กลายเป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โตให้พูดถึงขึ้นมาเสียเฉยๆ ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อว่า “ลิซ่า ลลิษา มโนบาล” หรือ “ลิซ่า BlackPink “ จะต่อสัญญากับค่าย YG Entertainment อีกหรือไม่? หลังจากที่สัญญา 7 ปีของเธอกับค่ายสิ้นสุดไปแล้วตั้งแต่เดือน ส.ค. ที่ผ่านมา ล่าสุดก็ฮือฮาขึ้นมาอีกระลอกเมื่อค่ายเพลงระดับโลก Universal Music Group ได้โพสต์ภาพเดี่ยวของ “ลิซ่า” ลงในอินสตาแกรมทำเอาชาว Blink เอเชียแตกตื่น
ภาพที่ถูกนำมาโพสต์คือเดี่ยวของ ลิซ่า ที่ถ่ายไว้ขณะไปเที่ยว กรีซ เมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา โดยขึ้นแคปชันว่า “LALISA” และหัวใจสีน้ำเงิน เพราะถ่ายคู่กับท้องฟ้าน้ำทะเล แม้ภาพดังกล่าวแฟนๆหลายคนจะเข้ามาชื่นชมว่า ลิซ่า คือควีน และเจ้าแม่แฟชัน แต่ก็ทำแฟนคลับในเอเชียต่างหวั่นใจ ว่าเป็นการบอกใบ้ว่า “ลิซ่า” กำลังจะย้ายค่ายหรือไม่?
อย่างไรก็ตามถ้าย้อนกลับไปดูในอินสตาแกรมของ Universal Music Group จะเห็นได้ว่า นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่อินสตาแกรมดังกล่าวลงรูปเดี่ยวของ ลิซ่า เพราะก่อนหน้านี้ก็เคยลงรูปเดี่ยวของ ลิซ่า มาแล้วเมื่อวันที่ 19 ส.ค. ที่ผ่านมา โดยเป็นภาพที่เธอกำลังดื่มน้ำส้มขณะท่องเที่ยวในยุโรป และในวันที่ 7 ส.ค. ก็ลงภาพของ 4 สาว BlackPink พร้อมแคปชันว่า “BLackPink Forever” รวมถึงยังมีรูปเดี่ยวอื่นๆของ ลิซ่า ด้วย
นอกจากสาวๆ BlackPink แล้วทางค่ายก็เคยลงรูปของศิลปินเคป็อปวงอื่นๆทั้ง BTS และ Newjeans รวมถึงโปรโมทผลงานเดี่ยวของ จองกุก สมาชิกวง BTS เช่นกัน
การที่ทาง UMG โปรโมทผลงานของศิลปินเคป็อป รวมถึงลงรูปต่างๆที่นำมาจากอินสตาแกรมส่วนตัวของศิลปิน นั่นเป็นเพราะคือการช่วยโปรโมทผลงานและอัปเดตชีวิตของศิลปินที่ได้ร่วมงานกัน
เพราะ BlackPink เดินหน้าเข้าสู่ตลาดโลกโดยอาศัยความร่วมมือเป็นพาร์ทเนอร์กันกับทาง Interscope Records เพื่อโปรโมทผลงานอัลบัมของ BlackPink นอกตลาดเอเชีย โดยก่อนหน้านี้ทั้ง BlackPink และตัว ลิซ่า เองก็เคยมีผลงานเพลงร่วมกับศิลปินชื่อดังมากมายทั้ง เลดี้ กาก้า, เซเลนา โกเมซ และ ดีเจสเนคซึ่งทั้ง Interscope Records และ Universal Music Group ต่างทำข้อตกลงร่วมกันเป็นที่เรียบร้อยในการตีตลาดนอกเอเชียให้กับวง BlackPink
ซึ่งนอกจาก BlackPink แล้วทั้ง BTS และ NewJeans ต่างก็มีข้อตกลงร่วมกันในการโปรโมทตลาดนอกเอเชีย โดยการเป็นพาร์ทเนอร์ร่วมกับ UMG เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ลิซ่า จะต่อสัญญากับทางค่าย YG Entertainment หรือ จะมุ่งสู่ค่ายเพลงระดับโลกในฐานะศิลปินเดี่ยว ก็คงต้องติดตามดูกันต่อไป
