คอลัมน์ “ริงไซด์ ไฟต์คลับ” โดย “ลักษมณ์ นันทิวัชรินทร์”
เป็นเรื่องเป็นราวฮือฮาเลยทีเดียวสำหรับ “บังจู” ภูบดินทร์ ยูฮันเงาะ หรือ แสงอาทิตย์ ลูกทรายกองดิน มวยสร้างดาวรุ่งของค่ายทีแอล แกแล็คซี่บ๊อกซิ่ง ของเสี่ยเอี๊ยง ทวีสิน เหล่าสุวรรณวัฒน์ ที่เพิ่งได้ “โกอินเตอร์” ไปโชว์ฝีมือที่เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรสต์เมื่อสัปดาห์ก่อน พอกลับมาเมืองไทยเท่านั้นก็มีข่าวออกมาทันทีว่า “บังจู” นั้นไปเซ็นสัญญากับโปรโมเตอร์ “หยกขาว” ของฟิลิป วิลล่า เรียบร้อยแล้ว โดยทาง “หยกขาว” นั้นเตรียมปั้นมวยดาวรุ่งชาวไทยเต็มที่จัดโปรแกรมโกอินเตอร์ที่เมืองหลวงของวงการมวยโลกอย่างสหรัฐอเมริกาต่อเนื่องทันที
งานนี้ทางฝ่าย “เสี่ยเอี๊ยง” ออกมาประกาศก่อนเลยว่าต้องยอม “กลืนเลือด” พร้อมไลฟ์สดกว่าสองชั่วโมงแต่สรุปสั้นๆ คือปล่อยเด็กไปโดยไม่ต้องถามเหตุผล แต่โอดครวญเล็กน้อยว่าก่อนหน้านี้พยายามจะเซ็นสัญญาด้วยหลายครั้ง แต่ทางแสงอาทิตย์ไม่ยอมเซ็นด้วยซักที จนถึงวันนี้จึงไปเซ็นสัญญากับอีกค่ายได้ทันทีง่ายๆ ยอมรับว่าเสีย “ค่าโง่” เลยทีเดียว ส่วนทางตัวนักมวยนั้นได้คุณพ่อ นพฤทธิ์ ยูฮันเงาะ ผู้ปลุกปั้นลูกชายลูกสาว 16 คนแห่งค่ายลูกทรายกองดิน ออกมานั่งคู่ลูกชายแถลงข่าวสั้นๆ ประมาณว่ามีความไม่สบายใจหลายเรื่อง ทั้งการดูแล การฝึกซ้อม และการสร้างมวย จึงต้องขอไปหาเส้นทางใหม่ และประกาศก้องว่าจะต้องก้าวขึ้นไปเป็นแชมป์โลกให้ได้ เพราะหลังจากเกิดเหตุ “บังจู” ก็หลุดจากอันดับโลกทันที ทั้งที่เพิ่งชกชนะป้องกันเข็มขัด WBA Asia ไว้ได้แท้ๆ เรียกว่าเป็นแรงผลักดันอย่างดีสำหรับเหตุการณ์นี้
ปัญหาเรื่องมวยย้ายค่ายย้ายสังกัดนี่ถือเป็น “ปัญหาโลกแตก” ในวงการมวยไทยมานานแสนนาน เอาจริงการทำมวยบ้านเราก็ทำมวยกันแบบบ้านๆ ส่วนใหญ่อาศัยความ “เชื่อใจ” เอาเรื่อง “บุญคุณ” และ “ความจริงใจ” เป็นที่ตั้ง ส่วนใหญ่เวลามีการย้ายค่ายย้ายสังกัด นักมวยมักจะโดนข้อหา “อกตัญญู” แต่ขณะเดียวกันเมื่อมีประเด็นเรื่องการเซ็นสัญญา ก็จะมีประเด็น “สัญญาทาส” ตามมา ไม่ว่าจะเป็นการเซ็นสัญญาที่เอาเปรียบนักมวย ไม่มีการกำหนดระยะเวลา แล้วที่ตามมาสุดท้ายก็จะมีประเด็นเรื่องค่าตัว ที่นักมวยมักจะได้รับแบบไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย หัวหน้าค่ายเก็บไว้ให้ก่อนบ้าง แต่พอเลิกแล้วเงินที่เก็บไว้ให้ก่อนนั้นก็หายไปกับกาลเวลาและสายลม คราวนี้หัวหน้าค่ายก็กลายเป็นจำเลยสังคมต่อ
กรณีแสงอาทิตย์ กับเสี่ยเอี๊ยงนี้ เอาจริงแฟนมวยที่ติดตามในฐานะคนนอกก็ไม่รู้ตื้นลึกหนาบางอะไร ถ้าจะถอดบทเรียนจากเรื่องนี้ สิ่งที่อยากเห็นเกิดขึ้นในวงการมวยบ้านเรา ก็คือน่าจะมีการดำเนินการกันแบบ “มืออาชีพ” มากขึ้น คนธรรมดาจะทำงานที่ไหน ก็ยังต้องมีสัญญาจ้างงาน มีระเบียบปฏิบัติงานชัดเจน วงการมวยถ้ามีการทำสัญญาที่สบายใจกันทั้งสองฝ่ายก็น่าจะดี เขียนให้ชัดเจน มีระยะเวลา มีการกำหนด KPI หรือเป้าหมายให้ชัดเจน รวมทั้งการปฏิบัติของทั้งสองฝ่ายชัดเจน ฝ่ายค่ายจะต้องสนับสนุนอะไร ฝ่ายนักมวยต้องทำตัวอย่างไร ถ้าฝ่ายไหนผิดสัญญาจะมีบทปรับบทลงโทษอย่างไร การยกเลิกสัญญาทำได้หรือไม่ ทำอย่างไร เหล่านี้ ก็จะทำให้ทุกฝ่ายอยู่ร่วมกันอย่างสบายใจ เอาพลังใจไปทุ่มเทใช้ในการสร้างความก้าวหน้าในอาชีพมวยน่าจะดีกว่า ไม่รู้จะขอมากไปหรือเปล่า แต่ขอฝากชาววงการมวยไว้ด้วยละกัน