ดัชนีหุ้นภาคเช้ารูดหนักเกือบ 13 จุด ต่างชาติเทขายหุ้นทั่วโลก หลังดาวโจนส์ร่วงหนักกว่า 4% นักลงทุนกังวล ศก.สหรัฐฯถดถอย โดยตัวเลข ศก.หลายตัวที่ประกาศครั้งล่าสุด โดยเฉพาะการจ้างงานนอกภาคการเกษตรที่หดตัวหนัก บ่งชี้ภาวะการถดถอยอย่างชัดเจน คาดโยกเงินลดความเสี่ยง ลุยลงทุนตลาดพันธบัตร ด้านปัจจัยการเมืองในประเทศ กังวลผลเลือกตั้งล่าช้า เกิดความวุ่นวาย เพราะมีการจัดม็อบเข้ามากดดัน กกต.พร้อมข้อกล่าวหาร้ายแรง
ภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นไทย วันนี้ (7 ม.ค.) ดัชนีภาคเช้าปรับลดลงหนัก โดยเมื่อเวลา 10.02 น.ดัชนีอยู่ที่ 808.97 ลดลง 12.74 จุด หรือ -1.55% นักวิเคราะห์ชี้ ภาวะตลาดหุ้นภาคเช้ามีแรงกดดันจากดัชนีหุ้นดาวโจนส์ของสหรัฐฯ ซึ่งเมื่อคืนนี้ปรับลงกว่า 4% โดยปิดต่ำกว่า 13,000 จุด อีกครั้ง มาอยู่ที่ 12,800.18 จุด หลังตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐล่าสุดที่ทยอยรายงานออกมา แสดงถึงภาวะถดถอยอย่างชัดเจน
ทั้งนี้ ตัวเลขการว่างงานเดือน ธ.ค.เพิ่มขึ้นถึง 5% จาก 4.7% ในเดือน พ.ย.2551 และตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือน ธ.ค.2551 เพิ่มขึ้นเพียง 18,000 ตำแหน่ง เทียบกับที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 70,000 ตำแหน่ง และถือเป็นอัตราการเพิ่มขึ้นที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือน ส.ค.2546 ส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลงตาม
นายพิชัย เลิศสุพงศ์กิจ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการตลาด บล.ธนชาต กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้เปิดปรับตัวลงตามตลาดหุ้นทั่วโลก หลังจากที่ตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐฯออกมาแย่กว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้มาก ทำให้เกิดวิตกกังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีความเสี่ยงสูงขึ้นที่จะเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย ความกังวลดังกล่าวทำให้ผู้ลงทุนปรับพอร์ตโยกเงินออกจากสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงคือการลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลก และโยกไปพักไว้ในสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัยสูง เช่น พันธบัตรรัฐบาล
การปรับพอร์ตลงทุนตรงนี้ ถ่วงให้ตลาดหุ้นแถบเอเชียที่เปิดทำการแล้วปรับลงแรงตามตลาดหุ้นสหรัฐด้วยโดยเปิดลบเฉลี่ยเกือบ 2% หุ้นไทยก็ปรับลงตามกัน
น.ส.มยุรี โชวิกรานต์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์กลยุทธ์การลงทุน บล.นครหลวงไทย กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นเช้านี้ปรับตัวลงต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อนที่ลงไป 4% โดยสาเหตุหลักมาจากดาวโจนส์ที่ลงแรงหลังตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรออกมาเพิ่มขึ้นเพียง 1.8 หมื่นตำแหน่ง จากที่ตลาดคาดการณ์ไว้ 7 หมื่นตำแหน่ง สะท้อนอย่างหนึ่งว่าเศรษฐกิจสหรัฐอยู่ในภาวะที่ถดถอยจริงๆ
ขณะเดียวกัน ค่าเงินดอลลาร์ก็อ่อนค่าอยู่ที่ระดับ 108 เยนต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ยังคงทำให้เกิดปัญหา yen carry trade ตามมาด้วย ซึ่งเห็นได้จากเช้านี้ หุ้นนิกเคอิเปิดลดลง 100 กว่าจุด น่าจะกดดันให้วันนี้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับลงแน่นอน ขณะที่ปัจจัยในประเทศการเมืองก็ยังคงต้องรอดูว่าท้ายที่สุดจะเป็นอย่างไร
ส่วนด้านราคาน้ำมันยังทรงตัว ไม่มีนัยสำคัญในวันนี้ คิดว่าเมื่อวันศุกร์ที่ราคาน้ำมันและราคาทองคำมีการปรับตัวลดลงเป็นการ Take Profit มากกว่าไม่ได้มีประเด็นในเรื่องการเปลี่ยนทิศทาง
“บรรยากาศทุกคนยังให้น้ำหนักกับดัชนีหุ้นดาวโจนส์จากเศรษฐกิจของสหรัฐฯเป็นหลักและบ้านเราอาจจะได้รับแรงกดดันในเรื่องการเมืองด้วยซึ่งยังไม่นิ่ง ไม่ชัดเจนทำให้โอกาสที่บ้านเราปรับตัวลงแรงกว่าประเทศเพื่อนบ้านอาจจะมีมากกว่า”
สำหรับปัจจัยการเมืองภายในประเทศ วันนี้ นักลงทุนบางส่วนกังวลผลเลือกตั้งอาจล่าช้า และมีชนวนที่จะก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง เพราะมีการจัดม็อบเข้ามากดดันคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พร้อมตั้งข้อกล่าวหาร้ายแรงโจมตีกรณีการให้ใบเหลือง-ใบแดง ในจังหวัดภาคอีสาน
โดยเมื่อเวลา 10.11 น.ดัชนีเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 811.93 จุด ลดลง 9.78 จุด เปลี่ยนแปลง-1.19%
ล่าสุด 12.07 น.ดัชนีอยู่ที่ระดับ 810.33 จุด ลดลง 11.38 จุด มูลค่าการซื้อขาย 6,192.85 ล้านบาท
