รมว.คมนาคม ขอเวลาอีก 2-3 เดือน รอผลการศึกษาศักยภาพสนามบินสุวรรณภูมิ จากองค์กรการบินพลเรือนระหว่างประเทศ ก่อนสรุปให้เป็นสนามบินนาชาติแห่งเดียว หรือชี้ขาดเลิกใช้สนามบินดอนเมืองหรือไม่
นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมว.คมนาคม กล่าวว่า ยังไม่ชี้ขาดกรอบเวลาที่จะให้สนามบินสุวรรณภูมิเป็นสนามบินนานาชาติแห่งเดียว (Single airport) โดยยุติกิจกรรมการบินที่สนามบินดอนเมือง จนกว่าจะได้ผลศึกษาการใช้สนามบินดอนเมืองจากองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ในอีก 2-3 เดือนข้างหน้า โดยจะพิจารณาร่วมกับแผนของบริษัท ท่าอากาศยานไทย (ทอท.) และสอบถามความเห็นจากสายการบินด้วย
อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ยังคงกิจกรรมเดิมที่สนามบินดอนเมืองไว้ เนื่องจากสนามบินสุวรรณภูมิยังค่อนข้างแออัด เพราะมีผู้โดยสารสูงถึง 43 ล้านคน เกือบเต็มขีดความสามารถในการรองรับที่ 45 ล้านคนต่อปี และยังมีการซ่อมแซมรันเวย์ แก้ปัญหาน้ำท่วมไม่เสร็จ รวมทั้งต้องรอให้การขยายสนามบินเฟส 2 เริ่มดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรมก่อน
“จะเป็นสนามบินเดียวต้องรอเวลา ให้ได้ความชัดเจนในทุกๆ เรื่องก่อนที่จะมีการตัดสินใจชี้ขาดใดๆ กระทรวงคมนาคมมีหน้าที่ให้นโยบายกับคณะกรรมการ ทอท. ซึ่งจะเร่งจัดตั้งขึ้นมาดูแล และตัดสินใจเรื่องการใช้สนามบินโดยตรง” นายสันติ กล่าว
ทั้งนี้ หากมีการตัดสินใจให้ใช้สนามสุวรรณภูมิเป็นสนามบินเดียว สนามบินดอนเมืองซึ่งมีพื้นที่ขนาดใหญ่สามารถใช้เป็นศูนย์ซ่อมบำรุงเครื่องบิน ซ่อมเครื่องยนต์ และเป็นศูนย์พักอะไหล่ รวมทั้งเป็นศูนย์จัดแสดงนิทรรศการอากาศยานได้ ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้สามารถสร้างรายได้ไม่น้อยกว่าปัจจุบัน
สำหรับแผนขยายสนามบินสุวรรณภูมิเฟส 2 จะเร่งรัดโดยเร็วที่สุด เพราะล่าช้ากว่าแผนมานานแล้ว จะทำให้เสียเปรียบประเทศเพื่อนบ้านได้ เบื้องต้นได้รับรายงานว่าจะใช้ เงินลงทุนสำหรับก่อสร้างอาคารผู้โดยสารแห่งที่ 2 และรันเวย์ที่ 3 เป็นมูลค่ารวม 5-6 หมื่นล้านบาท
พล.อ.ท.ชนะ อยู่สถาพร กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท. กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยกับการปิดทำ การบินที่สนามบินดอนเมือง แล้วใช้เป็นศูนย์ซ่อมบำรุง หรือศูนย์แสดงสินค้า เพราะจะได้ผลตอบแทนเป็นรายได้คงที่ ไม่มีโอกาสที่รายได้จะเติบโต หากใช้ดอนเมืองรองรับสายการบินต้นทุนต่ำ (โลว์คอสต์ แอร์ไลน์) จะถือเป็นการใช้อย่างคุ้มค่า และ ทอท. จะมีรายได้กลับมาชดเชยต้นทุนปฏิบัติการที่ดอนเมือง ปีละ 1 พันล้านบาท ทั้งนี้ หากความเห็นของ ทอท. ไม่สอดคล้องกับกระทรวงคมนาคมก็พร้อมรับผิดชอบ
ด้านนายชัยศักดิ์ อังค์สุวรรณ อธิบดีกรมการขนส่งทางอากาศ กล่าวว่า ในส่วนของกรมการขนส่งทางอากาศ ยืนยันว่าการใช้สนามบินเดียว โดยใช้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เป็นท่าอากาศยานหลัก จะเป็นแนวทางที่ผู้โดยสารได้รับความสะดวกมากที่สุด
นายอุดม ตันติประสงค์ชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินวัน-ทู-โก กล่าวว่า พร้อมที่จะดำเนินตามนโยบายของรัฐบาล เพียงแต่ขอให้มีนโยบายที่ชัดเจน หากนโยบายไม่ชัดเจนสายการบินจะลำบากอย่างแน่นอน ซึ่งที่ผ่านมาหลังจากที่สายการบินวัน-ทู-โก เปิดให้บริการที่สนามบินดอนเมือง พบว่าสามารถลดต้นทุนการให้บริการได้เป็นจำนวนมาก
นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมว.คมนาคม กล่าวว่า ยังไม่ชี้ขาดกรอบเวลาที่จะให้สนามบินสุวรรณภูมิเป็นสนามบินนานาชาติแห่งเดียว (Single airport) โดยยุติกิจกรรมการบินที่สนามบินดอนเมือง จนกว่าจะได้ผลศึกษาการใช้สนามบินดอนเมืองจากองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ในอีก 2-3 เดือนข้างหน้า โดยจะพิจารณาร่วมกับแผนของบริษัท ท่าอากาศยานไทย (ทอท.) และสอบถามความเห็นจากสายการบินด้วย
อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ยังคงกิจกรรมเดิมที่สนามบินดอนเมืองไว้ เนื่องจากสนามบินสุวรรณภูมิยังค่อนข้างแออัด เพราะมีผู้โดยสารสูงถึง 43 ล้านคน เกือบเต็มขีดความสามารถในการรองรับที่ 45 ล้านคนต่อปี และยังมีการซ่อมแซมรันเวย์ แก้ปัญหาน้ำท่วมไม่เสร็จ รวมทั้งต้องรอให้การขยายสนามบินเฟส 2 เริ่มดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรมก่อน
“จะเป็นสนามบินเดียวต้องรอเวลา ให้ได้ความชัดเจนในทุกๆ เรื่องก่อนที่จะมีการตัดสินใจชี้ขาดใดๆ กระทรวงคมนาคมมีหน้าที่ให้นโยบายกับคณะกรรมการ ทอท. ซึ่งจะเร่งจัดตั้งขึ้นมาดูแล และตัดสินใจเรื่องการใช้สนามบินโดยตรง” นายสันติ กล่าว
ทั้งนี้ หากมีการตัดสินใจให้ใช้สนามสุวรรณภูมิเป็นสนามบินเดียว สนามบินดอนเมืองซึ่งมีพื้นที่ขนาดใหญ่สามารถใช้เป็นศูนย์ซ่อมบำรุงเครื่องบิน ซ่อมเครื่องยนต์ และเป็นศูนย์พักอะไหล่ รวมทั้งเป็นศูนย์จัดแสดงนิทรรศการอากาศยานได้ ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้สามารถสร้างรายได้ไม่น้อยกว่าปัจจุบัน
สำหรับแผนขยายสนามบินสุวรรณภูมิเฟส 2 จะเร่งรัดโดยเร็วที่สุด เพราะล่าช้ากว่าแผนมานานแล้ว จะทำให้เสียเปรียบประเทศเพื่อนบ้านได้ เบื้องต้นได้รับรายงานว่าจะใช้ เงินลงทุนสำหรับก่อสร้างอาคารผู้โดยสารแห่งที่ 2 และรันเวย์ที่ 3 เป็นมูลค่ารวม 5-6 หมื่นล้านบาท
พล.อ.ท.ชนะ อยู่สถาพร กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท. กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยกับการปิดทำ การบินที่สนามบินดอนเมือง แล้วใช้เป็นศูนย์ซ่อมบำรุง หรือศูนย์แสดงสินค้า เพราะจะได้ผลตอบแทนเป็นรายได้คงที่ ไม่มีโอกาสที่รายได้จะเติบโต หากใช้ดอนเมืองรองรับสายการบินต้นทุนต่ำ (โลว์คอสต์ แอร์ไลน์) จะถือเป็นการใช้อย่างคุ้มค่า และ ทอท. จะมีรายได้กลับมาชดเชยต้นทุนปฏิบัติการที่ดอนเมือง ปีละ 1 พันล้านบาท ทั้งนี้ หากความเห็นของ ทอท. ไม่สอดคล้องกับกระทรวงคมนาคมก็พร้อมรับผิดชอบ
ด้านนายชัยศักดิ์ อังค์สุวรรณ อธิบดีกรมการขนส่งทางอากาศ กล่าวว่า ในส่วนของกรมการขนส่งทางอากาศ ยืนยันว่าการใช้สนามบินเดียว โดยใช้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เป็นท่าอากาศยานหลัก จะเป็นแนวทางที่ผู้โดยสารได้รับความสะดวกมากที่สุด
นายอุดม ตันติประสงค์ชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินวัน-ทู-โก กล่าวว่า พร้อมที่จะดำเนินตามนโยบายของรัฐบาล เพียงแต่ขอให้มีนโยบายที่ชัดเจน หากนโยบายไม่ชัดเจนสายการบินจะลำบากอย่างแน่นอน ซึ่งที่ผ่านมาหลังจากที่สายการบินวัน-ทู-โก เปิดให้บริการที่สนามบินดอนเมือง พบว่าสามารถลดต้นทุนการให้บริการได้เป็นจำนวนมาก
