ภาวะตลาดหุ้นไทยวันนี้ ร่วงลงแนวเดียวกับตลาดหุ้นอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชีย คาดเป็นแรงขายทำกำไรของนักลงทุนฝั่งตะวันตก แนะจับตาทิศทางช่วง 1-2 วันนี้ ต่างชาติยังขายสุทธิหรือไม่ แนวโน้มช่วงบ่าย หากตลาดฯ สามารถรีบาวน์ทางเทคนิคก็จะเป็นสัญญาณที่ดี แต่ถ้าตลาดฯ ยังปรับตัวลง ก็เป็นสัญญาณว่าทิศทางจะไม่ดี โดยให้แนวรับ 850,830 จุด ส่วนแนวต้าน 860 จุด
ภาวะการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย วันนี้(2 ม.ค.) ดัชนีปิดตลาดช่วงเช้าที่ระดับ 846.67 จุด ลดลง 11.43 จุด เปลี่ยนแปลง -1.33% มูลค่าการซื้อขาย 7,145.67 ล้านบาท โดยบรรยากาศการซื้อขายหุ้นภาคเช้าวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยส่วนใหญ่อยู่ในแดนลบ ขยับขึ้นแตะจุดสูงสุดที่ระดับ 860.69 จุด และแตะจุดต่ำสุดของที่ระดับ 846.18 จุด
นายอดิศักดิ์ คำมูล ผู้อำนวยการเศรษฐกิจและกลยุทธ์ สถาบันวิจัย บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวลงในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชีย อันเนื่องมาจากแรง take profit ภายหลังจากที่ได้มีการทำ window dressing เมื่อปลายปีที่แล้ว(2550) ซึ่งส่วนใหญ่เป็นของกองทุนในประเทศ
ส่วนนักลงทุนต่างชาติจะยังคงขายหุ้นออกมาอย่างต่อเนื่องจากปีที่แล้ว(2550) หรือไม่ให้จับตาดูวันนี้-พรุ่งนี้ เพราะจะเป็นตัวชี้นำทิศทางของการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ ว่าเม็ดเงินยังคงจะไหลออกไปอีกหรือเปล่า โดยเฉพาะทุนที่มาจากทางตะวันตก ซึ่ง ณ ขณะนี้ยังไม่สามารถตอบได้ชัดเจน
ทั้งนี้ ในปีที่แล้ว(2550) ตลาดหุ้นทั่วโลก 17 แห่ง มีการปรับตัวขึ้นเฉลี่ยที่ 24.5% โดยตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้มีการปรับตัวขึ้นสูงสุดถึง 97% ส่วนตลาดหุ้นไทยก็ติดอันดับชั้นนำที่มีการปรับตัวขึ้นเช่นกัน โดยปรับตัวขึ้น 26% ส่วนตลาดหุ้นญี่ปุ่นเป็นตลาดที่แย่ที่สุดมีการเคลื่อนไหวติดลบ 11.1% ดังนั้นจึงอาจเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่นักลงทุนต่างชาติจะขายทำกำไรหุ้นไทยออกมาเหมือนตลาดอื่น ๆ ได้เช่นกัน
นายอดิศักดิ์ กล่าวอีกว่า คำว่า January Effect มองความหมายว่าเป็นการปรับพอร์ตของนักลงทุน ไม่ได้หมายความว่าจะต้องขึ้นหรือลง เพียงแต่ว่าในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมาตลาดหุ้นมีการปรับตัวขึ้นในช่วงเดือนมกราคมติดต่อกันทุกปี แต่ปีนี้อาจจะไม่เป็นอย่างที่ผ่านมาก็ได้ ขึ้นอยู่กับทิศทางเม็ดเงินลงทุนของต่างชาติ ซึ่งเขามีโอกาสที่จะปรับพอร์ตในปีนี้(2551) เนื่องจากปีนี้เศรษฐกิจสหรัฐไม่ดี และหุ้นที่ต่างชาติถืออยู่ในเอเชียส่วนใหญ่น่าจะมีผลกำไร และหากเขากำไรดีเขาก็อาจจะขายทำกำไรออกมาได้
สำหรับแนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ มองว่า ถ้าตลาดหุ้นไทยมีการรีบาวน์ทางเทคนิคก็จะเป็นสัญญาณที่ดี แต่ถ้าตลาดฯยังคงปรับตัวลง มองว่าทิศทางอาจจะไม่ดี โดยให้แนวรับที่ 850,830 จุด ส่วนแนวต้านให้ไว้ที่ 860 จุด
หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 ลำดับ ได้แก่ PTTAR มูลค่าการซื้อขาย 2,162.58 ล้านบาท ปิดที่ 47.75 บาท , PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 742.59 ล้านบาท ปิดที่ 159.00 บาท ลดลง 5.00 บาท
PTT มูลค่าการซื้อขาย 679.95 ล้านบาท ปิดที่ 370.00 บาท ลดลง 6.00 บาท , IRPC มูลค่าการซื้อขาย 197.30 ล้านบาท ปิดที่ 6.20 บาท ลดลง 0.15 บาท , MLINK มูลค่าการซื้อขาย 194.17 ล้านบาท ปิดที่ 1.72 บาท เพิ่มขึ้น 0.31 บาท
ภาวะการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย วันนี้(2 ม.ค.) ดัชนีปิดตลาดช่วงเช้าที่ระดับ 846.67 จุด ลดลง 11.43 จุด เปลี่ยนแปลง -1.33% มูลค่าการซื้อขาย 7,145.67 ล้านบาท โดยบรรยากาศการซื้อขายหุ้นภาคเช้าวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยส่วนใหญ่อยู่ในแดนลบ ขยับขึ้นแตะจุดสูงสุดที่ระดับ 860.69 จุด และแตะจุดต่ำสุดของที่ระดับ 846.18 จุด
นายอดิศักดิ์ คำมูล ผู้อำนวยการเศรษฐกิจและกลยุทธ์ สถาบันวิจัย บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวลงในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชีย อันเนื่องมาจากแรง take profit ภายหลังจากที่ได้มีการทำ window dressing เมื่อปลายปีที่แล้ว(2550) ซึ่งส่วนใหญ่เป็นของกองทุนในประเทศ
ส่วนนักลงทุนต่างชาติจะยังคงขายหุ้นออกมาอย่างต่อเนื่องจากปีที่แล้ว(2550) หรือไม่ให้จับตาดูวันนี้-พรุ่งนี้ เพราะจะเป็นตัวชี้นำทิศทางของการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ ว่าเม็ดเงินยังคงจะไหลออกไปอีกหรือเปล่า โดยเฉพาะทุนที่มาจากทางตะวันตก ซึ่ง ณ ขณะนี้ยังไม่สามารถตอบได้ชัดเจน
ทั้งนี้ ในปีที่แล้ว(2550) ตลาดหุ้นทั่วโลก 17 แห่ง มีการปรับตัวขึ้นเฉลี่ยที่ 24.5% โดยตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้มีการปรับตัวขึ้นสูงสุดถึง 97% ส่วนตลาดหุ้นไทยก็ติดอันดับชั้นนำที่มีการปรับตัวขึ้นเช่นกัน โดยปรับตัวขึ้น 26% ส่วนตลาดหุ้นญี่ปุ่นเป็นตลาดที่แย่ที่สุดมีการเคลื่อนไหวติดลบ 11.1% ดังนั้นจึงอาจเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่นักลงทุนต่างชาติจะขายทำกำไรหุ้นไทยออกมาเหมือนตลาดอื่น ๆ ได้เช่นกัน
นายอดิศักดิ์ กล่าวอีกว่า คำว่า January Effect มองความหมายว่าเป็นการปรับพอร์ตของนักลงทุน ไม่ได้หมายความว่าจะต้องขึ้นหรือลง เพียงแต่ว่าในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมาตลาดหุ้นมีการปรับตัวขึ้นในช่วงเดือนมกราคมติดต่อกันทุกปี แต่ปีนี้อาจจะไม่เป็นอย่างที่ผ่านมาก็ได้ ขึ้นอยู่กับทิศทางเม็ดเงินลงทุนของต่างชาติ ซึ่งเขามีโอกาสที่จะปรับพอร์ตในปีนี้(2551) เนื่องจากปีนี้เศรษฐกิจสหรัฐไม่ดี และหุ้นที่ต่างชาติถืออยู่ในเอเชียส่วนใหญ่น่าจะมีผลกำไร และหากเขากำไรดีเขาก็อาจจะขายทำกำไรออกมาได้
สำหรับแนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ มองว่า ถ้าตลาดหุ้นไทยมีการรีบาวน์ทางเทคนิคก็จะเป็นสัญญาณที่ดี แต่ถ้าตลาดฯยังคงปรับตัวลง มองว่าทิศทางอาจจะไม่ดี โดยให้แนวรับที่ 850,830 จุด ส่วนแนวต้านให้ไว้ที่ 860 จุด
หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 ลำดับ ได้แก่ PTTAR มูลค่าการซื้อขาย 2,162.58 ล้านบาท ปิดที่ 47.75 บาท , PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 742.59 ล้านบาท ปิดที่ 159.00 บาท ลดลง 5.00 บาท
PTT มูลค่าการซื้อขาย 679.95 ล้านบาท ปิดที่ 370.00 บาท ลดลง 6.00 บาท , IRPC มูลค่าการซื้อขาย 197.30 ล้านบาท ปิดที่ 6.20 บาท ลดลง 0.15 บาท , MLINK มูลค่าการซื้อขาย 194.17 ล้านบาท ปิดที่ 1.72 บาท เพิ่มขึ้น 0.31 บาท