ธ.ก.ส.ยันไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยตามแนวโน้มตลาดเชื่อเหมาะสมกับต้นทุนบริหารจัดการดีแล้ว เชื่อภาคการเกษตรยังขยายตัวดี คาด ปีบัญชี 50 สินเชื่อขยายตัว 5 หมื่นล้านบาท พร้อมเดินหน้าสนับสนุนสินเชื่อประทังชีวิตครูรายละไม่เกิน 2 แสนบาท คิดดอกเบี้ย 6% ต่อปี
นายธีระพงษ์ ตั้งธีรสุนันท์ ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ธ.ก.ส.จะพยายามดูแลในเรื่องของอัตราดอกเบี้ยของธนาคารให้อยู่ในระดับปัจจุบันต่อไป แม้ว่าแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในตลาดจะอยู่ในช่วงขาขึ้น แต่จะยังคงไม่ปรับตัวเพิ่มมากนัก เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจไม่เอื้ออำนวย ส่งผลให้ภาคอุตสาหกรรมขยายตัวไม่มากนัก แต่อย่างไรก็ตาม ยังเชื่อว่า ภาคการเกษตรจะยังคงขยายตัวดีอยู่
“เราคงจะต้องคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับที่เป็นอยู่ในปัจจุบันต่อไปก่อน ลงไม่ได้แล้ว เพราะเราต้องมีค่าใช้จ่ายการบริหารจัดการอยู่ แต่ก็จะดูแลไม่ให้สูงเกินอัตราดอกเบี้ยลูกค้าชั้นดีของแบงก์พาณิชย์ ที่ MRR ที่ 7.5%” นายธีรพงษ์ กล่าว
โดยยอดการปล่อยสินเชื่อในปีบัญชี 2550 (เม.ย.2550-มี.ค.2551) คาดว่า จะขยายตัวได้ 8% โดยในขณะนี้สามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ได้แล้วประมาณ 50,000 ล้านบาท ซึ่งอัตราการปล่อยสินเชื่อที่ผ่านมาชะลอลงบ้าง เพราะเกษตรกรมีความระมัดระวังในการขอสินเชื่อมากขึ้น เพราะเกษตรกรรู้จักการใช้ชีวิตแบบประมาณตน ตามกระแสพระราชดำรัสเศรษฐกิจพอเพียง สำหรับหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ของแบงก์นั้น ไม่ได้เพิ่มขึ้น ซึ่งยังอยู่ในเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ตั้งไว้ที่ต้องไม่เกิน 5% แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจจะชะลอตัวลงก็ตาม
ทั้งนี้ ธ.ก.ส.ได้เดินหน้าโครงการสินเชื่อเพื่อข้าราชการครูโดยให้ข้าราชการครูสามารถกู้เงินจากธ.ก.ส.ไปใช้ในกรณีฉุกเฉินโดยคิดดอกเบี้ยในอัตราที่ต่ำเป็นพิเศษเพียง 6% ต่อปีเท่านั้น ซึ่งลูกค้าแต่ละรายสามารถกู้ได้ไม่เกิน 200,000 บาทต่อราย สำหรับโครงการนี้ ธ.ก.ส.ได้เตรียมวงเงินไว้รองรับจำนวน 4 ,000 ล้านบาท และสามารถปล่อยกู้ไปแล้วประมาณ 1,000 ล้านบาท
“โครงการนี้ถือเป็นโครงการที่ ธ.ก.ส.ต้องการช่วยเหลือข้าราชการที่มีความจำเป็นต้องใช้เงินจริงๆ โดยยอดสินเชื่อที่ปล่อยไปแล้วกว่า 1 พันล้านบาทนั้นเกิดเอ็นพีแอลขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เนื่องจากลูกค้าที่กู้เงินไปใช้ตามความจำเป็นจริงๆ ไม่ได้ก่อหนี้ขึ้นมาโดยไม่เกิดประโยชน์” นายธีระพงษ์ กล่าว
นายธีระพงษ์ ตั้งธีรสุนันท์ ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ธ.ก.ส.จะพยายามดูแลในเรื่องของอัตราดอกเบี้ยของธนาคารให้อยู่ในระดับปัจจุบันต่อไป แม้ว่าแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในตลาดจะอยู่ในช่วงขาขึ้น แต่จะยังคงไม่ปรับตัวเพิ่มมากนัก เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจไม่เอื้ออำนวย ส่งผลให้ภาคอุตสาหกรรมขยายตัวไม่มากนัก แต่อย่างไรก็ตาม ยังเชื่อว่า ภาคการเกษตรจะยังคงขยายตัวดีอยู่
“เราคงจะต้องคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับที่เป็นอยู่ในปัจจุบันต่อไปก่อน ลงไม่ได้แล้ว เพราะเราต้องมีค่าใช้จ่ายการบริหารจัดการอยู่ แต่ก็จะดูแลไม่ให้สูงเกินอัตราดอกเบี้ยลูกค้าชั้นดีของแบงก์พาณิชย์ ที่ MRR ที่ 7.5%” นายธีรพงษ์ กล่าว
โดยยอดการปล่อยสินเชื่อในปีบัญชี 2550 (เม.ย.2550-มี.ค.2551) คาดว่า จะขยายตัวได้ 8% โดยในขณะนี้สามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ได้แล้วประมาณ 50,000 ล้านบาท ซึ่งอัตราการปล่อยสินเชื่อที่ผ่านมาชะลอลงบ้าง เพราะเกษตรกรมีความระมัดระวังในการขอสินเชื่อมากขึ้น เพราะเกษตรกรรู้จักการใช้ชีวิตแบบประมาณตน ตามกระแสพระราชดำรัสเศรษฐกิจพอเพียง สำหรับหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ของแบงก์นั้น ไม่ได้เพิ่มขึ้น ซึ่งยังอยู่ในเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ตั้งไว้ที่ต้องไม่เกิน 5% แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจจะชะลอตัวลงก็ตาม
ทั้งนี้ ธ.ก.ส.ได้เดินหน้าโครงการสินเชื่อเพื่อข้าราชการครูโดยให้ข้าราชการครูสามารถกู้เงินจากธ.ก.ส.ไปใช้ในกรณีฉุกเฉินโดยคิดดอกเบี้ยในอัตราที่ต่ำเป็นพิเศษเพียง 6% ต่อปีเท่านั้น ซึ่งลูกค้าแต่ละรายสามารถกู้ได้ไม่เกิน 200,000 บาทต่อราย สำหรับโครงการนี้ ธ.ก.ส.ได้เตรียมวงเงินไว้รองรับจำนวน 4 ,000 ล้านบาท และสามารถปล่อยกู้ไปแล้วประมาณ 1,000 ล้านบาท
“โครงการนี้ถือเป็นโครงการที่ ธ.ก.ส.ต้องการช่วยเหลือข้าราชการที่มีความจำเป็นต้องใช้เงินจริงๆ โดยยอดสินเชื่อที่ปล่อยไปแล้วกว่า 1 พันล้านบาทนั้นเกิดเอ็นพีแอลขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เนื่องจากลูกค้าที่กู้เงินไปใช้ตามความจำเป็นจริงๆ ไม่ได้ก่อหนี้ขึ้นมาโดยไม่เกิดประโยชน์” นายธีระพงษ์ กล่าว