อินเด็กซ์ ชี้ ปีหนูธุรกิจอีเวนต์ 6,500 ล้านบาท โตพรวด 10% รับอานิสงส์รัฐบาลชุดใหม่เทงบทำอีเวนต์โปรโมตผลงาน ภาคเอกชนเชื่อมั่นเศรษฐกิจอัดฉีดงบทำอีเวนต์ ดอดร่วมทุนบริษัท ดี-63 ขยายธุรกิจเกี่ยวเนื่องยันงานออกแบบและก่อสร้างหนุนธุรกิจหลัก เท 40 ล้านบาท ผุดโรงงานใหม่ สิ้นปีรายได้โต 50% กวาด 120 ล้านบาท ส่วนอินเด็กซ์ กรุ๊ป โต 10%
นายเกรียงไกร กาญจนะโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินเด็กซ์ อีเวนท์ เอเจนซี่ จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนินธุรกิจอีเวนต์ เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจอีเวนต์ มูลค่า 6,500 ล้านบาท ในปีนี้คาดว่า มีอัตราการเติบโต 10% ทั้งนี้ เพราะมีปัจจัยบวกจากการที่ประเทศไทยมีรัฐบาลจากการเลือกตั้งเข้ามาบริหารประเทศ และคาดว่า รัฐบาลจะใช้เม็ดเงินในการทำอีเวนต์ต่างๆ เพื่อสร้างการรับรู้ให้กับประชาชน ขณะเดียวกัน ภาคเอกชนเกิดความมั่นใจและใช้งบในการทำอีเวนต์มากขึ้นเช่นกัน เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาธุรกิจอีเวนต์ไม่มีอัตราการเติบโต โดยในปีที่ผ่านมาบริษัทขนาดกลางมีปัญหาการบริหารต้นทุนเป็นจำนวนมาก
ล่าสุด บริษัทได้ร่วมทุนกับบริษัท ดี ซิกซ์ตี้ ทรี จำกัด (ดี-63) ผู้ดำเนินธุรกิจด้านการออกแบบและงานก่อสร้างธุรกิจงานแสดงสินค้า กิจกรรมการตลาด และบันเทิง โดยถือหุ้นสัดส่วน 50:50 หรือลงทุนประมาณ 15 ล้านบาท ทั้งนี้ การร่วมทุนที่เกิดขึ้นโนว์ฮาว ของบริษัท ดี-63 และบริษัทต่างๆ ในเครืออินเด็กซ์ กรุ๊ปจะส่งเสริมกับให้เกิดการทำงานที่ดียิ่งขึ้น และเสริมสร้างประสิทธิภาพธุรกิจหลักให้มีความแตกต่างจากบริษัทมากยิ่งขึ้น จากปัจจุบันบริษัทได้เข้าไปร่วมทุนกับธุรกิจเกี่ยวเนื่องร่วม 10 บริษัทแล้ว
นายเกรียงไกร กล่าวว่า ปกติงานอีเวนต์ต้องใช้งบก่อสร้างหรือองค์ประกอบต่างๆ ครบวงจรค่อนข้างสูง แต่การร่วมทุนกับบริษัท ดี-63 จะช่วยลดต้นทุนได้ ล่าสุด ได้ทุ่มงบลงทุน 40 ล้านบาท สร้างโรงงานผลิตแห่งใหม่บริเวณลาดพร้าว 107 และโยกการผลิตจากโรงงานเดิมมาไว้ที่เดียวกัน โดยคาดว่าโรงงานแห่งใหม่แล้วเสร็จในกลางปีนี้ สำหรับโครงสร้างธุรกิจของบริษัทดี – 63 แบ่ง เป็นงานแสดงสินค้า งานอีเวนต์ บันเทิง มีสัดส่วนรายได้ใกล้เคียงกัน โดยในแต่ละปีอีเวนต์มาใช้บริการมากกว่า 200 งาน ซึ่งจะเป็นลักษณะของการรูปแบบการผลิต 90% และเช่า 10%
ทั้งนี้ บริษัทยังวางแผนที่เข้าร่วมทุนอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่มีความซับซ้อน จึงต้องมีเครื่องมือที่สามารถเข้าถึงได้อย่างแยบยล และสร้างความพึงพอใจ เพื่อให้ธุรกิจของอินเด็กซ์ กรุ๊ปเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับเป็นบริษัทธุรกิจอีเวนต์อันดับ 1 ของ ประเทศไทยที่มีคุณภาพ และจากการร่วมทุนกับบริษัท ดี-63 คาดว่า ผลประกอบการสิ้นปีนี้เติบโต 50% หรือมีรายได้ 120 ล้านบาท จากปีที่ผ่านมามีรายได้ 80 ล้านบาท ส่วนรายได้รวมของอินเด็กซ์ กรุ๊ป เติบโต 10%
นายเกรียงไกร กาญจนะโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินเด็กซ์ อีเวนท์ เอเจนซี่ จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนินธุรกิจอีเวนต์ เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจอีเวนต์ มูลค่า 6,500 ล้านบาท ในปีนี้คาดว่า มีอัตราการเติบโต 10% ทั้งนี้ เพราะมีปัจจัยบวกจากการที่ประเทศไทยมีรัฐบาลจากการเลือกตั้งเข้ามาบริหารประเทศ และคาดว่า รัฐบาลจะใช้เม็ดเงินในการทำอีเวนต์ต่างๆ เพื่อสร้างการรับรู้ให้กับประชาชน ขณะเดียวกัน ภาคเอกชนเกิดความมั่นใจและใช้งบในการทำอีเวนต์มากขึ้นเช่นกัน เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาธุรกิจอีเวนต์ไม่มีอัตราการเติบโต โดยในปีที่ผ่านมาบริษัทขนาดกลางมีปัญหาการบริหารต้นทุนเป็นจำนวนมาก
ล่าสุด บริษัทได้ร่วมทุนกับบริษัท ดี ซิกซ์ตี้ ทรี จำกัด (ดี-63) ผู้ดำเนินธุรกิจด้านการออกแบบและงานก่อสร้างธุรกิจงานแสดงสินค้า กิจกรรมการตลาด และบันเทิง โดยถือหุ้นสัดส่วน 50:50 หรือลงทุนประมาณ 15 ล้านบาท ทั้งนี้ การร่วมทุนที่เกิดขึ้นโนว์ฮาว ของบริษัท ดี-63 และบริษัทต่างๆ ในเครืออินเด็กซ์ กรุ๊ปจะส่งเสริมกับให้เกิดการทำงานที่ดียิ่งขึ้น และเสริมสร้างประสิทธิภาพธุรกิจหลักให้มีความแตกต่างจากบริษัทมากยิ่งขึ้น จากปัจจุบันบริษัทได้เข้าไปร่วมทุนกับธุรกิจเกี่ยวเนื่องร่วม 10 บริษัทแล้ว
นายเกรียงไกร กล่าวว่า ปกติงานอีเวนต์ต้องใช้งบก่อสร้างหรือองค์ประกอบต่างๆ ครบวงจรค่อนข้างสูง แต่การร่วมทุนกับบริษัท ดี-63 จะช่วยลดต้นทุนได้ ล่าสุด ได้ทุ่มงบลงทุน 40 ล้านบาท สร้างโรงงานผลิตแห่งใหม่บริเวณลาดพร้าว 107 และโยกการผลิตจากโรงงานเดิมมาไว้ที่เดียวกัน โดยคาดว่าโรงงานแห่งใหม่แล้วเสร็จในกลางปีนี้ สำหรับโครงสร้างธุรกิจของบริษัทดี – 63 แบ่ง เป็นงานแสดงสินค้า งานอีเวนต์ บันเทิง มีสัดส่วนรายได้ใกล้เคียงกัน โดยในแต่ละปีอีเวนต์มาใช้บริการมากกว่า 200 งาน ซึ่งจะเป็นลักษณะของการรูปแบบการผลิต 90% และเช่า 10%
ทั้งนี้ บริษัทยังวางแผนที่เข้าร่วมทุนอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่มีความซับซ้อน จึงต้องมีเครื่องมือที่สามารถเข้าถึงได้อย่างแยบยล และสร้างความพึงพอใจ เพื่อให้ธุรกิจของอินเด็กซ์ กรุ๊ปเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับเป็นบริษัทธุรกิจอีเวนต์อันดับ 1 ของ ประเทศไทยที่มีคุณภาพ และจากการร่วมทุนกับบริษัท ดี-63 คาดว่า ผลประกอบการสิ้นปีนี้เติบโต 50% หรือมีรายได้ 120 ล้านบาท จากปีที่ผ่านมามีรายได้ 80 ล้านบาท ส่วนรายได้รวมของอินเด็กซ์ กรุ๊ป เติบโต 10%