xs
xsm
sm
md
lg

รุมบอนด์รถไฟฟ้า 5 แสนล้าน บิ๊กประกันฯขอดูผลตอบแทน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายกสมาคมประกันชีวิต เผย สนลงทุนอินชัวรันส์บอนด์โครงการเมกะโปรเจกต์ 5 แสนล้าน ตั้งเงื่อนไข 3 ข้อ ความเสี่ยง อายุพันธบัตรและผลตอบแทน พร้อมส่งอนุกรรมการด้านลงทุนศึกษารูปแบบให้ชัดเจนก่อนตัดสินใจลงทุน ขณะที่ธุรกิจประกันวินาศภัยชี้เหมาะกับธุรกิจประกันชีวิตมากกว่า แย้มขอดูรายละเอียด 3 ด้าน อายุ สภาพคล่องในตลาดรองและความน่าเชื่อถือก่อน

นายสาระ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด ในฐานะนายกสมาคมบริษัทประกันชีวิตไทย เปิดเผยว่า กรณีที่ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ประกาศผลักดันงานเร่งด่วนหลังรับตำแหน่ง โครงการระบบขนส่งมวลชน 9 เส้นทาง พร้อมรถไฟรางคู่ วงเงิน 500,000 ล้านบาท โดยการออกพันธบัตรระยะยาวอายุ 30 ปีนั้น ทางสมาคมได้เคยหารือเรื่องดังกล่าวกับ นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) มาแล้วก่อนหน้านี้

ทั้งนี้ หลักการลงทุนของธุรกิจประกันชีวิตนั้น จะเน้นลงทุนในตราสารหนี้ในสัดส่วนที่สูงอยู่แล้ว โดยเฉพาะการลงทุนในพันธบัตรของรัฐบาลที่มีความเสี่ยงต่ำ และมีผลตอบแทนที่ดี เพราะเม็ดเงินในธุรกิจประกันชีวิตส่วนใหญ่จะเป็นการออมเงินของลูกค้าที่ถือกรมธรรม์ระยะยาวอายุ 20-25 ปี ซึ่งเงินดังกล่าวที่มีอยู่หลายแสนล้านบาทนั้น มีความเหมาะสมที่จะมาลงทุนในโครงการเมกะโปรเจกต์ของรัฐบาลได้

ซึ่งทางสมาคมเองได้ส่งเรื่องนี้ให้อนุกรรมการด้านการลงทุนไปหารือร่วมกับ สบน.เพื่อหารูปแบบการลงทุนที่เหมาะสมและรายละเอียดที่ชัดเจนทุกด้านก่อนพิจารณาตัดสินใจลงทุน โดยทางสมาคมจะพิจารณาประเด็นหลักๆ 3 ด้าน คือ 1.เรื่องความเสี่ยงของพันธบัตรที่รัฐบาลจะนำออกมาระดมทุนในครั้งนี้ว่ามีมากน้อยเพียงใด 2.อายุของพันธบัตรมีความเหมาะสมมากเพียงใด ซึ่งหากพันธบัตรที่ออกมามีอายุมากบริษัทประกันก็จะให้ความสนใจมาก และ3.เรื่องผลตอบแทน เนื่องจากเงินที่นำมาลงทุนนั้นมีสัญญาการจ่ายผลตอบแทนให้กับผู้ถือกรมธรรม์ด้วย

“การที่บริษัทสมาชิกของสมาคมทั้ง 24 แห่ง มีความสนใจที่จะลงทุนในพันธบัตรชุดนี้หรือไม่ขึ้นอยู่กับความสมัครใจ ทางสมาคมจะไม่บีบบังคับว่าจะต้องลงทุนหรือไม่ลงทุนแต่อย่างใด แต่ทั้งนี้เชื่อว่าการตัดสินใจลงทุนในพันธบัตรที่ใช้ลงทุนในโครงการเมกะโปรเจกต์นี้บริษัทสมาชิกทุกรายต้องพิจารณารายละเอียดของโรงการทั้งหมดก่อนจึงจะตัดสินใจลงทุน” นายสาระกล่าว

***ไทยประกันขอดูความมั่นคงก่อน

นางวรางค์ เสรฐภักดี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด กล่าวว่า การที่รัฐบาลมีนโยบายออกพันธบัตรเพื่อระดมทุนในการก่อสร้างรถไฟฟ้า โดยเปิดโอกาสให้บริษัทประกันชีวิตเข้าไปซื้อได้นั้น หากพิจารณาในแง่ผลตอบแทนที่อยู่ระดับ 5% เศษ ถือว่าน่าสนใจ แต่การที่จะออกพันธบัตรที่มีอายุยาวถึง 30 ปี ต้องพิจารณาในรายละเอียดเพิ่มเติม โดยเฉพาะแนวทางการบริหารจัดการในอนาคต ว่า จะมีความมั่นคงมากน้อยเพียงไร เช่น มีการแปลงสินทรัพย์เป็นทุนหรือไม่ เพราะการลงทุนของบริษัทประกันชีวิตจำเป็นต้องคำนึงถึงทั้งผลตอบแทนและความมั่นคง เนื่องจากกรมธรรม์ประกันชีวิตเป็นสัญญาผูกพันกับลูกค้าในระยะยาว ประกอบกับรัฐบาลไทยยังไม่เคยออกพันธบัตรที่มีอายุยาวถึง 30 ปีมาก่อน

สำหรับนโยบายการลงทุนของบริษัท ยังคงเน้นการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลและรัฐวิสาหกิจเป็นหลัก มีสัดส่วนลงทุนประมาณ 40% เศษ รองลงมาเป็นเงินฝาก ตั๋วสัญญาใช้เงิน หุ้นกู้ หน่วยลงทุน ปัจจุบันมีพอร์ตการลงทุนประมาณ 110,000 ล้านบาท มีผลตอบแทนจากการลงทุนในปี 2550 อยู่ที่ 5.2%

***พรูเด็นเชียลโยนบอร์ดตัดสินใจ

นายเท็ด ซี ริดจ์เวย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทพรูเด็นเชียล ประกันชีวิต(ประเทศไทย) จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า หากโครงการเมกะโปรเจกต์สามารถเกิดขึ้นได้โดยการระดมทุนจากในประเทศก็ถือเป็นเรื่องที่ดี บริษัทเองในฐานะเป็นนักลงทุนรายหนึ่งก็ให้ความสนใจเนื่องจากเป็นพันธบัตรรัฐบาลมีความมั่นคงค่อนข้างสูง แต่จะตัดสินใจลงทุนหรือไม่นั้นระบบการดำเนินงานของบริษัทจะต้องส่งเรื่องนี้เข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการลงทุนของบริษัทก่อนจึงจะสามารถตัดสินใจในเรื่องนี้ได้

***ประกันภัยขอดูเงื่อนไขสภาพคล่อง

นายปกิต เอี่ยมโอภาส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อลิอันซ์ ซี.พี.ประกันภัย จำกัด กล่าวว่า หากรัฐบาลออกพันธบัตรเพื่อใช้ระดมทุนในการก่อสร้างโครงการเมกะโปรเจกต์ถือเป็นเรื่องที่ดีเพราะถือเป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับนักลงทุนโดยทั่วไป รวมทั้งธุรกิจประกันวินาศภัยด้วย แต่การระดมทุนในระยะยาว 30 ปีแล้วโดยธรรมชาติของการลงทุนจะเหมาะสมกับธุรกิจประกันชีวิตมากกว่าธุรกิจประกันวินาศภัย

ทั้งนี้ ทางบริษัทมองว่า การลงทุนในตราสารระยะ 3-5 ปีสำหรับธุรกิจประกันวินาศภัยถือว่าเป็นการลงทุนระยะยาวเนื่องจากเบี้ยประกันภัยที่รับมาเป็นปีต่อปีหรืออย่างมากก็เพียง 3 ปีเท่านั้น แต่บริษัทก็ไม่ได้ปิดกั้นการเข้าไปซื้อพันธบัตรดังกล่าว เพราะในขณะนี้โครงการออกพันธบัตรเพิ่มเริ่มต้นยังไม่มีความชัดเจนและรายละเอียดของโครงการทั้งหมดประกอบการพิจารณาตัดสินใจลงทุน

โดยสิ่งสำคัญที่บริษัทจะนำมาพิจารณาประกอบการตัดสินใจลงทุนประกอบไปด้วย 3 ประเด็นคือ 1.อายุของพันธบัตรที่ออกมาจะมีรูปแบบอย่างไร มีความยืดหยุ่นมากพอที่จะลงทุนมากน้อยเพียงใด 2.สภาพคล่องของพันธบัตรในการถือครองซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นประเด็นที่สำคัญเพราะแม้ว่าพันธบัตรจะออกมาระยะ 30 ปีแต่หากมีสภาพคล่องสามารถแลกเปลี่ยนเป็นเงินสดในตลาดรองได้ง่ายก็อาจเป็นปัจจัยที่ทำให้ตัดสินใจซื้อได้ และ 3.ความน่าเชื่อถือของพันธบัตร

***เมืองไทยฯ รอรายละเอียดโครงการ

นางนวลพรรณ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด กล่าวว่า แนวคิดการทำระบบขนส่งมวลชนระบบรางในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะเป็นการสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกให้กับประชาชน ซึ่งเป็นหน้าที่ของรัฐบาลอยู่แล้ว แต่การที่บริษัทจะตัดสินใจลงทุนในพันธบัตรดังกล่าวหรือไม่ ต้องขอพิจารณารายละเอียดของโครงการทั้งหมดเสียก่อนจึงจะสามารถให้คำตอบได้

***ฟีนิกซ์สนดอกเบี้ยสูง

นายธีระศักดิ์ แสนวรางกุล กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ฟีนิกซ์ ประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ในเบื้องต้นแล้วบริษัทยินดีที่จะลงทุนในพันธบัตรที่จะออกมาในโครงการนี้ โดยเมื่อพิจารณาจากอัตราดอกเบี้ย 5% ที่นายกรัฐมนตรีประกาศออกมา ถือว่ามีความน่าสนใจลงทุนเมื่อเปรียบเทียบกับภาวะตลาดในปัจจุบันที่อัตราดอกเบี้ยในตลาดไม่สูงมากนัก แต่อย่างไรก็ตามต้องขอดูรายละเอียดของโครงการก่อนที่จะตัดสินในลงทุนในโครงการนี้
กำลังโหลดความคิดเห็น