PTL โชว์ผลงานงวดสิ้นปี 50 กำไรพุ่ง 88% เนื่องจากบริษัทมีรายได้สูงขึ้น ขณะที่ค่าใช้จ่ายรวมสูงขึ้น จากการผลิตและยอดขายที่เพิ่มขึ้น โดยส่วนใหญ่มาจากรายได้จากการขายของบริษัทย่อยในประเทศตุรกีและประเทศสหรัฐอเมริกา ส่วนราคาขายต่อหน่วยเพิ่มขึ้นและการลดลงของราคาวัตถุดิบ ทำให้กำไรสุทธิเพิ่ม
นายมานิตย์ กุปต้า กรรมการ บริษัท บริษัท โพลีเพล็กซ์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (PTL ) แจ้งผลการดำเนินงานงวดสิ้นปี 50 สิ้นสุด 31 ธันวาคม 2550 พบว่ามีกำไรสุทธิ 215.11 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 114.55 ล้านบาท ส่งผลให้กำไรสุทธิต่อหุ้นเพิ่มจาก14 สตางค์ต่อหุ้น เป็น 27 สตางค์ต่อหุ้น หรือกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นร้อยละ 87.71
เนื่องจาก บริษัทและบริษัทย่อยมียอดรายได้รวมเป็นจำนวน 1,709.15 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนเป็นจำนวนเงิน 460.39 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้นคิดเป็นร้อยละ 36.87 รายได้ที่เพิ่มขึ้นส่วน ใหญ่มาจากรายได้จากการขายของบริษัทย่อยในประเทศตุรกีและประเทศสหรัฐอเมริกา
ขณะที่บริษัทและบริษัทย่อย มีค่าใช้จ่ายรวม (ต้นทุนขายและค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร) 1,447.2 ล้านบาทเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 333.70 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นคิดเป็นร้อยละ 29.97
เนื่องมาจากการเพิ่มขึ้นของการผลิตและยอดขายของบริษัทย่อยในประเทศตุรกี ขณะที่อัตราส่วนค่าใช้จ่ายรวมต่อรายได้รวมของบริษัทลดลงคิดเป็นร้อยละ จาก 89.17 เป็น 84.67 โดยบริษัทย่อยในประเทศตุรกี เริ่มการผลิตเม็ดพลาสติกจากโรงงานของตนเองในเดือน ธันวาคม 2549 และยังสามารถลดต้นทุนการผลิตได้อีกด้วย
สำหรับค่าใช้จ่ายรวมของบริษัทนั้นเพิ่มขึ้นจาก 720.40 ล้านบาท เป็น 759.16 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่เกิดจากการปรับลดราคาของวัตถุดิบ และมีกำไรจากบริษัทย่อยเพิ่มขึ้นจาก 45.73 ล้านบาท เป็น 100.96 ล้านบาท เกิดจากการเพิ่มขึ้นของการผลิตและยอดขาย ราคาขายต่อหน่วยเพิ่มขึ้นและการลดลงของราคาวัตถุดิบ ทำให้กำไรสุทธิรวมเพิ่มขึ้น 100.51 ล้านบาท
นายมานิตย์ กุปต้า กรรมการ บริษัท บริษัท โพลีเพล็กซ์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (PTL ) แจ้งผลการดำเนินงานงวดสิ้นปี 50 สิ้นสุด 31 ธันวาคม 2550 พบว่ามีกำไรสุทธิ 215.11 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 114.55 ล้านบาท ส่งผลให้กำไรสุทธิต่อหุ้นเพิ่มจาก14 สตางค์ต่อหุ้น เป็น 27 สตางค์ต่อหุ้น หรือกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นร้อยละ 87.71
เนื่องจาก บริษัทและบริษัทย่อยมียอดรายได้รวมเป็นจำนวน 1,709.15 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนเป็นจำนวนเงิน 460.39 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้นคิดเป็นร้อยละ 36.87 รายได้ที่เพิ่มขึ้นส่วน ใหญ่มาจากรายได้จากการขายของบริษัทย่อยในประเทศตุรกีและประเทศสหรัฐอเมริกา
ขณะที่บริษัทและบริษัทย่อย มีค่าใช้จ่ายรวม (ต้นทุนขายและค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร) 1,447.2 ล้านบาทเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 333.70 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นคิดเป็นร้อยละ 29.97
เนื่องมาจากการเพิ่มขึ้นของการผลิตและยอดขายของบริษัทย่อยในประเทศตุรกี ขณะที่อัตราส่วนค่าใช้จ่ายรวมต่อรายได้รวมของบริษัทลดลงคิดเป็นร้อยละ จาก 89.17 เป็น 84.67 โดยบริษัทย่อยในประเทศตุรกี เริ่มการผลิตเม็ดพลาสติกจากโรงงานของตนเองในเดือน ธันวาคม 2549 และยังสามารถลดต้นทุนการผลิตได้อีกด้วย
สำหรับค่าใช้จ่ายรวมของบริษัทนั้นเพิ่มขึ้นจาก 720.40 ล้านบาท เป็น 759.16 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่เกิดจากการปรับลดราคาของวัตถุดิบ และมีกำไรจากบริษัทย่อยเพิ่มขึ้นจาก 45.73 ล้านบาท เป็น 100.96 ล้านบาท เกิดจากการเพิ่มขึ้นของการผลิตและยอดขาย ราคาขายต่อหน่วยเพิ่มขึ้นและการลดลงของราคาวัตถุดิบ ทำให้กำไรสุทธิรวมเพิ่มขึ้น 100.51 ล้านบาท