"กองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ" จัดอบรมเดินหน้าพัฒนาบุคลากร "มดงาน" มุ่งเน้นเพิ่มองค์ความรู้ ติดอาวุธให้เจ้าหน้าที่กองทุนฯ ให้มีศักยภาพสูงสุด ในการบริหารจัดการงบประมาณ เพื่อพัฒนาวงการกีฬาไทย
ดร.สุปราณี คุปตาสา ผู้จัดการกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ (NSDF) เป็นประธานเปิดการจัดสัมมนา "โครงการพัฒนาบุคลากรของกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติประจำปี พ.ศ.2565" ที่โรงแรม ณ เวลา โฮเต็ล แอนด์ คอนเวนชั่น จังหวัดราชบุรี โดยมีนายชนาสิน สิมะดำรงค์ รองผู้จัดการกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ พร้อมทั้งบุคลากรและลูกกจ้างของกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ และ กกท. เข้าร่วมการสัมมนาในโครงการฯ
การสัมมนาโครงการพัฒนาบุคลากรของกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ประจำปีพ.ศ.2565 ครั้งนี้ ทางกองทุนฯ ได้มีการเสวนาในหัวข้อ "ยุทธศาสตร์ชาติ เพื่อการพัฒนากีฬาสู่ความเป็นเลิศและอาชีพ” โดยได้รับเกียรติจาก "โค้ชหรั่ง" ดร.ชาญวิทย์ผลชีวิน สมาชิกวุฒิสภา และอดีตหัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมฟุตบอลทีมชาติไทย ทำหน้าที่เป็นผู้บรรยาย ต่อด้วยการบรรยายหัวข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ โดย ดร.สุปราณี คุปตาสา รวมทั้งการจัดกิจกรรมสันทนาการ เพื่อมุ่งเน้นการเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันของคนในองค์กร
ดร.สุปราณี คุปตาสา กล่าวว่า ปัจจุบัน กองทุนฯ มีพนักงานทำงานเพียง 40 คน เท่านั้นแม้จะมีจำนวนน้อย แต่ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา เราทำงานกันอย่างหนัก แทบไม่มีวันลาพักร้อน เพื่อทำงานออกมาอย่างมีประสิทธิภาพ การสัมมนาโครงการพัฒนาบุคลากรของกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาบุคลากรของกองทุนฯรวมทั้งสร้างความรักความสามัคคีระหว่างบุคลากรของกองทุนฯ ที่ต้องทำงานร่วมกัน
ขณะที่ "โค้ชหรั่ง" ดร.ชาญวิทย์ ผลชีวิน กล่าวว่า กองทุนฯ ก่อตั้งมาประมาณ 2 ปี เราจะทำอย่างไรให้เติบโต ก้าวเดินไปข้างหน้าหน้าอย่างแข็งแรง แนวทางการทำงานของกองทุนฯ นั้น ต้องทำงานเชิงบวกและเชิงคูณ การติดต่อประสานงานให้ความช่วยเหลือองค์กรอื่นๆ โดยเฉพาะสมาคมกีฬาแห่งประเทศไทยและสมาคมกีฬาแห่งจังหวัด ที่จะเขียนแผนโครงการเพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากกองทุนฯ เพื่อนำไปพัฒนาการกีฬา ทั้งในส่วนของกีฬาเพื่อเป็นเลิศและกีฬาอาชีพ ซึ่ง กองทุนฯ จะต้องมีการวิเคราะห์ถึงความสำคัญและความเป็นไปได้ของแต่ละโครงการด้วย โดยจะต้องพิจารณาถึงเรื่องของการนำวิทยาศาสตร์การกีฬา รวมทั้งงานวิจัย นวัตกรรม และเทคโนโลยีทางด้านการกีฬา มาใช้พัฒนาเป็นหลัก
ภายหลังจบการสัมมา ดร.ชาญวิทย์ ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ต้องขอบคุณทางกองทุนฯ ที่เชิญมาเป็นวิทยากรในครั้งนี้ ซึ่งถือว่าเป็นประโยชน์อย่างมากเพราะได้มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกัน โดยเฉพาะในส่วนของนิติบัญญัติ ที่จะได้ร่วมกันขับเคลื่อนให้กองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ในอนาคตจะออกมาในรูปแบบไหน ปัจจุบันกองทุนฯ มีความสำคัญอย่างมาก จะเห็นได้ว่าหน่วยงานทางด้านการกีฬาใครๆ ก็อยากจะได้งบประมาณจากกองทุนฯ ซึ่งจุดที่เป็นคีย์พอยต์ที่ได้แนะนำทางกองทุนฯ ไป คืออย่างน้อยต้องตอบโจทย์รัฐธรรมนูญ ตอบโจทย์ยุทธศาสตร์ชาติ ตอบโจทย์แผนปฏิรูปประเทศได้ และตอบโจทย์กระทรวง ทบวง กรม ที่มีการขับเคลื่อนทางด้านการกีฬา และยังมองว่าอนาคตกองทุนฯ นอกจากจะเบิกค่าตอบแทนของนักกีฬาโดยตรงแล้ว กีฬาขั้นพื้นฐาน กีฬามวลชน แม้กระทั่งอุปกรณ์กีฬา วัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ก็ดี จะเป็นส่วนที่ขับเคลื่อนทำให้วงการกีฬาพัฒนาได้ แนวคิดคือ อยากเห็นกองทุนฯ ออกแบบพัฒนาองค์กรของตัวเองไปสู่ระดับสากล ระดับนานาชาติและช่วยกันขับเคลื่อนพัฒนาการกีฬาของประเทศ ให้ก้าวสู่ในระดับสากลให้ได้
ทางด้าน ดร.สุปราณี กล่าวว่า กองทุนฯ มีหน้าที่ส่งเสริมและสนับสนุนนักกีฬา บุคลากรกีฬา และสมาคมกีฬาต่างๆ ฉะนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการเตรียมพร้อมด้านบุคลากรของกองทุนฯ ซึ่งมีจำกัดมาก ปัจจุบันมีอยู่แค่ 40 คนเท่านั้น แต่ต้องบริหารงบประมาณจำนวนมาก แต่ถามว่าเราทำได้อย่างไร ต้องเรียนว่าเจ้าหน้าที่ทุกคนทุ่มเทอย่างเต็มที่บวกกับความรู้ความสามารถ ที่ทางกองทุนฯ เพิ่มพูนให้ในด้านต่างๆ เช่น เรื่องของกฎหมายการเบิกจ่ายงบประมาณ และกฎระเบียบต่างๆ ของกองทุนฯ ที่เจ้าหน้าที่กองทุนฯ ต้องรู้และทำความเข้าใจ เพื่อที่จะได้สื่อสารกับสมาคมกีฬา สื่อมวลชน และบุคคลทั่วไปให้เข้าใจได้