ก.ล.ต.เผยผลตรวจสอบความเสี่ยงโบรกเกอร์ พบ บล.ไอ วี โกลบอล ภาพรวมมีความเสี่ยงระดับปานกลาง แต่มีความเสี่ยงค่อนข้างสูงในระบบควบคุมภายในด้านทรัพย์สินของลูกค้าไม่รัดกุม และยังพบการแต่งตั้งคณะกรรมการลงทุนบางรายไม่เหมาะสม อาจเกิดขัดแย้งทางผลประโยชน์ได้ ขณะที่บริษัทน้อมรับพร้อมแก้ไข
รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า จากข้อมูลการตรวจสอบ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ไอ วี โกลบอล จำกัด (มหาชน) โดยใช้วิธีตรวจสอบตามความเสี่ยงของโบรกเกอร์ พบว่า บล.ไอ วี โกลบอล มีความเสี่ยงโดยรวมในระดับปานกลางยกเว้นการตรวจสอบในหัวข้อความรัดกุมของระบบและวิธีการปฏิบัติงานโดยภาพรวม (Operational/Managerment Risk) ซึ่งพบว่า มีความเสี่ยงในระดับค่อนข้างสูง
ทั้งนี้ เกิดจากที่บริษัทมีระบบควบคุมภายในเกี่ยวกับทรัพย์สินของลูกค้าไม่รัดกุมเพียงพอ คือ บริษัทมีขั้นตอนการปฏิบัติงานที่ไม่รัดกุมเพียงพอกับการเปลี่ยนแปลงผู้จองซื้อหลักทรัพย์และการชำระค่าจองซื้อหลักทรัพย์ รวมทั้งไม่ได้จัดทำเอกสารหลักฐาน (audit trail) อย่างเพียงพอ เพื่อให้สามารถตรวจสอบรายการที่เกี่ยวข้องได้ การปฏิบัติดังกล่าวอาจทำให้ทรัพย์สินลูกค้าเกิดความเสียหายได้
รวมถึงบริษัทยินยอมให้ผู้ติดต่อนักลงทุนจัดทำบันทึกภายในแจ้งการถอนเงินหลักประกันเพื่อนำไปชำระค่าซื้อหลักทรัพย์ของลูกค้ารายเดียวกัน โดยที่ลูกค้าไม่ได้ลงนามยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษร และบริษัทไม่ได้มีการสอบยันการถอนเงินหลักประกันดังกล่าวกับลูกค้า
นอกจากนี้ บริษัทแต่งตั้งคณะกรรมการลงทุน (IC) บางรายไม่เหมาะสมโดยหนึ่งในคณะกรรมการลงทุนสามารถล่วงรู้ข้อมูลการซื้อขายหลักทรัพย์ของลูกค้าในลักษณะ warehousing ซึ่งอาจมีประเด็นเกี่ยวกับความขัดแย้งทางผลประโยชน์ได้
ดังนั้น ก.ล.ต.จึงสั่งให้บริษัทจัดให้มีระบบงานที่รัดกุมเพียงพอ เพื่อป้องกันไม่ให้ทรัพย์สินของลูกค้าเกิดความเสียหายรวมทั้งจัดทำและจัดเก็บเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องให้ครบถ้วน สามารถตรวจสอบได้ และให้บริษัทจัดให้มีระบบควบคุมภายในที่รัดกุมเพียงพอ เพื่อให้ป้องกันไม่ให้ทรัพย์สินของลูกค้าเกิดความเสียหาย รวมถึงให้บริษัทระมัดระวังในการแต่งตั้งคณะกรรมการการลงทุน โดยคำนึงถึงประเด็นความขัดแย้งทางผลประโยชน์ด้วย
อย่างไรก็ตาม บล.ไอ วี โกลบอล แจ้งว่า บริษัทรับที่จะจัดทำบันทึกแก้ไขการจองซื้อหลักทรัพย์เป็นลายลักษณ์อักษร โดยให้มีการสอบยันความถูกต้องของผู้จองซื้อ และผู้ชำระค่าจองซื้อรวมทั้งจะจัดเก็บหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษรให้ครบถ้วน เพื่อให้สามารถติดตามตรวจสอบได้ และจะให้ลูกค้าจัดทำหนังสือยินยอมการถอนหลักประกัน แต่หากลูกค้ารายใดไม่ยินยอมทำหนังสือ บริษัทจะให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการหลักทรัพย์ยืนยันกับลูกค้าทางโทรศัพท์และจะจดบันทึกการยืนยันดังกล่าวเป็นลายลักษณ์อักษรเพื่ออ้างอิงต่อไป
นอกจากนี้ คณะกรรมการลงทุนรายดังกล่าวจะลาออกจากคณะกรรมการตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2551 ซึ่งบริษัทจะสรรหาบุคคลที่เหมาะสมต่อไป และบริษัทได้ตรวจสอบการซื้อขายในบัญชีเงินลงทุนของบริษัทก็ไม่พบว่ามีการซื้อขายหลักทรัพย์ที่ทำรายการ warehousing
รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า จากข้อมูลการตรวจสอบ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ไอ วี โกลบอล จำกัด (มหาชน) โดยใช้วิธีตรวจสอบตามความเสี่ยงของโบรกเกอร์ พบว่า บล.ไอ วี โกลบอล มีความเสี่ยงโดยรวมในระดับปานกลางยกเว้นการตรวจสอบในหัวข้อความรัดกุมของระบบและวิธีการปฏิบัติงานโดยภาพรวม (Operational/Managerment Risk) ซึ่งพบว่า มีความเสี่ยงในระดับค่อนข้างสูง
ทั้งนี้ เกิดจากที่บริษัทมีระบบควบคุมภายในเกี่ยวกับทรัพย์สินของลูกค้าไม่รัดกุมเพียงพอ คือ บริษัทมีขั้นตอนการปฏิบัติงานที่ไม่รัดกุมเพียงพอกับการเปลี่ยนแปลงผู้จองซื้อหลักทรัพย์และการชำระค่าจองซื้อหลักทรัพย์ รวมทั้งไม่ได้จัดทำเอกสารหลักฐาน (audit trail) อย่างเพียงพอ เพื่อให้สามารถตรวจสอบรายการที่เกี่ยวข้องได้ การปฏิบัติดังกล่าวอาจทำให้ทรัพย์สินลูกค้าเกิดความเสียหายได้
รวมถึงบริษัทยินยอมให้ผู้ติดต่อนักลงทุนจัดทำบันทึกภายในแจ้งการถอนเงินหลักประกันเพื่อนำไปชำระค่าซื้อหลักทรัพย์ของลูกค้ารายเดียวกัน โดยที่ลูกค้าไม่ได้ลงนามยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษร และบริษัทไม่ได้มีการสอบยันการถอนเงินหลักประกันดังกล่าวกับลูกค้า
นอกจากนี้ บริษัทแต่งตั้งคณะกรรมการลงทุน (IC) บางรายไม่เหมาะสมโดยหนึ่งในคณะกรรมการลงทุนสามารถล่วงรู้ข้อมูลการซื้อขายหลักทรัพย์ของลูกค้าในลักษณะ warehousing ซึ่งอาจมีประเด็นเกี่ยวกับความขัดแย้งทางผลประโยชน์ได้
ดังนั้น ก.ล.ต.จึงสั่งให้บริษัทจัดให้มีระบบงานที่รัดกุมเพียงพอ เพื่อป้องกันไม่ให้ทรัพย์สินของลูกค้าเกิดความเสียหายรวมทั้งจัดทำและจัดเก็บเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องให้ครบถ้วน สามารถตรวจสอบได้ และให้บริษัทจัดให้มีระบบควบคุมภายในที่รัดกุมเพียงพอ เพื่อให้ป้องกันไม่ให้ทรัพย์สินของลูกค้าเกิดความเสียหาย รวมถึงให้บริษัทระมัดระวังในการแต่งตั้งคณะกรรมการการลงทุน โดยคำนึงถึงประเด็นความขัดแย้งทางผลประโยชน์ด้วย
อย่างไรก็ตาม บล.ไอ วี โกลบอล แจ้งว่า บริษัทรับที่จะจัดทำบันทึกแก้ไขการจองซื้อหลักทรัพย์เป็นลายลักษณ์อักษร โดยให้มีการสอบยันความถูกต้องของผู้จองซื้อ และผู้ชำระค่าจองซื้อรวมทั้งจะจัดเก็บหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษรให้ครบถ้วน เพื่อให้สามารถติดตามตรวจสอบได้ และจะให้ลูกค้าจัดทำหนังสือยินยอมการถอนหลักประกัน แต่หากลูกค้ารายใดไม่ยินยอมทำหนังสือ บริษัทจะให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการหลักทรัพย์ยืนยันกับลูกค้าทางโทรศัพท์และจะจดบันทึกการยืนยันดังกล่าวเป็นลายลักษณ์อักษรเพื่ออ้างอิงต่อไป
นอกจากนี้ คณะกรรมการลงทุนรายดังกล่าวจะลาออกจากคณะกรรมการตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2551 ซึ่งบริษัทจะสรรหาบุคคลที่เหมาะสมต่อไป และบริษัทได้ตรวจสอบการซื้อขายในบัญชีเงินลงทุนของบริษัทก็ไม่พบว่ามีการซื้อขายหลักทรัพย์ที่ทำรายการ warehousing