการต่อเรือขุดเจาะน้ำมันเพื่อเพิ่มบริการในกลุ่มธุรกิจนอกชายฝั่ง โดยคาดว่าปีนี้ผลการดำเนินงานของเมอร์เมดจะมีการเติบโตที่ดี เพราะธุรกิจบริการนอกชายฝั่งมีผู้ให้บริการน้อย ขณะที่มีความต้องการค่อนข้างสูง ทำให้อัตราค่าบริการเพิ่มขึ้น
ม.ล.จันทรจุฑา จันทรทัต กรรมการผู้จัดการ บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) (TTA) เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนจะสั่งต่อเรือใหม่ 2 ลำในปีนี้ แบบ Handysize ขนาด 32,000 - 37,000 เดทเวทตัน ราคาลำละ 35-40 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ หลัง 2 ปีที่ผ่านมา บริษัทสั่งต่อเรือใหม่ 9 ลำ เพื่อทดแทนเรือที่จะครบอายุใช้งาน 25 ปี ในปี 54 จำนวน 24 ลำ โดยบริษัทจะทยอยสั่งต่อเรือใหม่หรือซื้อเรือมือสองในอนาคตเพื่อทดแทนกองเรือที่จะครบอายุใช้งาน
โดยอนาคตมีแผนจะกระจายความเสี่ยงในธุรกิจพาณิชย์นาวี ซึ่งมองว่าอนาคตปริมาณกองเรือในตลาดโลกจะมีมากขึ้น คาดว่าปี 51 เรือสินค้าแห้งเทกองจะขยายตัว 8.50% จาก 391.40 เดทเวทตัน เป็น 423.65 เดทเวทตัน และเพิ่มจำนวนขึ้นอีกใน 2-3 ปี ซึ่งจะมีผลให้อัตราค่าระวางเรือมีแนวโน้มอ่อนตัวลง ซึ่งจะส่งผลกระทบกับผลดำเนินงานของบริษัท บริษัทจึงเบนเข็มรุกธุรกิจอื่นมากขึ้น อาจลงทุนผ่านเมอร์เมด หรือตั้งบริษัทใหม่ รวมทั้งการร่วมทุน โดยเน้นประเทศแถบเอเชียและตะวันออกกลาง เพราะโอกาสการเติบโตของเศรษฐกิจสูง
"อัตราค่าระวางเรือเฉลี่ยปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 15,400 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ/วัน/ลำ ใกล้เคียงกับปี 50 แต่ต่ำกว่าในช่วงไตรมาส 1/51 ที่ค่าระวางเรือพุ่งขึ้นไปถึง 25,902 เหรียญสหรัฐ/วัน/ลำ ดังนั้น จะทำให้กำไรในไตรมาสที่ 2 และ 3 ปีนี้ ต่ำกว่ากำไรแรก แต่คาดว่ากำไรทั้งปีจะไม่น้อยว่าปี 49 เพราะเราทำสัญญญารับขนส่งสินค่าแบบเช่าเหมาลำปี 51 แล้ว 21.95% และสัญญารับขนส่งสินค้าล่วงหน้าในปี 51 ถึง 16.35% และมีแผนซ่อมบำรุงเรือ 20 ลำ แต่ก็เร่งเช่าเรือเข้ามาเสริมเพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการของลูกค้า " ม.ล.จันทรจุฑากล่าว
นางสาวนุช กัลยาวงศา ผู้อำนวยการฝ่ายบัญชีและการเงิน TTA กล่าวว่า บริษัทมีแผนใช้งบลงทุนรวมปี 51 จำนวน 119 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ แบ่งเป็นการลงทุนใน TTA 41 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ เป็นการลงทุนต่อเรือขนส่งสินค้าใหม่ และลงทุนในบริษัท เมอร์เมด มาริไทม์ จำกัด (มหาชน) 78 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ ในการต่อเรือขุดเจาะน้ำมันเพื่อเพิ่มบริการในกลุ่มธุรกิจนอกชายฝั่ง โดยคาดว่าปีนี้ผลการดำเนินงานของเมอร์เมดจะมีการเติบโตที่ดี เพราะธุรกิจบริการนอกชายฝั่งมีผู้ให้บริการน้อย ขณะที่มีความต้องการค่อนข้างสูง ทำให้อัตราค่าบริการเพิ่มขึ้น
