ไชน่าเดลี่ – บริษัท ไชน่า เซ็กเคียวริตี้ส์ อินเด็กซ์ ของจีน ออกดัชนีพันธบัตรใหม่ 3 ตัว ซึ่งจะชี้วัดพันธบัตร ที่ค้าในตลาดระหว่างธนาคารและตลาดหุ้นได้อย่างครอบคลุมทั้งหมดเป็นครั้งแรก
ดัชนีตัวใหม่นี้ได้แก่ดัชนีชี้วัดพันธบัตรรัฐบาล, ดัชนีชี้วัดพันธบัตรการเงิน และดัชนีชี้วัดพันธบัตรบริษัทเอกชน โดยกำหนดระดับอ้างอิงที่ 100 จุด ซึ่งอิงกับราคาของพันธบัตร ที่ถูกคัดเลือกตามที่ระบุไว้เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2545
นักวิเคราะห์มองว่า ดัชนีที่ออกใหม่นี้ควรทำหน้าที่ปรอทชี้วัดก่อนการตัดสินใจของผู้ออกพันธบัตร เพื่อระดมทุน, โบรกเกอร์ในตลาดการเงิน และนักลงทุน
นอกจากนั้น ยังคาดหวังกันด้วยว่า ดัชนีทั้งสามยังจะเป็นเครื่องมือช่วยสำหรับผู้กำหนดนโยบายเศรษฐกิจมหภาค เนื่องจากเป็นดัชนีชี้วัดอัตราดอกเบี้ยในตลาด ที่มีความน่าเชื่อถือ
เทียนหงชิน นักวิเคราะห์ของซิติก ไชน่า เซ็กเคียวริตี้ส์ ระบุว่า นับเป็นครั้งแรกที่มีการออกดัชนี ซึ่งเป็นตัวสะท้อนให้เห็นถึงภาพรวมของพันธบัตรทั้งหมด ที่ค้าในตลาดระหว่างธนาคารและตลาดหุ้นว่า มีความสดใสน่าเข้าไปลงทุนแค่ไหน การออกดัชนีเหล่านี้จะช่วยสร้างเกณฑ์มาตรฐานสำหรับพันธบัตรอย่างเป็นระบบครอบคลุม ซึ่งเป็นผลดีต่อทั้งผู้ออกพันธบัตร และนักลงทุน
ด้านนักวิเคราะห์รายอื่นเสนอให้มีการขยายการค้าพันธบัตรของเอกชนไปยังตลาดระหว่างธนาคารด้วย เนื่องจากกฎระเบียบใหม่ได้กำหนดให้ค้าพันธบัตรประเภทนี้ได้เฉพาะในตลาดหุ้นเท่านั้น แต่นักวิเคราะห์ชี้ว่า หากมีการค้าระหว่างธนาคาร จะช่วยเสริมสภาพคล่องได้
ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า การออกดัชนีใหม่ทั้งสาม ถือเป็นความคืบหน้า และจะเป็นสะพานเชื่อมระหว่างตลาดหุ้นกับตลาดระหว่างธนาคารสำหรับหลักทรัพย์ ที่มีผลตอบแทนคงที่
ขณะที่นักวิเคราะห์หลายรายระบุว่า ในสภาวะที่ตลาดหุ้นจีน ซึ่งเคยคึกคัก กำลังอยู่ในภาวะขาลงขณะนี้ ขณะที่ภาคธนาคารเข้มงวดมากขึ้นในการปล่อยสินเชื่อ ดังนั้น บริษัทหลายรายจึงกำลังหันมาให้ความสนใจตลาดทุนในระยะยาว
“ความต้องการเข้าลงทุนในตลาดทุนระยะยาว ที่เพิ่มมากขึ้น และความเชื่อมโยงกันมากขึ้นระหว่างตลาดระหว่างธนาคารกับตลาดหุ้น ทำให้มองกันว่า นี่คือปัจจัย ที่จะหนุนให้ตลาดพันธบัตรจีนในปี 2551 มีความคึกคัก” เนี่ยเหวิน นักวิเคราะห์พันธบัตรของอินดัสเทรียล เซ็กเคียวริตี้ส์ ในเซี่ยงไฮ้ กล่าว
ดัชนีตัวใหม่นี้ได้แก่ดัชนีชี้วัดพันธบัตรรัฐบาล, ดัชนีชี้วัดพันธบัตรการเงิน และดัชนีชี้วัดพันธบัตรบริษัทเอกชน โดยกำหนดระดับอ้างอิงที่ 100 จุด ซึ่งอิงกับราคาของพันธบัตร ที่ถูกคัดเลือกตามที่ระบุไว้เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2545
นักวิเคราะห์มองว่า ดัชนีที่ออกใหม่นี้ควรทำหน้าที่ปรอทชี้วัดก่อนการตัดสินใจของผู้ออกพันธบัตร เพื่อระดมทุน, โบรกเกอร์ในตลาดการเงิน และนักลงทุน
นอกจากนั้น ยังคาดหวังกันด้วยว่า ดัชนีทั้งสามยังจะเป็นเครื่องมือช่วยสำหรับผู้กำหนดนโยบายเศรษฐกิจมหภาค เนื่องจากเป็นดัชนีชี้วัดอัตราดอกเบี้ยในตลาด ที่มีความน่าเชื่อถือ
เทียนหงชิน นักวิเคราะห์ของซิติก ไชน่า เซ็กเคียวริตี้ส์ ระบุว่า นับเป็นครั้งแรกที่มีการออกดัชนี ซึ่งเป็นตัวสะท้อนให้เห็นถึงภาพรวมของพันธบัตรทั้งหมด ที่ค้าในตลาดระหว่างธนาคารและตลาดหุ้นว่า มีความสดใสน่าเข้าไปลงทุนแค่ไหน การออกดัชนีเหล่านี้จะช่วยสร้างเกณฑ์มาตรฐานสำหรับพันธบัตรอย่างเป็นระบบครอบคลุม ซึ่งเป็นผลดีต่อทั้งผู้ออกพันธบัตร และนักลงทุน
ด้านนักวิเคราะห์รายอื่นเสนอให้มีการขยายการค้าพันธบัตรของเอกชนไปยังตลาดระหว่างธนาคารด้วย เนื่องจากกฎระเบียบใหม่ได้กำหนดให้ค้าพันธบัตรประเภทนี้ได้เฉพาะในตลาดหุ้นเท่านั้น แต่นักวิเคราะห์ชี้ว่า หากมีการค้าระหว่างธนาคาร จะช่วยเสริมสภาพคล่องได้
ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า การออกดัชนีใหม่ทั้งสาม ถือเป็นความคืบหน้า และจะเป็นสะพานเชื่อมระหว่างตลาดหุ้นกับตลาดระหว่างธนาคารสำหรับหลักทรัพย์ ที่มีผลตอบแทนคงที่
ขณะที่นักวิเคราะห์หลายรายระบุว่า ในสภาวะที่ตลาดหุ้นจีน ซึ่งเคยคึกคัก กำลังอยู่ในภาวะขาลงขณะนี้ ขณะที่ภาคธนาคารเข้มงวดมากขึ้นในการปล่อยสินเชื่อ ดังนั้น บริษัทหลายรายจึงกำลังหันมาให้ความสนใจตลาดทุนในระยะยาว
“ความต้องการเข้าลงทุนในตลาดทุนระยะยาว ที่เพิ่มมากขึ้น และความเชื่อมโยงกันมากขึ้นระหว่างตลาดระหว่างธนาคารกับตลาดหุ้น ทำให้มองกันว่า นี่คือปัจจัย ที่จะหนุนให้ตลาดพันธบัตรจีนในปี 2551 มีความคึกคัก” เนี่ยเหวิน นักวิเคราะห์พันธบัตรของอินดัสเทรียล เซ็กเคียวริตี้ส์ ในเซี่ยงไฮ้ กล่าว
