“นักวิชาการ” ระบุนโยบาย 2 พรรคใหญ่ไม่ให้ความสำคัญภาคอสังหาฯเท่าที่ควร เน้นแต่ประชานิยม แนะรัฐบาลใหม่ใช้ภาคอสังหาฯกระตุ้นเศรษฐกิจ หลังจากรัฐบาลชุดก่อนใช้ฟื้นเศรษฐกิจ ชี้การสร้างบ้าน 1 หลัง เพิ่มรอบการหมุนของธุรกิจเกี่ยวเนื่องได้ 2.5 เท่า
ร.ศ.มานพ พงศทัต อาจารย์พิเศษ ภาควิชาเคหะการ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า สิ่งที่ต้องการเห็นนโยบายต่อภาคอสังหาริมทรัพย์จากรัฐบาลใหม่ กำลังดำเนินการจัดตั้ง ว่า จากนโยบายด้านอสังหาฯ ทั้ง 2 และ 3 พรรคใหญ่ เกือบจะไม่ได้ให้ความสำคัญเลย ทั้งๆ ที่ อสังหาฯเป็นอีกจักรกลที่สำคัญ ในการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ ซึ่งผลลัพธ์ของการฟื้นตัวของภาคอสังหาฯนั้น จะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจไปพร้อมๆกับกระตุ้นสังคม นอกจากจะเป็นการสร้างงาน ลดน้ำมัน สิ่งแวดล้อมแล้ว การมีบ้านคือปัจจัย 4 ของชีวิต ชีวิตครอบครัวจะเป็นปึกแผ่น รักครอบครัวมากขึ้น ยิ่งกว่านั้นธุรกิจนี้ ยังสร้างธุรกิจต่อเนื่องอีก 2.5 เท่า หิน ปูน ทราย เหล็ก เฟอร์นิเจอร์ สี เป็นธุรกิจที่ใช้แรงงานมากและเป็นธุรกิจภายในประเทศทั้งสิ้น กระตุ้นการสร้างบ้าน 1 หลัง ได้ผลประโยชน์มากมายหลายด้าน ทั้งนี้ แนวทางที่รัฐบาลใหม่ควรคิดดำเนินการ จะแบ่งได้เป็น 3 กลุ่ม ระยะเร่งด่วน ระยะกลาง และระยะยาวทำติดต่อกันไป
***พัฒนาตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย
***หนุนปล่อยสินเชื่อคงที่ระยะยาว
โดยระยะเร่งด่วน น่าจะมีอีก 3 ประเด็น คือประเด็นที่ 1 เรื่องสินเชื่อที่อยู่อาศัย ซึ่งเป็นเสมือนเครื่องหล่อลื่นแห่งธุรกิจ ต้องจัดให้มีสินเชื่อระยะยาว 30 ปี ดอกเบี้ยต่ำ 6-7% ดอกเบี้ยต้องคงที่อย่างน้อย 5 ปี (มิฉะนั้นจะเป็นเหมือนซัปไพรม์ของอเมริกา) ถ้าฝ่ายการเงินบอกว่าจะหาเงินมาอย่างไร ก็ให้เร่งจัดเรื่องตลาดรอง ให้มารองรับสินเชื่อระยะแรกและให้เน้นระยะยาวในหุ้น เช่น ประกันสังคมหรือกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (ก.บ.ข.) ให้จัดลงทุนระยะยาวให้กลับประชาชน มิใช่ปล่อยให้เอาไปซื้อกองทุน HEDGE FUND ต่างประเทศแล้วกลับมาหากำไรในประเทศอีกครั้ง
ประเด็นที่ 2 ต้องรีบเร่งลงทุนสาธารณูปโภคภาครัฐ คือ ขนส่งมวลชน แยกเป็น 3 กลุ่มอีก กลุ่มเร่งด่วน คือส่วนต่อขยาย BTS ออกไปทั้ง 3 ด้านปล่อยให้ก.ท.ม.มาช่วยทำ กลุ่มระยะกลาง คือการขยายเส้นทางรถไฟสายสีแดง ขึ้นเหนือ ลงไต้ สู่สมุทรสงครามและเชื่อมสุวรรณภูมิ (ไม่ต้องเวนคืน) ระยะต่อเนื่องถึงระยะยาว คือ สายสีม่วงไปยังฝั่งธน สีน้ำเงินเชื่อมกับหัวลำโพง เชื่อมฝั่งธนกับมีนบุรี
ประเด็นที่ 3 นโยบายต่างชาติกับอสังหาฯ จะเอาอย่างไรกันแน่ ปล่อยให้มีนอมินีมาซื้อที่ดินจากคนไทยในปัจจุบันผิดกฎหมาย วิธีรีบแก้คือ เปลี่ยนการเช่าที่ดิน 30 ปีเป็น 70-99 ปี ก็จะพบกันคนละครึ่งทาง ฝรั่งจะเปลี่ยนจะเช่าแทนซื้อ
***รื้อเกณฑ์บ้านบีโอไอให้มีความทันสมัย
ระยะกลางให้รีบทำภายใน 1-3 ปี อีก 3 ข้อคือ 1. ปรับบ้าน BOI ให้ทันสมัยมากขึ้นมาช่วยบ้านคนจน เอื้ออาทรที่กำลังจะแท้ง เช่นขยายราคาบ้าน BOI เป็น 1 ล้านบาท ให้ทำ 50 ยูนิตก็ได้ไม่ต้องถึง 100 ยูนิต คนจนก็จะมีโอกาสมีบ้านและช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ, 2. เพื่อไม่ให้มีผู้กู้คุณภาพต่ำ (ถ้าซื้อบ้านไม่ได้ก็ให้เช่าไปก่อน) คือเร่งให้มีนโยบายการออมของผู้ที่จะซื้อบ้าน คือออมก่อนซื้อ โดยให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กำหนดว่าธนาคารไหนจะปล่อยกู้บ้านให้ผู้ซื้อบ้านหัดฝากเงิน 6 เดือน หรือ 1 ปี ก่อนจะได้มีวินัยการผ่อนและนำมาเป็นเงินดาวน์, 3. เร่ง ESCROW ออกมาเพื่อคุ้มครองผู้บริโภค
***ลดค่าธรรมเนียมโอน-หักลดหย่อนบ้านหลังแรกมากขึ้น
ระยะที่สาม ตั้งแต่ 1-4 ปี (ถ้ารัฐบาลอยู่ครบ) ข้อแรก คิดถึงการลดค่าธรรมเนียมการโอนบ้านหลังแรก ให้ผู้บริโภคไม่มีบ้านมีอำนาจซื้อมากขึ้น พร้อมทั้งให้นำค่าผ่อนบ้านหลังแรกไปหักลดหย่อนภาษีรายได้ประจำปีได้ ให้ทำเป็นระยะๆ ของการกระตุ้น และ 2 จัดระบบผังเมืองรวมให้หันมาดูที่อยู่อาศัยผู้มีรายได้น้อยอย่างจริงจัง อาทิ ที่ของราชหารที่ควรจะนำมาจัดเป็น ทั้งสาธารณูปโภค เช่นแก้มลิง ส่วนสาธารณะ และที่เช่าสำหรับผู้มีรายได้น้อยในเมือง
" ถ้าเราโชคดี พรรคการเมืองที่กำลังจัดตั้ง นำแนวทางไปใช้กับภาคอสังหาฯแล้ว รับรองได้ว่า เป็นวิตามินได้ผลชะงัก GDP ที่ว่าจะโตหรือไม่โต เกิน 5% แน่ แม้น้ำมันแพงแต่เราจะลดการเดินทางทั้งปัจจัย 4 สร้างสังคม ครอบครัวที่อบอุ่น มีบ้าน รักกันทั้งพ่อแม่ลูก ก็หวังว่าประเทศไทยโชคดี ทะเลาะกันน้อยหน่อย ใครเป็นรัฐบาลหันมาดู เครื่องมือสร้างทั้งเศรษฐกิจและสังคม เช่น ธุรกิจที่อยู่อาศัยด้วยก็จะเกิดประโยชน์โดยรวมแก่ประเทศแน่ๆ "
ร.ศ.มานพ พงศทัต อาจารย์พิเศษ ภาควิชาเคหะการ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า สิ่งที่ต้องการเห็นนโยบายต่อภาคอสังหาริมทรัพย์จากรัฐบาลใหม่ กำลังดำเนินการจัดตั้ง ว่า จากนโยบายด้านอสังหาฯ ทั้ง 2 และ 3 พรรคใหญ่ เกือบจะไม่ได้ให้ความสำคัญเลย ทั้งๆ ที่ อสังหาฯเป็นอีกจักรกลที่สำคัญ ในการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ ซึ่งผลลัพธ์ของการฟื้นตัวของภาคอสังหาฯนั้น จะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจไปพร้อมๆกับกระตุ้นสังคม นอกจากจะเป็นการสร้างงาน ลดน้ำมัน สิ่งแวดล้อมแล้ว การมีบ้านคือปัจจัย 4 ของชีวิต ชีวิตครอบครัวจะเป็นปึกแผ่น รักครอบครัวมากขึ้น ยิ่งกว่านั้นธุรกิจนี้ ยังสร้างธุรกิจต่อเนื่องอีก 2.5 เท่า หิน ปูน ทราย เหล็ก เฟอร์นิเจอร์ สี เป็นธุรกิจที่ใช้แรงงานมากและเป็นธุรกิจภายในประเทศทั้งสิ้น กระตุ้นการสร้างบ้าน 1 หลัง ได้ผลประโยชน์มากมายหลายด้าน ทั้งนี้ แนวทางที่รัฐบาลใหม่ควรคิดดำเนินการ จะแบ่งได้เป็น 3 กลุ่ม ระยะเร่งด่วน ระยะกลาง และระยะยาวทำติดต่อกันไป
***พัฒนาตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย
***หนุนปล่อยสินเชื่อคงที่ระยะยาว
โดยระยะเร่งด่วน น่าจะมีอีก 3 ประเด็น คือประเด็นที่ 1 เรื่องสินเชื่อที่อยู่อาศัย ซึ่งเป็นเสมือนเครื่องหล่อลื่นแห่งธุรกิจ ต้องจัดให้มีสินเชื่อระยะยาว 30 ปี ดอกเบี้ยต่ำ 6-7% ดอกเบี้ยต้องคงที่อย่างน้อย 5 ปี (มิฉะนั้นจะเป็นเหมือนซัปไพรม์ของอเมริกา) ถ้าฝ่ายการเงินบอกว่าจะหาเงินมาอย่างไร ก็ให้เร่งจัดเรื่องตลาดรอง ให้มารองรับสินเชื่อระยะแรกและให้เน้นระยะยาวในหุ้น เช่น ประกันสังคมหรือกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (ก.บ.ข.) ให้จัดลงทุนระยะยาวให้กลับประชาชน มิใช่ปล่อยให้เอาไปซื้อกองทุน HEDGE FUND ต่างประเทศแล้วกลับมาหากำไรในประเทศอีกครั้ง
ประเด็นที่ 2 ต้องรีบเร่งลงทุนสาธารณูปโภคภาครัฐ คือ ขนส่งมวลชน แยกเป็น 3 กลุ่มอีก กลุ่มเร่งด่วน คือส่วนต่อขยาย BTS ออกไปทั้ง 3 ด้านปล่อยให้ก.ท.ม.มาช่วยทำ กลุ่มระยะกลาง คือการขยายเส้นทางรถไฟสายสีแดง ขึ้นเหนือ ลงไต้ สู่สมุทรสงครามและเชื่อมสุวรรณภูมิ (ไม่ต้องเวนคืน) ระยะต่อเนื่องถึงระยะยาว คือ สายสีม่วงไปยังฝั่งธน สีน้ำเงินเชื่อมกับหัวลำโพง เชื่อมฝั่งธนกับมีนบุรี
ประเด็นที่ 3 นโยบายต่างชาติกับอสังหาฯ จะเอาอย่างไรกันแน่ ปล่อยให้มีนอมินีมาซื้อที่ดินจากคนไทยในปัจจุบันผิดกฎหมาย วิธีรีบแก้คือ เปลี่ยนการเช่าที่ดิน 30 ปีเป็น 70-99 ปี ก็จะพบกันคนละครึ่งทาง ฝรั่งจะเปลี่ยนจะเช่าแทนซื้อ
***รื้อเกณฑ์บ้านบีโอไอให้มีความทันสมัย
ระยะกลางให้รีบทำภายใน 1-3 ปี อีก 3 ข้อคือ 1. ปรับบ้าน BOI ให้ทันสมัยมากขึ้นมาช่วยบ้านคนจน เอื้ออาทรที่กำลังจะแท้ง เช่นขยายราคาบ้าน BOI เป็น 1 ล้านบาท ให้ทำ 50 ยูนิตก็ได้ไม่ต้องถึง 100 ยูนิต คนจนก็จะมีโอกาสมีบ้านและช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ, 2. เพื่อไม่ให้มีผู้กู้คุณภาพต่ำ (ถ้าซื้อบ้านไม่ได้ก็ให้เช่าไปก่อน) คือเร่งให้มีนโยบายการออมของผู้ที่จะซื้อบ้าน คือออมก่อนซื้อ โดยให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กำหนดว่าธนาคารไหนจะปล่อยกู้บ้านให้ผู้ซื้อบ้านหัดฝากเงิน 6 เดือน หรือ 1 ปี ก่อนจะได้มีวินัยการผ่อนและนำมาเป็นเงินดาวน์, 3. เร่ง ESCROW ออกมาเพื่อคุ้มครองผู้บริโภค
***ลดค่าธรรมเนียมโอน-หักลดหย่อนบ้านหลังแรกมากขึ้น
ระยะที่สาม ตั้งแต่ 1-4 ปี (ถ้ารัฐบาลอยู่ครบ) ข้อแรก คิดถึงการลดค่าธรรมเนียมการโอนบ้านหลังแรก ให้ผู้บริโภคไม่มีบ้านมีอำนาจซื้อมากขึ้น พร้อมทั้งให้นำค่าผ่อนบ้านหลังแรกไปหักลดหย่อนภาษีรายได้ประจำปีได้ ให้ทำเป็นระยะๆ ของการกระตุ้น และ 2 จัดระบบผังเมืองรวมให้หันมาดูที่อยู่อาศัยผู้มีรายได้น้อยอย่างจริงจัง อาทิ ที่ของราชหารที่ควรจะนำมาจัดเป็น ทั้งสาธารณูปโภค เช่นแก้มลิง ส่วนสาธารณะ และที่เช่าสำหรับผู้มีรายได้น้อยในเมือง
" ถ้าเราโชคดี พรรคการเมืองที่กำลังจัดตั้ง นำแนวทางไปใช้กับภาคอสังหาฯแล้ว รับรองได้ว่า เป็นวิตามินได้ผลชะงัก GDP ที่ว่าจะโตหรือไม่โต เกิน 5% แน่ แม้น้ำมันแพงแต่เราจะลดการเดินทางทั้งปัจจัย 4 สร้างสังคม ครอบครัวที่อบอุ่น มีบ้าน รักกันทั้งพ่อแม่ลูก ก็หวังว่าประเทศไทยโชคดี ทะเลาะกันน้อยหน่อย ใครเป็นรัฐบาลหันมาดู เครื่องมือสร้างทั้งเศรษฐกิจและสังคม เช่น ธุรกิจที่อยู่อาศัยด้วยก็จะเกิดประโยชน์โดยรวมแก่ประเทศแน่ๆ "
