xs
xsm
sm
md
lg

บาทแข็งทุบสถิติ 10 ปี หลังเฟดลดดอกเบี้ยแรง 0.50%

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บาทแข็งทุบสถิติ 10 ปี หลังเฟดลดดอกเบี้ยแรง 0.50% เพื่อชะลอเศรษฐกิจถดถอย “ชาติศิริ” เชื่อแบงก์ชาติยังไม่กล้าหั่นดอกเบี้ย แนะเร่งการลงทุน หวั่นภาวะเงินเฟ้อเป็นกับดักสภาพคล่อง

มีรายงานแจ้งว่า วันนี้ (31 ม.ค.) ภาวะการซื้อขายในตลาดปริวรรตเงินตราของไทย ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวที่ระดับ 33.00-33.04 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อเวลา 09.06 น.แข็งค่าต่อเนื่องเมื่อเทียบกับวานนี้ อยู่ที่ระดับ 3.035-3.055 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่ค่างเงินบาทในตลาดต่างประเทศ (ออฟชอร์) อยู่ที่ระดับ 31.50/60 บาท ต่อดอลลาร์สหรัฐฯ จากวานนี้อยู่ที่ 31.45-31.55 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ

นักค้าเงินธนาคารพาณิชย์แห่งหนึ่ง ระบุว่า การที่ค่าเงินบาทในวันนี้แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย และทำนิวไฮที่ 33.02 ซึ่งเป็นการแข็งค่าเช่นเดียวกับค่าเงินสกุลอื่นในภูมิภาค หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ประกาศลดดอกเบี้ยลง 0.50% ทำให้บาทที่ทรงตัวมา 3-4 วัน แข็งขึ้นในวันนี้

นายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL เปิดเผยว่า เชื่อว่าในครึ่งปีแรกของปี 2551 นี้ ทางคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ยังไม่มติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างแน่นอน เนื่องจากมองว่า ทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คงจะมีการพิจารณาถึงความเหมาะสมก่อนที่จะปรับขึ้น และดูว่ายังมีมาตรการอื่นๆ อะไรบ้างที่จะนำมาช่วยกระตุ้นให้เศรษฐกิจของประเทศสามารถขับเคลื่อนต่อไปได้อีก อีกทั้งระดับอัตราดอกเบี้ยในปัจจุบันก็ถือว่าอยู่ในขั้นที่เหมาะสมแล้ว

ดังนั้น จึงมองว่าอัตราดอกเบี้ย กนง.จะยังคงทรงตัวอยู่ในระดับปัจจุบันนี้ต่อไปอีก แต่ถ้าหลังจาก 6 เดือนไปแล้วก็จะต้องมีการทบทวนกันอีกครั้งหนึ่ง ในเรื่องของระดับอัตราเงินเฟ้อ และอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ หรือ จีดีพี ว่าจะเป็นไปในทิศทางใด

ส่วนแนวโน้มที่ ทาง กนง.จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกนั้นวิเคราะห์ว่าก็อาจจะ เป็นไปได้บ้างแต่คงไม่มากนัก คือ น่าจะปรับลดลงอีกประมาณ 0.25% เนื่องจาก สภาพคล่องในระบบตลาดยังมีอยู่มาก และประกอบกับระดับอัตราดอกเบี้ยทั้งเงินฝาก และเงินกู้ของธนาคารพาณิชย์ในปัจจุบันถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ต่ำพอสมควรแล้ว เพราะถ้าหากปรับลดให้ต่ำกว่านี้ก็จะส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยของเงินฝากติดลบทันที

สำหรับในส่วนของอัตราดอกเบี้ยของธนาคาร หรือดอกเบี้ยอาร์พี นั้นการที่จะมีการปรับขึ้นหรือปรับลงนั้นก็จะต้องพิจารณาว่าทางการเดินไปในทิศทางใด โดยอยู่ระหว่างพิจารณาระยะเวลาที่เหมาะสม

“ผมมองว่า การที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงทันทีนั้นคงไม่ง่ายนักเพราะถ้าเป็นอย่างนั้นก็จะมีผลกระทบต่อดอกเบี้ยเงินฝากและเงินกู้ทันที ส่วนเศรษฐกิจเองก็ยังสามารถเดินไปได้ถึงแม้จะไม่รวดเร็วเท่าที่เคยผ่านมาก็ตาม จึงเห็นว่าไม่จำเป็นปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมากเพื่อนำกระตุ้นเศรษฐกิจ”

นอกจากนี้ ยังกล่าวถึงทิศทางการขยายตัวของสินเชื่อทั้งระบบธนาคารพาณิชย์ในปีนี้ว่า น่าจะเติบโต 8% โดยการขยายตัวของสินเชื่อธนาคารก็จะมาจากการลงทุนที่เพิ่มขึ้นทั้งของภาครัฐและภาคเอกชน เช่น โครงการโรงไฟฟ้า ศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ ซึ่งจะนำมาเพื่อให้เกิดการลงทุนภายในประเทศมากขึ้น บวกกับถ้าอัตราดอกเบี้ยนิ่ง ก็จะเป็นตัวกระตุ้นให้มีการลงทุนมากขึ้นตามไปด้วยส่วนสินเชื่อรวมของธนาคารกรุงเทพเองก็คาดการณ์ว่าจะขยายตัวประมาณ 50,000-70,000 ล้านบาท หรือขยายตัวเพิ่มขึ้น 5-7% จากปี 2550
กำลังโหลดความคิดเห็น