คอลัมน์ “ริงไซด์ ไฟต์คลับ” โดย “ลักษมณ์ นันทิวัชรินทร์”
สมกับที่ “ริงไซด์ ไฟต์คลับ” เคยวิเคราะห์ไว้แล้วว่าเที่ยวนี้ทัพมวยสากลสมัครเล่นเราไม่มือเปล่าแน่นอน ทีมกำปั้นไทยในโอลิมปิก “โตเกียว 2020 (+1)” สามารถคว้าเหรียญทองแดงประวัติศาสตร์มาได้จาก “เจ้าแต้ว” สุดาพร สีสอนดี ในรุ่นไลท์เวทหญิง หลังจากฝ่าฟันเข้าไปถึงรอบรองชนะเลิศ ก่อนจะพ่ายนักชกสาวจากไอร์แลนด์ “เต็ง 1” ไปแบบฉิวเฉียดสุดๆ ชนิดสาวไอริชยืนสีหน้าไม่ดีตอนรอฟังผล และพอผลออกมาฝั่งนักชกไอร์แลนด์ก็รีบเดินมาชูมือให้ “เจ้าแต้ว” แสดงการยอมรับฝีมือเลยทีเดียว ถือเป็นเหรียญโอลิมปิกเหรียญแรกในรายการมวยสากลสมัครเล่นหญิงของไทย แม้จะไม่ได้เหรียญที่ใหญ่กว่านี้ แต่ก็ถือว่าสร้างประวัติศาสตร์ได้ นอกนั้นนักชกไทยก็ทำผลงานได้ดี เข้าถึงรอบชิงเหรียญทองแดงอีก 2 ราย ก่อนจะพลาดท่าพ่ายแบบสูสีสุดๆ หรือถึงขั้นขัดใจแฟนมวยชาวไทยเลย ทั้ง “เจ้าสด” ฉัตรชัยเดชา บุตรดี และ “น้องเฟี้ยว” จุฑามาศ จิตรพงศ์
กลับมาคราวนี้สมาคมมวยสากลสมัครเล่นคงได้แนวทางในการพัฒนานักชกเราต่อ อย่างแรกเลยคือนักชกเรามักถนัดชกจังหวะสอง พอคะแนนไม่เป็นใจต้องเดินจะเห็นเลยว่านักชกเราเดินสะเปะสะปะ เข้ามวยแบบมวยวัดนิดหน่อย คืออาศัยพุ่งเข้าทิ่มมากกว่าจะอาศัยเชิงมวยแย็ปคลำเป้าแล้วเข้าเมื่อมีช่องว่าง แบบนี้ทำให้แม้เราจะเข้าแล้วต่อยโดน แต่ก็มักโดนหมัดดักจังหวะสองของฝ่ายตรงข้าม ถ้าเจอกรรมการชอบมวยรูปมวยสวย คะแนนก็จะออกแบบคู่ “เจ้าสด” ฉัตรชัยเดชา ที่พุ่งเข้าทิ่มหมัดได้สวยๆ หลายหมัด แต่คะแนนออกฝั่งคิวบาที่ยืนคุมรูปมวยดักจังหวะสองหมด
อีกอย่างคือนักมวยเรามีแต่หมัด 1-2 พุ่งเข้าแล้วทิ่ม 1-2 โดนก็ดี พอไม่โดนก็ทำอะไรต่อไม่ได้ เพราะโถมเข้าใส่สุดตัวแล้ว หรือถ้าเขาดักจังหวะสองมาก็จะโดนทำให้เสียคะแนนไปอีก หมัดแย็ปยังมีน้อย อันนี้ต้องบอกว่าเป็นอาการเรื้อรังของวงการมวยไทย ทั้งมวยสมัครเล่น และมวยอาชีพ อยากให้ผู้เกี่ยวข้องดูเทปนักมวยที่ชกสวยๆ เดินเข้าใส่ได้โดยไม่เสียรูปมวย และออกหมัดได้เป็นชุด มาปรับเชิงมวยของเรา เพื่อให้ไม่ต้องมาช้ำใจแบบคราวนี้อีก
สุดท้ายก็ต้องวนมาที่การตัดสินในมวยโอลิมปิกคราวนี้ ซึ่งแม้ว่าไอโอซีจะแบน “ไอบ้า” ไม่ให้มาจัด แต่การตัดสินก็ยังมีสีเทาๆ อยู่ดี ของมวยเราทั้ง “เจ้าสด” หรือ “น้องแต้ว” ก็ยังแค่ค้านสายตาเล็กน้อย ดูความเห็นจากหลายๆ แหล่งก็มองแล้วออกหน้าไหนก็ได้ แต่ก็มีหลายคู่ที่ค้านสายตาสุดๆ อย่างรอบ 8 คนสุดท้ายในรุ่นฟลายเวทชาย ที่นักชกญี่ปุ่น “เจ้าภาพ” เอาชนะนักชกโคลอมเบียชนิดผู้ชนะต้องนั่งรถเข็นออกจากสนาม หรือรุ่นซูเปอร์เฮฟวี่เวท ที่นักชกฝรั่งเศสถูกจับแพ้ฟาล์วนักชกสหราชอาณาจักร ข้อหาเอาศีรษะชน โดยไม่มีการเตือนนักชกฝรั่งเศสก่อน (ปกติต้องเตือน 2 ครั้ง) เล่นเอานักชกฝรั่งเศสนั่งประท้วงบนเวทีอยู่ร่วมชั่วโมง แล้วก็มีอีกหลายคู่ที่ทิ่มคู่ต่อสู้จนโดนนับ 8 แต่คะแนนออกมาชนะแค่ 10-9 ทั้งๆ ที่ควรจะเป็น 10-8 (จะเป็น 10-9 ก็ได้ แต่หมายความว่าฝ่ายที่โดนนับต้องทำได้ดีสุดๆ จะแจ้งสุดๆ ในยกนั้น ถึงจะแพ้แค่ 10-9) เสียงบ่นเรื่องการตัดสินอาจไม่กระหึ่มโลกอย่างครั้งก่อนๆ แต่สรุปแล้วมวยสากลสมัครเล่นยังหนีไม่พ้นวังวนเดิมๆ เรื่องการตัดสินและ “หน้าเสื่อ” ต้องรอดูกันต่อไปว่ามวยสากลสมัครเล่นจะเดินไปทางไหนต่อ และขอชื่นชมและเป็นกำลังใจให้สมาคมมวยสากลสมัครเล่นกลับมาสร้างผลงานเป็นขวัญใจกองเชียร์ชาวไทยให้ได้เหมือนก่อนนี้