คอลัมน์ “ริงไซด์ ไฟต์คลับ” โดย “ลักษมณ์ นันทิวัชรินทร์”
วันเสาร์ที่ผ่านมาวงการมวยโลกบ้านเรากลับมาคึกคักอีกครั้ง เพราะมี “มวยสร้าง” ไทยขึ้นชกเคลื่อนไหวกันหลายราย เริ่มจากบ่ายๆ วันเสาร์ที่ผ่านมา ทางค่าย “นครหลวงโปรโมชั่น” ของ “เสี่ยฮุย” สุรชาติ พิสิฐวุฒินันท์ จัดรายการให้มวยในสังกัดขึ้นชกเคลื่อนไหว โดยคู่สำคัญคือ “เจ้าวัฒน์” นวพล นครหลวงโปรโมชั่น ที่ได้คิวขึ้นชก “ตัดเชือก” ชิงสิทธิ์ขึ้นชิงเข็มขัดโลกในรุ่นแบนตั้มเวท 118 ปอนด์ของสภามวยโลก WBC โดยพบกับนักชกฟิลิปปินส์ วินเซนต์ แอสโตรลาบิโอ มวยปินส์ตัวนี้ไม่เลวเคยเอาชนะยอดมวยคิวบาอย่างกิลเยอร์โม ริกองดาวซ์ มาแล้ว รวมทั้งแพ้คะแนนเจสัน โมโลนีย์ ไปแบบหวุดหวิดด้วยคะแนนเสียงส่วนใหญ่ ซึ่งเจสัน โมโลนี่ย์นี่สอนมวยนวพลของเรามาแล้ว ไฟต์นี้ “เจ้าวัฒน์” ของเรายังหลงทางหาฝั่งไม่เจอ เดินช้า ออกหมัดน้อย เกร็งหมัดแน่นหวังต่อยแบบโป้งเดียวจอด กลายเป็นต่อยไม่โดน กลับโดนนักชกฟิลิปปินส์ที่สไตล์ต่อยยุกยิกทิ่มหมัดเข้าหน้าและศีรษะจนหน้าแดงก่ำไปหมด มีช่วงยก 5 ยก 6 ที่นักชกไทยทิ่มลำตัวได้สวยๆ หลายหมัดจนแอสโตรลาบิโอมีอาการและเริ่มช้าลง แต่พอยก 11 จังหวะเราจะออกหมัดโดนหมัดสวนของนักชกฟิลิปปินส์เข้าเต็มหน้าร่วงไปฟังกรรมการนับ 8 ลุกขึ้นมายังไม่ฟื้นโดนมวยปินส์สาวหมัดใส่อีกชุดกรรมการยุติการชกทันที
พอตกดึกบ้านเรา มวยสร้างอีกราย “แสงอาทิตย์ ลูกทรายกองดิน” หรือ “บังจู” ภูบดินทร์ ยูฮันเงาะ วัย 19 ปี เจ้าของแชมป์ WBA Asia ในรุ่นซูเปอร์ไลท์เวท 140 ปอนด์ เดินทางออกไปชกนอกบ้านครั้งแรก พบกับนักชกจากจีนเป็นคู่เอกในรายการชกที่ดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ ไฟต์นี้นักชกไทยชกสไตล์พิมพ์นิยมเหมือนกัน เดินไปเรื่อยๆ เกร็งขวาแน่น ไม่มีการคลำเป้า ไม่มีหมัดนำ ไม่มีหมัดชุด แต่ได้จังหวะยก 4 ดักขวาเข้าเต็มหน้านักชกจีนร่วงไปให้กรรมการนับ 8 จากนั้นนักชกไทยก็ค่อยๆ ต่อยทีละหมัดๆ ไปเรื่อยๆ ครบยกชนะคะแนนสบาย แม้จะดูเกร็งๆ หนืดๆ ไป แต่ถือว่าทำได้ดีในการชกนอกบ้านครั้งแรก
จากสองไฟต์นี้ เอาจริงๆ ดูแล้ววงการมวยสากลไทยยังย่ำเท้าอยู่กับที่จริงๆ มวยเก๋าอย่าง ทั้งคู่ชกมวยแบบไทยๆ เดินเต็มเท้า ไม่มีฟุตเวิร์ค เกร็งหมัดแน่นหวังต่อยโป้งเดียวจอด แม้จะไม่ใช่มวยหมัดหนักทั้งคู่ ไม่มีหมัดนำ ไม่มีหมัดแย็ป ออกหมัดทีละหมัด ไม่มีหมัดชุด สปีดหมัดก็ช้า ตัวแข็งเดินทื่อๆ ป้องกันตัวไม่ดี อาศัยความทนทานเอาหน้าบล็อกหมัดแล้วออกหมัดโต้ ดูนักมวยสมัยใหม่จะเข้าออกเร็ว สเต็ปเท้าเร็ว ออกหมัดรวดเร็วเป็นชุด มวยเก่าวัย 31 อย่าง “เจ้าวัฒน์” นวพล นั้นก็ต้องทำใจแล้วว่าพัฒนามาได้แค่นี้ แต่มวยหนุ่มอย่าง “บังจู” ก็ยังชกแบบเดียวกัน แฟนมวยชาวไทยดูแล้วก็หนักใจ
จบไฟต์นี้ด้วยวัย 31 ปี เส้นทางของ “เจ้าวัฒน์” ที่กรำศึกมาตั้งแต่ปี 2009 หรือ 24 ปี สองรอบปีนักษัตรไปแล้ว ก็น่าจะไปต่อลำบากแล้ว นวพลนั้นถือเป็นนักชกที่จะเรียกว่าโชคดีก็ได้ เพราะทาง “เสี่ยฮุย” นั้นสนับสนุนเต็มที่ แม้จะพลาดหวังมาหลายครั้ง ทางค่ายนครหลวงโปรโมชั่นก็ยังพยายามผลักดันตลอด แต่จะว่าโชคร้ายก็ได้เพราะขึ้นชกไฟต์ใหญ่ๆ สำคัญๆ ก็ไปไม่ถึงดวงดาวเสียที ไม่เคยได้เกียรติประวัติเป็นแชมป์โลกกับเขา ก็ต้องติดตามต่อไปว่าทางตัว “เจ้าวัฒน์” เอง หรือทางค่าย จะมองเส้นทางต่อไปยังไงกันต่อ ล่าสุดทาง “เสี่ยฮุย” บอกว่าจะหาทางขอ “แก้มือ” เพราะมองว่ากรรมการยุติการชกเร็วไปหน่อย แต่ดูแล้ว “เจ้าวัฒน์” ก็ไม่อยู่ในสภาพที่จะสู้ต่อแล้วจริงๆ และถ้ายังชกแบบนี้เจอกันอีกก็ลำบากอยู่ดี ส่วน “บังจู” นั้นยังอายุน้อย การออกหมัดถือว่าดี ถ้าปรับสไตล์ให้เป็นมวยสมัยใหม่ขึ้นได้ ก็ยังมีเส้นทางอีกยาวไกล แม้มวยรุ่นใหญ่แบบนี้ก็ต้องยอมรับว่าโอกาสจะยิ่งใหญ่น่าจะยาก แต่อย่างน้อยแฟนมวยก็คงได้ตามเชียร์กันยาวไป