xs
xsm
sm
md
lg

BBLตั้งเป้าจ่ายผ่านบัตรพุ่ง23% ผุด"เครดิต-รูดค่าโดยสารBTS"

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

แบงก์กรุงเทพตั้งเป้ายอดการใช้จ่ายผ่านเครดิตของลูกค้าโต 20-23% จากปีก่อนหน้าที่มีการขยายตัว 16-17% มั่นใจนโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจรัฐหนุนการใช้จ่ายภาคประชาชนเพิ่มขึ้น ล่าสุดจับมือวีซ่า และบีทีเอส เปิดตัว "บัตรเครดิต บลูเวฟ" บัตรแรกในเมืองไทยที่รวมบัตรเครดิตและบัตรรถไฟฟ้าบีทีเอสไว้ใบเดียว เชื่อเอ็นพีแอลทั้งระบบจะลดลงเหลือ 2.5%

นายโชค ณ ระนอง ผู้จัดการสายบัตรเครดิต ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL ในฐานะประธานชมรมธุรกิจบัตรเครดิต เปิดเผยว่า ในปี 2551 นี้ธนาคารตั้งเป้ายอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตของลูกค้าจะขยายตัว 20-23% และภาพรวมตลาดบัตรคาดว่าจะขยายตัว 13% ขณะที่ปี 2550 ยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรขยายตัวได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ทั้งปีที่ 16-17% ทั้งนี้ มั่นใจว่าธนาคารจะสามารถทำได้ตามเป้าที่ตั้งไว้อย่างแน่นอน เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจที่กำลังมีการปรับตัวดีขึ้นส่งผลให้ภาคประชาชนมีการใช้จ่ายมากขึ้นประกอบกับสภาพทางการเมืองมีความชัดเจนจากการที่มีรัฐบาลใหม่เข้ามาบริหารประเทศและมีการประกาศนโยบายในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจออกมาอย่างชัดเจน ในขณะที่ตัวธนาคารเน้นการให้บริการที่สะดวกสบายแก่ลูกค้าที่ใช้จ่ายผ่านบัตรมากเป็นพิเศษ

สำหรับภาพรวมการแข่งขันธุรกิจบัตรเครดิตในปีนี้ที่หลายฝ่ายคาดการณ์ว่าจะมีการแข่งขันค่อนข้างรุนแรงนั้น ซึ่งในส่วนของธนาคารเองก็ได้มีการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับกับการแข่งขันอยู่แล้ว โดยธนาคารจะมีการนำผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าออกมาอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นจึงคาดว่าจะทำให้ส่วนแบ่งทางการตลาดในปีนี้เติบโตดีขึ้นจากปีที่แล้ว

โดยล่าสุด ธนาคารกรุงเทพ ร่วมกับ บริษัทวีซ่า อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) และระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ (รถไฟฟ้าบีทีเอส) พัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินรูปแบบใหม่ “บัตรเครดิต บลูเวฟ ธนาคารกรุงเทพ” ที่ผสมผสานเทคโนโลยีวิธีการแตะบัตรที่เครื่องอ่านบัตร รวมเข้ากับวิธีการเสียบบัตรหรือการรูดบัตรที่เครื่องรับบัตร ภายใต้ระบบที่มีประสิทธิภาพสูงสุด นับเป็นบัตรแรกและบัตรเดียวที่รวมบัตรเครดิต และบัตรโดยสารรถไฟฟ้าบีทีเอสไว้ในบัตรเดียว ตอบสนองชีวิตยุคใหม่ให้ทุกการจับจ่ายสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย

ทั้งนี้ ลูกค้าสามารถใช้จ่ายผ่านบัตรที่เครื่องอ่านบัตรได้สูงสุดไม่เกิน 1,500 บาทต่อครั้ง และสูงสุดไม่เกิน 4,500 บาทต่อวัน โดยตั้งเป้าขยายจำนวนบัตรใหม่เพิ่มอีก 80,000 บัตร

“บัตรเครดิต บลูเวฟ ธนาคารกรุงเทพ รวมเอาเทคโนโลยีแบบไร้สัมผัสเข้ากับวิธีการชำระเงินแบบเดิมคือการรูด เพื่อผู้ถือบัตรจะสามารถชำระเงินได้กับเครื่องอ่านทุกชนิด และทำให้ผู้ถือบัตรไม่ต้องพกเงินสดหรือเศษสตางค์อีกต่อไป” นายโชคกล่าว

นายโชคกล่าวว่า ในเฟสแรกนี้มีร้านค้าที่เข้าร่วมรายการกับธนาคารแล้วจำนวน 14 ราย โดยจะเริ่มทำการติดตั้งเครื่องอ่านบัตรวันที่ 1 มีนาคม นี้จำนวน 1,500 เครื่อง และในเฟสที่ 2 จะเริ่มติดตั้งเครื่องประมาณกลางเดือนมีนาคม โดยคาดว่าภายในปีนี้จะติดตั้งเครื่องอ่านบัตรได้ประมาณ 4,000 เครื่อง ซึ่งเครื่องอ่านบัตรดังกล่าวมีราคาขายในท้องตลาดอยู่ที่เครื่องละ 120 เหรียญสหรัฐฯ หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 3,840 บาท ซึ่งธนาคารตั้งเป้ายอดการสมัครบัครเครดิต บลูเวฟ ธนาคารกรุงเทพ จำนวน 80,000 บัตร โดยในช่วงเริ่มต้นธนาคารจะทำการติดตั้งเครื่องอ่านบัตรในร้านค้าที่อยู่ในเขตกรุงเทพฯก่อน จากนั้นคาดว่าจะสามารถขยายไปสู่ต่างจังหวัดได้ในช่วงปลายปีนี้ อย่างไรก็ตามจะต้องดูการตอบรับจากลูกค้าและความต้องการของร้านค้าด้วย

โดยลูกค้าที่สนใจสมัครบัตรเครดิต บลูเวฟ ธนาคารกรุงเทพ ตั้งวันที่ 15 มีนาคม 2551 จะได้รับโบนัสมูลค่าโดยสารรถไฟฟ้าบีทีเอส 300 บาท เมื่อเติมค่าโดยสารขั้นต่ำ 300 บาท ด้วยบัตรเครดิตดังกล่าว และทุกๆ 25 บาทที่ใช้จ่ายผ่านบัตรด้วยวิธีการแตะบัตร รับคะแนนสะสมบัวหลวง Thank You Program 2 คะแนนจนถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2552 พรค้อมยกเว้นค่าธรรมเนียมแรกเข้า 200 บาท และค่าธรรมเนียมรายปี 600 บาทในปีแรก

คาดเอ็นพีแอลลดเหลือ 2.5%
นายเดชา ตุลานันท์ กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงภาพรวมของหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ทั้งระบบในปีนี้ว่า เอ็นพีแอลสุทธิน่าจะลดลงต่อเนื่องจากปีที่แล้วซึ่งอยู่ที่ 3.9% มาอยู่ที่ 2.5% ในปีนี้ เพราะหลังจากที่ได้รัฐบาลชุดใหม่ที่มาจาการเลือกตั้งเข้ามาบริหารประเทศจะส่งผลดีในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน นอกจากนี้รัฐบาลยังมีเดินหน้าลงทุนในโครงการขนาดใหญ่หรือเมกะโปรเจ็กต์ ก็ยิ่งจะส่งผลให้การลงทุนโดยรวมปรับตัวดีขึ้นเช่นกัน

ทั้งนี้ เชื่อว่าฐานะการดำเนินงานของธนาคารในปีนี้ก็น่าจะดีขึ้นกว่าปีที่แล้ว เพื่อรองรับเกณฑ์มาตรฐานสากลบาเซิล 2 ที่จะมีผลบังคับใช้จริงในปลายปีนี้ ในขณะที่ภาระการกันสำรองส่วนใหญ่ได้หมดลงไปเมื่อปีที่แล้ว ดังนั้น ปีนี้ภาระของธนาคารส่วนใหญ่ที่เหลืออยู่คือการลงทุนด้านระบบไอที อย่างไรก็ตาม ก็มองว่าการลงทุนของภาครัฐที่เพิ่มขึ้นจะส่งผลให้มีความต้องการใช้สินเชื่อเพิ่มขึ้นเช่นกัน แต่ธนาคารก็ไม่ได้คาดหวังที่จะเข้าไปประมูลเงินกู้ภาครัฐแต่จะปล่อยสินเชื่อทางอ้อมให้กับผู้รับเหมามากกว่า.
กำลังโหลดความคิดเห็น