บล.ดีบีเอสฯ ที่ปรึกษาทางการเงินอิสระของ "แมกเนคอมพ์ฯ" เสนอผู้ถือหุ้นอนุมัติเพิกถอนออกจากตลาดหลักทรัพย์ฯ อ้างผู้ถือหุ้นใหญ่ "TDK" ต้องการถือหุ้นทั้งหมด ส่งผลให้ขาดคุณสมบัติบริษัทจดทะเบียน พร้อมประเมินราคาเสนอซื้อหุ้นละ 2.70 บาทเหมาะสม
นายสุรัตน์ เตศรีประเสริฐ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายตลาดทุน บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ (IFA) บริษัท แมกเนคอมพ์ พรีซีชั่น เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) (MPT) มีความเห็นเกี่ยวกับการขอเพิกถอนหลักทรัพย์ของ MPT ออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ว่า การเพิกถอนหลักทรัพย์ MPT มีความเหมาะสมและเป็นไปได้ตามวัตถุประสงค์ของบริษัท ทีดีเค คอร์ปอร์เรชั่น จำกัด (TDK) ในฐานะเป็นผู้ทำคำเสนอหลักทรัพย์ที่มีความต้องการที่จะถือครองหุ้นทั้งหมดของบริษัท ซึ่งอาจส่งผลทำให้บริษัทขาดคุณสมบัติในการดำรงสถานะเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากบริษัท ทีดีเค คอร์ปอร์เรชั่น จำกัด (TDK) ได้มาซึ่งหุ้นสามัญของบริษัททั้งจากการซื้อจากบริษัท แมกเนคอมพ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (MIL) 1,341,064,623 หุ้น และการทำคำเสนอซื้อหุ้นสามัญครั้งที่ผ่านมา 513,962,573 หุ้น รวมทั้งสิ้น 1,855,027,196 หุ้น คิดเป็น 88.97% ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด รวมทั้ง TDK ยังมีสิทธิจะซื้อตามสัญญาสิทธิการเลือกซื้อและเลือกขายหุ้นจำนวน 208,486,179 หุ้น คิดเป็น 10.00% คิดเป็นสัดส่วนทั้งสิ้น 98.97%
พร้อมกันนี้ TDK มีความประสงค์ที่จะถือครองหุ้นทั้งหมดของบริษัท และได้แสดงเจตนาที่จะทำคำเสนอซื้อหุ้นที่เหลือทั้งหมดของบริษัท ส่งผลให้บริษัทอาจไม่สามารถดำรงสถานะเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยบริษัทจะเสนอให้ที่ประชุมพิจารณาอนุมัติการเพิกถอนหลักทรัพย์ดังกล่าวในวันที่ 22 มกราคม 2551
ที่ปรึกษาทางการเงินระบุเพิ่มเติมว่า ภายหลังที่หลักทรัพย์ของ MPT ออกจากตลาดหลักทรัพย์ฯ แล้ว จะส่งผลกระทบต่อผู้ถือหุ้นรายย่อย คือ 1 การขาดสภาพคล่องในการซื้อขายหลักทรัพย์และการไม่มีราคาตลาดอ้างอิงในการซื้อขายหลักทรัพย์ 2 รูปแบบของผลตอบแทนจากการลงทุนเปลี่ยนไป 3 โอกาสในการรับรู้ข้อมูล/ข่าวสารของบริษัทลดลง 4 ได้รับสิทธิประโยชน์ทางด้านภาษีลดลง และ 5 มีความเสี่ยงจากกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่มีอิทธิพลต่อการกำหนดนโยบายและบริหารจัดการบริษัท
สำหรับความเหมาะสมของราคาเสนอซื้อหลักทรัพย์ IFA ได้ทำการประเมินมูลค่าหุ้นด้วยวิธีต่างๆ แล้วมีความเห็นว่าราคาที่เหมาะสมที่ประเมินได้จากวิธีอัตราส่วนราคาต่อมูลค่าหุ้นตามบัญชี และวิธีมูลค่าปัจจุบันสุทธิของกระแสเงินสด อยู่ระหว่าง 1.81-2.69 บาทต่อหุ้น ซึ่งต่ำกว่าราคาเสนอซื้อที่หุ้นละ 2.70 บาท หรือหุ้นละ 0.01-0.89 บาท คิดเป็น 0.37 - 32.96% รวมทั้งราคาเสนอซื้อที่ 2.70 บาทเป็นราคาที่ไม่ต่ำกว่าราคาที่พิจารณาตามเกณฑ์ของประกาศของคณะกรรมการ ก.ล.ต. ดังนั้นราคาเสนอซื้อหุ้นสามัญครั้งนี้ถือว่าเป็นราคาที่เหมาะสม
"เราเห็นว่าผู้ถือหุ้นควรมีมติอนุมัติการเพิกถอนหลักทรัพย์ออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน แต่ทั้งนี้ผู้ถือหุ้นควรพิจารณาเหตุผลและความเห็นในประเด็นต่างๆ ตามที่ IFA ได้นำเสนอ และใช้ดุลยพินิจตัดสินใจเพื่อลงมติอย่างรอบคอบ"
นายสุรัตน์ เตศรีประเสริฐ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายตลาดทุน บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ (IFA) บริษัท แมกเนคอมพ์ พรีซีชั่น เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) (MPT) มีความเห็นเกี่ยวกับการขอเพิกถอนหลักทรัพย์ของ MPT ออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ว่า การเพิกถอนหลักทรัพย์ MPT มีความเหมาะสมและเป็นไปได้ตามวัตถุประสงค์ของบริษัท ทีดีเค คอร์ปอร์เรชั่น จำกัด (TDK) ในฐานะเป็นผู้ทำคำเสนอหลักทรัพย์ที่มีความต้องการที่จะถือครองหุ้นทั้งหมดของบริษัท ซึ่งอาจส่งผลทำให้บริษัทขาดคุณสมบัติในการดำรงสถานะเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากบริษัท ทีดีเค คอร์ปอร์เรชั่น จำกัด (TDK) ได้มาซึ่งหุ้นสามัญของบริษัททั้งจากการซื้อจากบริษัท แมกเนคอมพ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (MIL) 1,341,064,623 หุ้น และการทำคำเสนอซื้อหุ้นสามัญครั้งที่ผ่านมา 513,962,573 หุ้น รวมทั้งสิ้น 1,855,027,196 หุ้น คิดเป็น 88.97% ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด รวมทั้ง TDK ยังมีสิทธิจะซื้อตามสัญญาสิทธิการเลือกซื้อและเลือกขายหุ้นจำนวน 208,486,179 หุ้น คิดเป็น 10.00% คิดเป็นสัดส่วนทั้งสิ้น 98.97%
พร้อมกันนี้ TDK มีความประสงค์ที่จะถือครองหุ้นทั้งหมดของบริษัท และได้แสดงเจตนาที่จะทำคำเสนอซื้อหุ้นที่เหลือทั้งหมดของบริษัท ส่งผลให้บริษัทอาจไม่สามารถดำรงสถานะเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยบริษัทจะเสนอให้ที่ประชุมพิจารณาอนุมัติการเพิกถอนหลักทรัพย์ดังกล่าวในวันที่ 22 มกราคม 2551
ที่ปรึกษาทางการเงินระบุเพิ่มเติมว่า ภายหลังที่หลักทรัพย์ของ MPT ออกจากตลาดหลักทรัพย์ฯ แล้ว จะส่งผลกระทบต่อผู้ถือหุ้นรายย่อย คือ 1 การขาดสภาพคล่องในการซื้อขายหลักทรัพย์และการไม่มีราคาตลาดอ้างอิงในการซื้อขายหลักทรัพย์ 2 รูปแบบของผลตอบแทนจากการลงทุนเปลี่ยนไป 3 โอกาสในการรับรู้ข้อมูล/ข่าวสารของบริษัทลดลง 4 ได้รับสิทธิประโยชน์ทางด้านภาษีลดลง และ 5 มีความเสี่ยงจากกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่มีอิทธิพลต่อการกำหนดนโยบายและบริหารจัดการบริษัท
สำหรับความเหมาะสมของราคาเสนอซื้อหลักทรัพย์ IFA ได้ทำการประเมินมูลค่าหุ้นด้วยวิธีต่างๆ แล้วมีความเห็นว่าราคาที่เหมาะสมที่ประเมินได้จากวิธีอัตราส่วนราคาต่อมูลค่าหุ้นตามบัญชี และวิธีมูลค่าปัจจุบันสุทธิของกระแสเงินสด อยู่ระหว่าง 1.81-2.69 บาทต่อหุ้น ซึ่งต่ำกว่าราคาเสนอซื้อที่หุ้นละ 2.70 บาท หรือหุ้นละ 0.01-0.89 บาท คิดเป็น 0.37 - 32.96% รวมทั้งราคาเสนอซื้อที่ 2.70 บาทเป็นราคาที่ไม่ต่ำกว่าราคาที่พิจารณาตามเกณฑ์ของประกาศของคณะกรรมการ ก.ล.ต. ดังนั้นราคาเสนอซื้อหุ้นสามัญครั้งนี้ถือว่าเป็นราคาที่เหมาะสม
"เราเห็นว่าผู้ถือหุ้นควรมีมติอนุมัติการเพิกถอนหลักทรัพย์ออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน แต่ทั้งนี้ผู้ถือหุ้นควรพิจารณาเหตุผลและความเห็นในประเด็นต่างๆ ตามที่ IFA ได้นำเสนอ และใช้ดุลยพินิจตัดสินใจเพื่อลงมติอย่างรอบคอบ"