"เคทีซี" เน้นรักษาลูกค้าเก่า เชื่อยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเพิ่มตามความเชื่อมั่นที่เริ่มกลับมาหลังมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งมาบริหารประเทศ พร้อมเน้นสานต่อแคมเปญเพิ่มยอดการใช้จ่าย ล่าสุดผนึกทีทีเอเอและสทน. จัดงาน "เที่ยวทั่วไทย ไปทั่วโลก 2008" คาดมีเงินสะพัดในงานกว่า 100 ล้านบาท
นายนิวัตต์ จิตตาลาน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทบัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ เคทีซี เปิดเผยว่า การทำธุรกิจบัตรเครดิตของเคทีซีในปีนี้จะเน้นการักษาฐานลูกค้าเก่า โดยจะมีการกระตุ้นให้มีการใช้จ่ายผ่านบัตรเพิ่มขึ้น ซึ่งจากภาพรวมของปัจจัยที่เกี่ยวข้องต่างๆแล้วเชื่อว่ายอดการใช้จ่ายผ่านบัตรในปีนี้น่าจะดีกว่า 2 ปีที่ผ่านมา แต่จะเพิ่มขึ้นเท่าไรนั้นต้องรอดูอีกระยะหนึ่ง ส่วนการขยายจำนวนบัตรในปีนี้คงมีจำนวนไม่มาก
ทั้งนี้ เชื่อว่ายอดการใช้จ่ายผ่านบัตรนั้นน่าจะยังไม่ได้ฟื้นตัวกลับมาทั้งหมด เนื่องจากในช่วงกลางปีที่ผ่านมากำลังซื้อในระบบได้ลดลงจากการใช้เกณฑ์การชำระขั้นต่ำจาก 5% เป็น 10% ทำให้ยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรลดลงค่อนข้างมาก ส่วนการแข่งขันนั้นจะขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งของแต่ละแห่ง โดยใครที่มีความแข็งแกร่งมากกว่าก็จะสามารถแย่งตลาดได้มากกว่า
"หลังจากมีมาตรการชำระขั้นต่ำ10%ของยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรในกลางปีก่อนนี้ น่าจะยังทำให้ในปีนี้การเติบโตจึงยังยากอยู่ เพราะตลาดแคบลง แต่ก็อยู่ในสภาพที่แข่งขันได้ ใครแข็งแกร่งกว่าก็สามารถแย่งตลาดมาได้มากกว่า ในปีที่ผ่านมาได้ทำการยกเลิกบัตรที่ไม่มีการใช้จ่ายไปแล้วกว่า 20,000 บัตร และมีบัตรที่มีการใช้จ่ายอย่างสม่ำเสมอกว่า 1 ล้านบัตรหรือคิดเป็นกว่า 70% จากจำนวนบัตรที่มีอยู่ 1.46 ล้านบัตร" นายนิวัตต์กล่าว
นายนิวัตต์ กล่าวว่า การที่มีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งเข้ามาบริหารประเทศนั้นจะทำให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคกลับมาได้ในอีก 5-6 เดือนข้างหน้า รวมถึงเศรษฐกิจน่าจะมีการขยายตัวได้ดีขึ้นหากเทียบกับช่วงเวลา 2 ปีที่ผ่านมา โดยคาดว่าจะมีการขยายตัวอยู่ที่ 4.5-5%
ส่วนมาตรการกันสำรอง 30% นั้น จะมีการยกเลิกหรือไม่ยกเลิกนั้นก็คงไม่มีผลอะไร เนื่องจากที่ผ่านมาทางการได้มีการปลดล็อคไปจนเกือบหมดแล้ว แต่สิ่งที่สำคัญมากกว่าเรื่องมาตรการสำรอง 30% นี้คือเรื่องการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ (เมกะโปรเจกต์) รวมถึงราคาสินค้าที่ต้องมีการควบคุม ซึ่งรัฐบาลควรเข้ามาดูแลเพื่อไม่ให้กระทบกับผู้บริโภค
"รัฐบาลมาจากการเลือกตั้งคงทำให้ความตึงเครียดหายไปและช่วยให้เศรษฐกิจขยายตัวได้ดีกว่าปีก่อน ถ้าไม่มีการทะเลาะกันในวันข้างหน้า โดยดูได้จากเมื่อปลายปีก่อนธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)ได้ประกาศว่าจีดีพีโตประมาณ 5.5% และหากรัฐบาลทำงานเร็วๆมีการประกาศนโยบายและเริ่มทำเศรษฐกิจก็คงเดินได้ รวมถึงรัฐบาลก็รู้ถึงปัญหาว่ามีเรื่องอะไรที่ต้องจัดการบ้าง อีกทั้งขณะนี้ปัญหาซับไพรม์ก็ไม่ได้กระทบประเทศไทยมากนัก เพราะการส่งออกก็หันไปยังประเทศอื่นแทน ส่วนราคาน้ำมันเชื่อว่าจะทรงตัวอยู่ในระดับนี้ ด้านเศรษฐกิจสหรัฐก็ยังปรับตัวลดลงอยู่" นายนิวัตต์กล่าว
นายวรวุฒิ นิสภกุลธร ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานการตลาดและส่งเสริมการขาย บริษัทบัตรกรุงไทย กล่าวว่า ในปีนี้จะเน้นเรื่องการแลกคะแนนจากการใช้จ่ายผ่านบัตรเป็นหลัก สานต่อแคมเปญช็อปแลกเลย เพราะจากการที่ออกแคมเปญดังกล่าวมา 3 เดือนมียอดการเติบโตถึง 287% จากเป้าที่ตั้งไว้เติบโต 20% สำหรับยอดใช้จ่ายในปีที่ผ่านมาเติบโต 15% และในปีนี้คาดว่าจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 15%เช่นกัน และแคมเปญในปีนี้จะเน้นท่องเที่ยวเพราะรัฐบาลให้การสนับสนุน ส่วนยอดสมัครบัตรใหม่คาดว่าจะมี 2 แสนบัตร จากฐาน 1.46 ล้านบัตร ซึ่งถือว่าเป็นการตั้งเป้าตามภาวะเศรษฐกิจ
นายสถาพร สิริสิงห รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารอาวุโส ฝ่ายการตลาดเพื่อการสันทนาการ บริษัทบัตรกรุงไทย กล่าวว่า เคทีซีได้ร่วมกับสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว (ทีทีเอเอ) และสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ (สทน.)จัดงาน"เที่ยวทั่วไทย ไปทั่วโลก 2008" ซึ่งเป็นมหกรรมท่องเที่ยวครั้งยิ่งใหญ่และสมบูรณ์แบบที่สุดในรอบปีระหว่าง 28 ก.พ.-2 มี.ค. โดยเคทีซีได้ทุ่มงบการตลาดในการจัดงานครั้งนี้กว่า 25 ล้านบาท และภายในงาน 4 วัน จะมีผู้สนใจเข้าร่วมงานกว่า 300,000 คน และคาดมีเม็ดเงินสะพัด กว่า 100 ล้านบาท โดยเคทีซีได้เปิดบูธมารับผู้สมัครบัตรเครดิตในงาน โดยสามารถอนุมัติได้ภายใน 30 นาที และสามารถผ่อนชำระได้นานถึง 3 เดือน
นายนิวัตต์ จิตตาลาน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทบัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ เคทีซี เปิดเผยว่า การทำธุรกิจบัตรเครดิตของเคทีซีในปีนี้จะเน้นการักษาฐานลูกค้าเก่า โดยจะมีการกระตุ้นให้มีการใช้จ่ายผ่านบัตรเพิ่มขึ้น ซึ่งจากภาพรวมของปัจจัยที่เกี่ยวข้องต่างๆแล้วเชื่อว่ายอดการใช้จ่ายผ่านบัตรในปีนี้น่าจะดีกว่า 2 ปีที่ผ่านมา แต่จะเพิ่มขึ้นเท่าไรนั้นต้องรอดูอีกระยะหนึ่ง ส่วนการขยายจำนวนบัตรในปีนี้คงมีจำนวนไม่มาก
ทั้งนี้ เชื่อว่ายอดการใช้จ่ายผ่านบัตรนั้นน่าจะยังไม่ได้ฟื้นตัวกลับมาทั้งหมด เนื่องจากในช่วงกลางปีที่ผ่านมากำลังซื้อในระบบได้ลดลงจากการใช้เกณฑ์การชำระขั้นต่ำจาก 5% เป็น 10% ทำให้ยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรลดลงค่อนข้างมาก ส่วนการแข่งขันนั้นจะขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งของแต่ละแห่ง โดยใครที่มีความแข็งแกร่งมากกว่าก็จะสามารถแย่งตลาดได้มากกว่า
"หลังจากมีมาตรการชำระขั้นต่ำ10%ของยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรในกลางปีก่อนนี้ น่าจะยังทำให้ในปีนี้การเติบโตจึงยังยากอยู่ เพราะตลาดแคบลง แต่ก็อยู่ในสภาพที่แข่งขันได้ ใครแข็งแกร่งกว่าก็สามารถแย่งตลาดมาได้มากกว่า ในปีที่ผ่านมาได้ทำการยกเลิกบัตรที่ไม่มีการใช้จ่ายไปแล้วกว่า 20,000 บัตร และมีบัตรที่มีการใช้จ่ายอย่างสม่ำเสมอกว่า 1 ล้านบัตรหรือคิดเป็นกว่า 70% จากจำนวนบัตรที่มีอยู่ 1.46 ล้านบัตร" นายนิวัตต์กล่าว
นายนิวัตต์ กล่าวว่า การที่มีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งเข้ามาบริหารประเทศนั้นจะทำให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคกลับมาได้ในอีก 5-6 เดือนข้างหน้า รวมถึงเศรษฐกิจน่าจะมีการขยายตัวได้ดีขึ้นหากเทียบกับช่วงเวลา 2 ปีที่ผ่านมา โดยคาดว่าจะมีการขยายตัวอยู่ที่ 4.5-5%
ส่วนมาตรการกันสำรอง 30% นั้น จะมีการยกเลิกหรือไม่ยกเลิกนั้นก็คงไม่มีผลอะไร เนื่องจากที่ผ่านมาทางการได้มีการปลดล็อคไปจนเกือบหมดแล้ว แต่สิ่งที่สำคัญมากกว่าเรื่องมาตรการสำรอง 30% นี้คือเรื่องการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ (เมกะโปรเจกต์) รวมถึงราคาสินค้าที่ต้องมีการควบคุม ซึ่งรัฐบาลควรเข้ามาดูแลเพื่อไม่ให้กระทบกับผู้บริโภค
"รัฐบาลมาจากการเลือกตั้งคงทำให้ความตึงเครียดหายไปและช่วยให้เศรษฐกิจขยายตัวได้ดีกว่าปีก่อน ถ้าไม่มีการทะเลาะกันในวันข้างหน้า โดยดูได้จากเมื่อปลายปีก่อนธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)ได้ประกาศว่าจีดีพีโตประมาณ 5.5% และหากรัฐบาลทำงานเร็วๆมีการประกาศนโยบายและเริ่มทำเศรษฐกิจก็คงเดินได้ รวมถึงรัฐบาลก็รู้ถึงปัญหาว่ามีเรื่องอะไรที่ต้องจัดการบ้าง อีกทั้งขณะนี้ปัญหาซับไพรม์ก็ไม่ได้กระทบประเทศไทยมากนัก เพราะการส่งออกก็หันไปยังประเทศอื่นแทน ส่วนราคาน้ำมันเชื่อว่าจะทรงตัวอยู่ในระดับนี้ ด้านเศรษฐกิจสหรัฐก็ยังปรับตัวลดลงอยู่" นายนิวัตต์กล่าว
นายวรวุฒิ นิสภกุลธร ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานการตลาดและส่งเสริมการขาย บริษัทบัตรกรุงไทย กล่าวว่า ในปีนี้จะเน้นเรื่องการแลกคะแนนจากการใช้จ่ายผ่านบัตรเป็นหลัก สานต่อแคมเปญช็อปแลกเลย เพราะจากการที่ออกแคมเปญดังกล่าวมา 3 เดือนมียอดการเติบโตถึง 287% จากเป้าที่ตั้งไว้เติบโต 20% สำหรับยอดใช้จ่ายในปีที่ผ่านมาเติบโต 15% และในปีนี้คาดว่าจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 15%เช่นกัน และแคมเปญในปีนี้จะเน้นท่องเที่ยวเพราะรัฐบาลให้การสนับสนุน ส่วนยอดสมัครบัตรใหม่คาดว่าจะมี 2 แสนบัตร จากฐาน 1.46 ล้านบัตร ซึ่งถือว่าเป็นการตั้งเป้าตามภาวะเศรษฐกิจ
นายสถาพร สิริสิงห รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารอาวุโส ฝ่ายการตลาดเพื่อการสันทนาการ บริษัทบัตรกรุงไทย กล่าวว่า เคทีซีได้ร่วมกับสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว (ทีทีเอเอ) และสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ (สทน.)จัดงาน"เที่ยวทั่วไทย ไปทั่วโลก 2008" ซึ่งเป็นมหกรรมท่องเที่ยวครั้งยิ่งใหญ่และสมบูรณ์แบบที่สุดในรอบปีระหว่าง 28 ก.พ.-2 มี.ค. โดยเคทีซีได้ทุ่มงบการตลาดในการจัดงานครั้งนี้กว่า 25 ล้านบาท และภายในงาน 4 วัน จะมีผู้สนใจเข้าร่วมงานกว่า 300,000 คน และคาดมีเม็ดเงินสะพัด กว่า 100 ล้านบาท โดยเคทีซีได้เปิดบูธมารับผู้สมัครบัตรเครดิตในงาน โดยสามารถอนุมัติได้ภายใน 30 นาที และสามารถผ่อนชำระได้นานถึง 3 เดือน