โอลิมปิก โตเกียว เกมส์ 2020 ที่ประเทศญี่ปุ่น ที่แข่งขันกันอยู่ ณ ขณะนี้เราจะเห็นว่าไม่มีชื่อของ รัสเซีย ชาติมหาอำนาจในหลายชนิดกีฬา ประหนึ่งเหมือนไม่ได้ส่งนักกีฬามาชิงชัย ทว่า ไม่ใช่เช่นนั้น เพราะพวกเขาต้องส่งแข่งในชื่อของ Russian Olympic Committee (ROC) เนื่องจากโทษแบนที่เคยใช้สารกระตุ้น
ต้นเรื่องที่เกิดขึ้นต้องย้อนไปในปี 2014 มหกรรมกีฬา โอลิมปิก ฤดูหนาว ที่เมืองโซชิ ประเทศรัสเซีย เจ้าภาพมีการใช้สารกระตุ้น โดยถูกตรวจเจอมากกว่า 1,000 คน ทั้งหมดถูกวางแผนมาเป็นดิบดี เช่น การกรองปัสสาวะเพื่อไม่ให้ตรวจเจอ เหตุการณ์นี้กระฉ่อนโลกมาก เนื่องจากรัฐบาลภายใต้การนำของ วลาดิมีร์ ปูติน รู้เห็นเป็นใจและคิดว่าคงไม่มีใครทำอะไรพวกเขาได้ แต่ว่าเป็น กริกอรี รอดเชนคอฟ อดีตผู้อำนวยการศูนย์ต่อต้านการโด๊ปรัสเซีย ที่ออกมาแฉเรื่องนี้
ร้อนถึง องค์กรต่อต้านการใช้สารต้องห้ามโลก (WADA) ต้องลงโทษขั้นเด็ดขาด เริ่มตั้งแต่ห้าม รัสเซีย แข่งขัน โอลิมปิก ฤดูหนาวปี 2018 ที่เมืองพยองชาง เกาหลีใต้ ผลพวงลามไปถึงคนที่ไม่ได้ใช้สารกระตุ้นทำให้ โอลิมปิกปี 2016 ที่นครริโอ เดอ จาเนโร ประเทศบราซิล แม้จะแข่งได้แต่ห้ามประกาศว่ามาจาก รัสเซีย
รัสเซีย ได้อุทธรณ์ไปยัง ศาลอนุญาโตตุลาการกีฬา (CAS) ทำให้ได้ลดโทษกึ่งหนึ่งจากแบน 4 ปี เหลือครึ่งหนึ่งคือ 2 ปี ทำให้สามารถแข่ง โอลิมปิก 2020 หนนี้ได้ แต่ต้องเจอกับกฎเข้มคือห้ามบอกว่าเป็นนักกีฬาจากรัสเซีย ธงสัญลักษณ์ก็ห้ามใช้ ถ้าได้เหรียญห้ามใช้เพลงชาติให้ใช้เพลง เปียโน คอนแชร์โต ผลงานของ ปิออตอร์ อิลิช ไชคอฟสกี คีตกวีชื่อดัง นอกจากนี้ ชุดก็ห้ามมีสีที่บ่งบอกว่าเป็นรัสเซียด้วย จึงเป็นที่มาของชื่อ Russian Olympic Committee (ROC)
ทำให้ โอลิมปิก โตเกียว 2020 รัสเซีย จึงมีนักกีฬาจำนวน 335 คนลงแข่งขันได้ แต่ว่าคนที่เกี่ยวข้องกับการใช้สารกระตุ้นระหว่างปี 2011-2014 แข่งขันไม่ได้ อีกทั้งทุกคนภายใต้ชื่อ โอลิมปิกรัสเซีย (ROC) จะต้องถูกตรวจหาสารกระตุ้นแบบเข้มข้นและถูกจับตามองมากกว่าชาติอื่นเป็นกรณีพิเศษนั่นเอง