คอลัมน์ “ริงไซด์ ไฟต์คลับ” โดย “ลักษมณ์ นันทิวัชรินทร์”
ถือเป็นข่าวใหญ่เลยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เมื่อคณะทำงานในคณะอนุกรรมการส่งเสริมและพัฒนากีฬามวย นัดประชุมกับคนวงการมวยนำโดย “เสี่ยโบ๊ท” ณัฐเดช วชิรรัตนวงศ์ และคนในวงการมวยอีกหลายคน เพื่อหารือเกี่ยวกับแนวทางที่คณะกรรมการฯ กำลังจัดทำร่างระเบียบและมาตรฐานการจัดการแข่งขันกีฬามวย ฉบับที่... (พ.ศ....) ประเด็นหลักๆ มี 2 ประเด็นคือ การชั่งน้ำหนักนักมวมยล่วงหน้า 24-30 ชั่วโมง และการเปิดคะแนนจากกรรมการให้ผู้ชมทราบทุกยก ซึ่งคนวงการมวยมีความเห็นตรงกันว่ารับไม่ได้ทั้งสองประเด็น
อย่างเรื่องการชั่งน้ำหนักนักมวยล่วงหน้า 24-30 ชั่วโมงก่อนการชก ทางฝ่ายคนวงการมวยมองว่าทำให้เกิดค่าใช้จ่ายมากขึ้น เพราะนักมวยและทีมงานต้องเดินทางไปสนามมวยล่วงหน้าหนึ่งวัน โดยเฉพาะในบ้านเราที่มีเวทีมวยตามต่างจังหวัดเยอะ หรือมีนักมวยจากต่างจังหวัดมาชกในเมืองก็เยอะ แต่เรื่องนี้ถือเป็นมาตรฐานในวงการกีฬาต่อสู้แทบทุกวงการไปหมดแล้ว เพราะเป็นที่ยอมรับโดยทั่วกันว่าทำให้เกิดความปลอดภัยกับตัวนักมวยหรือนักสู้มากขึ้น นักมวยได้มีโอกาสฟื้นตัวเร็วขึ้น ซึ่งจะทำให้มาตรฐานการต่อสู้สูงขึ้นด้วย นักมวยได้ใส่กันเต็มที่ไม่หมดแรงก่อน เอาจริงนักมวยอุตส่าห์ซ้อมมาทำน้ำหนักมาแทบตาย ถ้าได้ชกให้เต็มฝีมือด้วยสภาพร่างกายที่เต็มร้อย มันก็น่าจะดีกว่า ในแง่อัตราต่อรองได้เสียก็น่าจะดีกว่า และถ้าชนะก็จะได้ค่าตัวขึ้นไปเรื่อยๆ อีก ก็ดีกับค่ายมวยมากกว่า อันนี้ก็อยากให้คนวงการมวยลองเปิดใจดูอีกทีว่าข้อดีข้อเสียมันทางไหนเยอะกว่ากัน
ส่วนเรื่องเปิดคะแนนทุกยกนั้น บอกตรงๆ ก็แปลกใจเหมือนกันที่ทางคณะกรรมการฯ ชงเรื่องนี้ขึ้นมา การเปิดคะแนนนี้วัตถุประสงค์แรกเริ่มเลยก็น่าจะตัดปัญหาการที่ผลการตัดสินค้านสายตาบรรดาเซียนทั้งหลาย เพราะเห็นคะแนนมาตลอด รวมทั้งน่าจะช่วยลดปัญหาการให้คะแนนค้านสายตา แต่เท่าที่เห็นจาก RWS ก็ยังมีปัญหาที่พอเปิดคะแนนในแต่ละยกมาแล้ว คนดูก็งงเป็นแถวว่าทำไมคะแนนออกแบบนี้ และที่สำคัญพอเปิดคะแนนแล้ว มวยที่คะแนนเป็นรองก็พยายามเดิน หวังเรียกคะแนนคืน แต่ส่วนใหญ่กลายเป็นยิ่งเดินยิ่งแพ้ ส่วนมวยที่รู้ตัวว่าคะแนนนำ ก็เลยออกมาเต้นซะเลยแม้จะชกแค่ 3 ยก สรุปการเปิดคะแนนกลายเป็นตัวเร่งให้มวยน่าเบื่อไปอีก
ต้องยอมรับว่าการเปิดคะแนนนั้นน่าจะไม่เหมาะกับกีฬามวยจริงๆ อย่างที่ “เสี่ยโบ๊ท” พูดนั้นก็ถูก เพราะมีผลต่อการเล่นได้เสียกันในสนามมวย ซึ่งต้องยอมรับว่าเซียนมวยเป็นเส้นเลือดใหญ่ของสนามมวย แฟนขาจรนั้นยังไม่สามารถหล่อเลี้ยงสนามมวยได้ อย่างรายการ “วัน ลุมพินี” พยายามตัดเรื่องการพนันออกจากสนามมวย ก็ต้องมีทุนหนาจริงๆ ถึงจะรอด แล้วในรายการอื่นๆ ก็ไม่มีรายการไหนเปิดคะแนนกัน เว้นแต่สถาบันมวยโลกอย่าง WBA ที่ให้เปิดคะแนนทุก 4 ยก แต่เอาจริงก็ไม่ค่อยเห็นรายการระดับโลกเขาเปิดคะแนนกัน เรื่องนี้ไม่น่าจะได้เกิด ถ้าจะแก้ปัญหาเรื่องการให้คะแนนค้านสายตาหรืออะไร คงต้องหาวิธีอื่น ต้องมีเกณฑ์ให้ชัดเจนว่าแบบไหนได้คะแนน ไม่ใช่บางวันให้มวยเดินออกอาวุธ บางวันให้มวยจังหวะสอง บางวันให้มวยแข็งแรงเก็บอาการคุมรูปมวย แบบนี้เซียนมวยกับกรรมการถึงมองกันคนละมุมตลอด เรื่องนี้มีการพูดถึงหลายที แต่ยังแก้ปัญหากันไม่ได้ แต่ไม่ใช่การเปิดคะแนนทุกยกแน่นอน คณะกรรมการฯ น่าจะต้องหาวิธีอื่นมาแก้ปัญหานี้จะดีกว่า สุดท้ายจะจบยังไงต้องติดตาม