ยูนิค ไมนิ่ง เซอร์วิสเซส ทุ่มงบเกือบ 500 ล้านบาท ลงทุนโครงการแปลงถ่านหินเป็นก๊าซ ก่อสร้างคลังสินค้า และต่อเรือใหม่ พร้อมตั้งเป้ากำไรปีนี้โตอีก 30%
นายชัยวัฒน์ เครือชะเอม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูนิค ไมนิ่ง เซอร์วิสเซส จำกัด (มหาชน) หรือ UMS เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทกำลังศึกษาโครงการแปลงถ่านหินเป็นก๊าซ (Coal Gasification) สำหรับโรงงานที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง ซึ่งคาดว่าจะเริ่มขายได้ในปลายปี 52 เนื่องจากแนวโน้มราคาก๊าซที่จะสูงขึ้นในอนาคตจะช่วยเพิ่มรายได้ให้กับบริษัทได้เป็นอย่างดี โดยมีกลุ่มลูกค้าในอุตสาหกรรมอาหาร สิ่งทอ ฟอกย้อม ปุ๋ย และเคมี
ทั้งนี้ บริษัทตั้งงบลงทุนปี 51 ไว้ประมาณ 300-500 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการแปลงถ่านหินเป็นก๊าซ ก่อสร้างคลังสินค้า และสั่งต่อเรือใหม่ โดยคาดว่าในไตรมาส 2-3 ปีนี้ คลังสินค้าและท่าเทียบเรือที่สมุทรสาครและอยุธยาจะเปิดใช้ได้
ขณะที่การต่อเรือใหม่ 10 ลำ จะเริ่มรับมอบในเดือนมี.ค.นี้ จำนวน 2 ลำ และที่เหลือทยอยรับมอบภายในปีนี้ โดยคาดว่าจะใช้เงินลงทุน 13-15 ล้านบาท/ลำ ถึงจุดคุ้มทุนภายใน 7 ปี ปัจจุบันมีเรืออยู่ 4 ลำ ซึ่งคาดว่าการจัดการระบบโลจิติกส์ของบริษัทจะทำให้ต้นทุนลดลง 2-3%
ด้านผลการดำเนินงานในปี 51 นั้น บริษัทตั้งเป้ากำไรเติบโตจากปีก่อนประมาณ 30% หลังจากในปี 50 บริษัทมีอัตรากำไรขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก เนื่องจากความต้องการถ่านหินที่เพิ่มขึ้นซึ่งเป็นผลมาจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้นทำให้ผู้ประกอบการหันมาใช้พลังงานจากถ่านหินเพื่อลดต้นทุนการผลิต โดยในช่วง 9 เดือนแรกมีกำไรสุทธิ 220 ล้านบาท
นายชัยวัฒน์ เครือชะเอม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูนิค ไมนิ่ง เซอร์วิสเซส จำกัด (มหาชน) หรือ UMS เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทกำลังศึกษาโครงการแปลงถ่านหินเป็นก๊าซ (Coal Gasification) สำหรับโรงงานที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง ซึ่งคาดว่าจะเริ่มขายได้ในปลายปี 52 เนื่องจากแนวโน้มราคาก๊าซที่จะสูงขึ้นในอนาคตจะช่วยเพิ่มรายได้ให้กับบริษัทได้เป็นอย่างดี โดยมีกลุ่มลูกค้าในอุตสาหกรรมอาหาร สิ่งทอ ฟอกย้อม ปุ๋ย และเคมี
ทั้งนี้ บริษัทตั้งงบลงทุนปี 51 ไว้ประมาณ 300-500 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการแปลงถ่านหินเป็นก๊าซ ก่อสร้างคลังสินค้า และสั่งต่อเรือใหม่ โดยคาดว่าในไตรมาส 2-3 ปีนี้ คลังสินค้าและท่าเทียบเรือที่สมุทรสาครและอยุธยาจะเปิดใช้ได้
ขณะที่การต่อเรือใหม่ 10 ลำ จะเริ่มรับมอบในเดือนมี.ค.นี้ จำนวน 2 ลำ และที่เหลือทยอยรับมอบภายในปีนี้ โดยคาดว่าจะใช้เงินลงทุน 13-15 ล้านบาท/ลำ ถึงจุดคุ้มทุนภายใน 7 ปี ปัจจุบันมีเรืออยู่ 4 ลำ ซึ่งคาดว่าการจัดการระบบโลจิติกส์ของบริษัทจะทำให้ต้นทุนลดลง 2-3%
ด้านผลการดำเนินงานในปี 51 นั้น บริษัทตั้งเป้ากำไรเติบโตจากปีก่อนประมาณ 30% หลังจากในปี 50 บริษัทมีอัตรากำไรขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก เนื่องจากความต้องการถ่านหินที่เพิ่มขึ้นซึ่งเป็นผลมาจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้นทำให้ผู้ประกอบการหันมาใช้พลังงานจากถ่านหินเพื่อลดต้นทุนการผลิต โดยในช่วง 9 เดือนแรกมีกำไรสุทธิ 220 ล้านบาท
