xs
xsm
sm
md
lg

แบงก์กรุงไทยไร้แววออกหุ้นกู้ ชี้ดอกเบี้ยไม่เอื้อ-ดีมานด์บาง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

แบงก์กรุงไทย เผย ไร้แผนออกหุ้นกู้ ระบุรอดอกเบี้ยนิ่ง และตลาดมีความต้องการมากพอ ชี้ หากมีแนวทางอื่นที่ต้นทุนในการระดมทุนได้ถูกกว่าเงินฝากก็ยินดีรับไว้พิจารณา ยันซีดีโอที่ถือสำรองครบแล้ว ด้านโบรกฯคาดไตรมาส 4 แบงก์กรุงไทยต้องกันสำรองซีดีโออีก 1.5-1.6 พันล้านบาท

นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB เปิดเผยว่า ในช่วงไตรมาสที่ 1 และ 2 ของปีนี้ ธนาคารยังไม่มีแผนที่จะระดมเงินด้วยการออกหุ้นกู้ เนื่องจากการออกหุ้นกู้นั้นจะต้องพิจารณาจาก 2 ส่วน คือ เรื่องของอัตราดอกเบี้ยที่จะต้องนิ่ง รวมถึงความต้องการ (ดีมานด์) ในตลาด ว่า มีเพียงพอหรือไม่ เพราะหากความต้องการไม่มีเพียงพอเมื่อทำการออกหุ้นกู้ไปแล้วก็อาจจะขายไม่ได้

สำหรับการระดมเงินของธนาคารในปัจจุบันมาจากเงินฝาก 90% ซึ่งในปีนี้ธนาคารจะทำการระดมเงินฝากในจำนวนเท่าใดนั้น จะต้องมีความสอดคล้องกับตัวเลขเป้าหมายของการปล่อยสินเชื่อที่ธนาคารตั้งไว้ที่ประมาณ 60,000 ล้านบาท ส่วนธนาคารจะระดมเงินด้วยวิธีอื่นๆ อีกหรือไม่จะต้องพิจารณาจากเรื่องต้นทุนอัตราดอกเบี้ย ซึ่งมีแนวทางไหนที่อัตราดอกเบี้ยถูกกว่าเงินฝากก็อาจทำได้

“การออกหุ้นกู้เป็นแนวทางหนึ่งของการระดมทุน แต่การจะออกนั้นต้องขึ้นอยู่กับจังหวะเวลา แต่เชื่อว่า ในไตรมาสที่ 1 และ 2 ของปีนี้ยังไม่ใช่เวลาที่ดีที่จะออก และหากมีอะไรที่ต้นทุนถูกกว่าเงินฝากก็จะทำ ถ้าไม่ถูกกว่าก็ไม่รู้จะทำไปทำไม” นายอภิศักดิ์ กล่าว

นายอภิศักดิ์ กล่าวว่า ในวันนี้ (18 ม.ค.) ธนาคารจะทำการแจ้งผลประกอบการออกมา โดยในส่วนของไตรมาส 4 ของปี 2550 ธนาคารได้ทำการตั้งสำรองในส่วนของการลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศ ที่มีสินทรัพย์อ้างอิง (Collateralized Debt Obligations) หรือ ซีดีโอไว้เต็มจำนวนแล้ว ซึ่งรวมถึงในปี 2551 นี้ด้วย

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ นายอภิศักดิ์ ได้เคยกล่าวว่า ธนาคารได้ตั้งสำรองซีดีโอ ไปประมาณ 30% จากเงินลงทุนทั้งหมด 160 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หลังจากคำนวณมูลค่าเงินลง ทุนตามราคาตลาด (mark to market) โดยซีดีโอที่ธนาคารกรุงไทยได้ลงทุนไปนั้นมีจำนวนทั้งสิ้น 5 ธุรกรรม เป็นจำนวนเงิน 160 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือคิดเป็น 0.54% ของสินทรัพย์รวมของธนาคาร โดยเป็นการลงทุนในระยะเวลายาว คือ ตั้งแต่ 7 ปีขึ้นไป และซีดีโอ ที่ธนาคารลงทุนเป็นประเภทคุณภาพสูง (Investment Grade) ซึ่งคุณภาพของสินทรัพย์อ้างอิง (Underlying Assets) มีคุณภาพดี และไม่ได้เปลี่ยนแปลงจากเมื่อตอนลงทุน โดยสินทรัพย์อ้างอิง เป็นบริษัทที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ ไม่ใช่อสังหาริมทรัพย์ที่มีความน่าเชื่อถือต่ำ (RMBS: Sub-prime)

โดยมีการกระจายการลงทุนไปในหลายภาคอุตสาหกรรม ทั้งภาคการเงินการธนาคารและประกัน จำนวน 25% อิเล็กทรอนิกส์ จำนวน 18% กลุ่มพลังงานและอุตสาหกรรม จำนวน 11% รถยนต์และการขนส่ง จำนวน 10% สินค้าอุปโภค-บริโภค จำนวน 9% ธุรกิจค้าปลีก 8% อุตสาหกรรมพื้นฐาน 6% กลุ่มก่อสร้าง 5% โดยพอร์ตใหญ่ลงทุนในภาคการเงินและประกันในทวีปอเมริกาเหนือ

ด้านนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า คาดว่า ในไตรมาส 4/50 ธนาคารกรุงไทย จะตั้งสำรองเผื่อการด้อยค่าจาการลงทุนในตราสารซีดีโอประมาณ 25-30% ของมูลค่าเงินลงทุนในซีดีโอทั้งหมด 160 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 48 ล้านเหรียญสหรัฐฯ คิดเป็นเงินบาทประมาณ 1,500-1,600 ล้านบาท (คิดที่อัตรา 35.50 บาทต่อดอลลาร์) ซึ่งจะส่งผลให้กำไรในไตรมาส 4 ลดเหลือประมาณ 2,400 ล้านบาท จากเดิมที่คาดว่าจะมีกำไร 4,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ จากการสำรองเผื่อการด้อยค่าประมาณ 1,600 ล้านบาท ในไตรมาส 4 จะส่งผลกระทบต่อกำไรทั้งปีของธนาคารกรุงไทย ลดลงมาอยู่ที่ประมาณ 8,400 ล้านบาท จากเดิมซึ่งคาดว่าจะอยู่ที่ 10,000 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม มองว่าในปีนี้กำไรของธนาคารจะฟื้นตัวเพราะหมดภาระจากการตั้งสำรองพิเศษ โดยจะกลับเข้าสู่การสำรองตามปกติ โดยคาดว่าธนาคารกรุงไทยจะมีกำไรสุทธิ 13,700 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 62% เมื่อเทียบกับปี 2550 ที่คาดว่า จะมีกำไรสุทธิ 8,400 ล้านบาท
กำลังโหลดความคิดเห็น